.. ตำนานของทวีปวิลมะ
“ในตำนานกล่าวว่าแสงมนตร์เสน่ห์ไม่ใช่ทักษะของสามอาชีพที่ยิ่งใหญ่ นักเวทย์คนหนึ่งเคยถูกมนตร์สะอดโดยหัวหน้าปีศาจของวิลมะ ขณะที่เขาได้รับมนตร์สะกดในเวลานั้นเขาก็ได้เรียนรู้มนตร์สะกดนี้ไปในตัว ในเวลาเดียวกันหัวหน้าปีศาจของวิลมะในตอนนั้นได้สร้างสาวกผู้ภักดีนับหมื่นคนเพื่อใช้ในการต่อสู้ เขาใช้เพียงเวลาไม่นานในการรวบรวมทั้งครึ่งคนครึ่งสัตว์โดยแสงแห่งมนตร์เสน่ห์ ..” ฟางฉีเล่าประวัติความเป็นมาของแสงมนตร์เสน่ห์
“มันทรงพลังหรือ?”
“ดูมันไม่จริงเลย!”
“ถ้าเป็นความจริงไหงแสงมนตร์เสน่ห์ของข้าไม่มีผลบกับสัตว์!?” ซียื่อเถียงข้อสงสัยในใจ “นี่มันทักษะขยะ!”
ใบหน้าของฟางฉีดูจริงจัง “ในฐานะผู้เริ่มต้นเจ้าสามารถสร้างกองทัพได้แต่ต้องเริ่มจากสัตว์เล็กๆ ก่อนเป็นไปไม่ได้ที่จะให้สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ หลงไหลในแสงนี้ง่ายดาย เจ้ายังพลังอ่อน” เขาไล่เธอให้ไปลองสะกดไก่หรือแมวที่มีพลังและระดับที่น้อย
ขณะเดียวกันเขาเองก็บอกเจียงเสี่ยวหยูและซูเหยาให้ฝึกใช้คาถารวบรวมโครงกระดูกมันมีคุณสมบัติพิเศษอย่างมาก สามารถเรียกมารวมตัวและเป็นแท้งค์หรือตัวถ่วงเวลาได้ชั่วขณะ
เนื่องจากไม่มีสัตว์ประหลาดที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมืองหากมันโผล่เข้าไปจะถูกยามรักษาการณ์เด็ดหัวโดยทันทีที่เห็น คาถารวมรวบโครงกระดูกก็เช่นกันหากยามรักษาการณ์เห็นเขาจะถือว่าเป็นการดูถูกและรวบรวมพลเพื่อเข้ามาฆ่าผู้เล่นเช่นกัน!
ดังนั้นฟางฉีจึงพาพวกเขาไปที่ลานประลองเขี้ยวเสือ เพื่อฝึกฝนฝนทักษะในการเรียก ขณะเดียวกันผู้เล่นคนอื่นเองยังคงสำรวจป่าวิลมะไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากมีสัตว์ประหลาดจำนวนมากในป่านั้นจึงทำให้พวกเขายังขยายพื้นที่ในแผนที่กันไปไม่ถึงไหนเสียที
เมื่อฟางฉีพบที่นี่เขาเลือกที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่องจนได้พบเข้ากับอุโมงค์ลับ เขาตัดสินใจเดินทางต่อไปโดยไม่ลังเล
บรรพบุรุษของเขี้ยวเสือเคยช่วยฮีโร่สามคนในการต่อสู้กับปีศาจดวงจันทร์สีแดงและเขาถูกสาปโดยปีศาจให้กลายเป็นผู้พิทักษ์ เขาจึงมีหน้าที่ปกปักรักษาที่นี่ตลอดมา และเมื่อเห็นใครนำสัตว์ร้ายหรือโครงกระดูกออกมาจากลานประลองพวกมันจะถูกเขาจัดการในทันที
…
ขณะเดียวกันกลุ่มพัทธมิตรเต๋าของวู่เว่ยได้พบวัตถุโบราณที่ถูกฝังด้วยเวทย์มนตร์มันมีขนาดใหญ่ กองกำลังคิดว่าพวกเขาจะขายให้กับกองกำลังภายในลับๆ ซึ่งมันแน่นอนว่าถึงยังไงพวกเขาก็จะขายต่อไปยังกองกำลังใหญ่ในตาจิน
ในทางกลับกันกองกำลังขนาดใหญ่มักจะขายสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณต่างๆ ให้กับคนนอกประเทศ ในตอนนี้ของที่ถูกปลูกฝังโดยเวทย์มนตร์ถือเป็นสิ่งใหม่ที่ดึงดูดความสนใจจากกองกำลังขนาดใหญ่จำนวนมากทั้งในตาจินเองและประเทศเล็กๆ โดยรอบ
วันนี้มีผู้ปลูกฝังจำนวนมากเดินทางเข้ามาในเมืองจิวหัว พวกเขาสวมชุดเสือคลุมสีเขียวพร้อมรูปภูเขาหยกปักอยู่บนทรวงอกหน้าเสื่อของพวกเขา พวกเขาเป็นศิษย์จากภูเขาหยกซึ่งอยู่เหนือมหาสมุทรตะวันออก
นอกจากนี้ยังมีชาวลัทธิเต๋าบางคนสวมเสื้อคลุมสีขาวดำ เข้ามาปะปนเช่นกัน พวกเขาเป็นผู้ปลูกฝังจากวังมังกรเต๋า สำหรับผู้ฝึกฝนนั้นจะใส่เสื้อผ้าแฟนซีพร้อมเข็มขัดดูแปลกตาคนพวกนั้นมาจากครอบครัวใหญ่บนภูเขาลิงลัง
ย้อนไปในอดีตผู้ปลูกฝังอิสระและผู้ฝึกฝนรายย่อยส่วนใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ อย่างตาจิน แต่ปัจจุบันชนชั้นสูงต่างๆ หรือกองกำลังต่างเข้ามาอยู่อาศัยแทน
การปลูกฝังเวทย์มนตร์พื้นฐานนั้นไม่ได้มีประโยชน์แค่สำหรับผู้ฝึกฝนเท่านั้น แต่มันยังเป็นประโยชน์ต่อกองกำลังหลักที่มีสาวกนับหมื่น ในแง่ของทรัพยากรและประสบการณ์ทางโลกของกองกำลังเหล่านี้ไม่ไม่ได้มีความขัดแย้ง แต่หากพวกเขาแพ้คู่แข่งโดยมากเกิดจากความผิดพลาดและความด้อยค่าของสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณแทนที่จะเป็นจุดแข็งในการฝึกฝนต่ำ ..
แค่จินตนาการถึงสถานการณ์ที่มีผู้ฝึกฝนพร้อมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่คล้ายกันแล้วก็คงใช้งานได้ไม่แพ้กัน แต่บางคนมีสิ่งประดิษฐ์ที่บวกคุณสมบัติเช่นพลังงานบวกสิบ ความชำนาญบวกสิ่ง ซึ่งรูปร่างที่คล้ายกันของสิ่งประดิษฐ์ไม่ได้บ่งบอกคุณสมบัติภายใน
เหตุการณ์หนึ่งศิษย์ของวังหลิวหยุนที่มีความสามารถในการฝึกฝนต่ำและมีผู้สามารถใช้คาถาทางจิตวิญญาณได้ไม่กี่คน แต่พวกเขามีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับกลางและยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสทิธิภาพ
อีกเหตุการณ์หนึ่งผู้ฝึกฝนบางคนพบทีมสาวกจากวังหลิวหยุนซึ่งงเป็นเพียงแค่นักรบธรรมดาที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรนักรบบรรพบุรุษ หากเทียบแล้วผู้ฝึกฝนเอาชนะนักรบได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างไรในเวลานั้นผู้ฝึกฝนกลับถูกกระแทกด้วยบางสิ่งที่เรียกว่าปืน!
โชคดีที่นักรบไม่ต้องการฆ่าจึงปล่อยพวกเขาไป มิฉะนั้นคงไม่เหลือและคงไม่มีใครเชื่อว่าผู้ฝึกฝนเหล่านี้จะถูกฆ่าตายโดยนักรบธรรมดา!
เนื่องจากผู้มีอำนาจตัดสินใจในกลุ่มต่างๆ กลัวเกิดการรุกรานที่อาณาจักหยุนเตียน พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปซื้อสิ่งประดิษฐ์เองจึงส่งเหล่าสาวกไปแทน
ในโลกแห่งความจริงพวกเขามองว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากสิ่งของเหล่านี้ นี่จึงเป็นสาเหตุให้กองกำลังต่างๆ รวมไปถึงเมืองใหญ่อย่างจิวหัวและหยันไห่ถูกครอบ
เมื่อก่อนกลุ่มพันธมิตรเต๋าวู่เว่ยได้ส่งเสริมและค้าขายทรัพยากรและสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณให้กับกองกำลังโดยรอบโดยการนำเสนอ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมากสาวกกลุ่มใหญ่นอกประเทศต้องเดินทางเข้ามาในตาจินเพื่อซื้อสินค้าจากพันธมิตรงูเว่ยแทน
พวกเขาเป็นมาเป็นกลุ่มใหญ่และต้องการสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณในปริมาณมาก!
ชายหนุ่มผู้ฝึกฝนการแต่งตัวหนูหรากำลังมองหาสิ่งประดิษฐ์เขาดูท่าทางอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เดินเข้าไปในศาลาบลูเฟรม เขามองไปรอบๆ พลางเห็นสัญญาลักษณ์ขนาดใหญ่ (เทศกาลซีซี่ลดแลกแจกแถม ส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นทุกรายการในร้าย)
(ผู้แปล : Qixi (七夕节 – Qīxì jié -ชีซี่เจี๋ย) หรือ ทานาบาตะของญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับคืน7ค่ำเดือน7ตามปฎิทินของจีน ซึ่งถือเป็นวันวาเลนไทน์ของคนจีน)
ชายหนุ่มดูงุนงง
ฝั่งพนักงานมองหลี่เฮารันด้วยความสับสน “ท่านอาจารย์หลี่ มันจะดีหรอ?”
“ข้าก็ไม่รู้ ..” หลี่เฮารันทำหน้านิ่ง “เป็นคำแนะนำจากฟางฉี”
“เราไม่มีเทศการซีซี่ไม่ใช่หรอ?”
หลี่เฮารันตอบกลับขณะที่เขาเองก็สมองโล่ง “นี่ถือเป็นส่วนเสริมใหม่ในร้านของเราละกัน ข้าก็คิดว่าผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้านคงไม่รู้เหมือนกัน”
ผู้ปลูกฝังถามพนักงานด้วยความตื่นเต้น “เทศการซีซี่คืออะไร?”
“สวัสดีกงซี นี่คือการขายรูปแบบใหม่ของร้านเรามีส่วนลดให้สำหรับของทุกชิ้นเป็นเวลาเจ็ดวัน” หญิงสาวอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“แต่ในสามวันแรกนี้ของทุกชิ้นลดราคาถึงห้าสิบเปอร์เซ็น! สิ่งเหล่านี้ที่ท่านเห็นคือสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ดีที่สุดในร้านของเราแถมยังมีการปลูกฝังด้านเวทย์มนตร์อย่างมีประสิทธิภาพชั้นสูง!”
“สินค้าทุกชิ้นลดห้าสิบเปอร์เซ็น!?”
เธอพนักหน้ารับ “ใช่ แต่แค่สามวันเท่านั้น”
“เยี่ยม” ชายหนุ่มวางแผนว่าจะซื้อวัตถุโบราณกว่าร้อยชิ้นตอบกลับทันที “ข้าสนใจของห้าร้อยชิ้นในการเพิ่มพลังงานและอีกสามร้อยชิ้นเพื่อเพื่อมความชำนาญ”
…
ในเมืองครึ่งซียื่อหาวและเอ่ยถามหัวหน้าสมาคมด้วยความง่วงนอน “หัวหน้าการปฏิบัตินี้มีประโยชน์หรือไม่?”
“แน่สิ เจ้าอยู่ในระดับไหน?”
“ข้าอยู่ในระดับสาม ..” ซียื่อตอบเชื่องช้า
“มาที่ทางเข้าพระอาทิตย์!”
เจียงเสี่ยวหยูและซูเหยาในตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการฝึกคาถาเรียกโครงกระดูก ซียื่อมองไปที่ฟางฉีพร้อมทำหน้าตาหน้าเบื่อ “หัวหน้าให้ข้ามาทำอะไรที่นี่? ข้าไม่ได้จะเรียกโครงกระดูก!”
ฟางฉีชี้ไปที่ผู้พิทักษ์เขี้ยวเสือที่เพิ่งฆ่าโครงกระดูกที่สองสาวปลุก เขาพูด “ใช้แสงมนตร์เสน่ห์!”
“หืม?” หญิงสาวทุกคนหันไปจับจ้องทีฟางฉีด้วยความประหลาดใจ
“หัวหน้าสมาคมให้ข้าใช้แสงมนตร์เสน่ห์?” พวกเขาเห็นพลังที่น่ากลัวของผู้พิทักษ์แล้วต่างวิ่งหนีไปหลบด้วยความรวดเร็ว สาเหตุที่พวกเขามาฝึกซ้อมเรียกโครงกระดูกที่นี่ก็เพื่อให้ผู้พิทักษ์กำจัดพวกมันจะได้ไม่เยอะเกินไปและเรียกใช้ใหม่ได้ทุกเมื่อ
ซียื่อทำตามคำบอกของหัวหน้า เธอเรียกแสงมนตร์เสน่ห์ออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก .. ใช่ ผู้พิทักษ์หลงในแสงมนตร์เสน่ห์ ซียื่อยิ้มออกมาทันที “ข้าทำได้!”
“เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปเรียกผู้พิทักษ์นกเหยี่ยว” ฟางฉีเอ่ย “วันนี้ข้าเห็นผู้พิทักษ์นกเหยี่ยวขณะที่เดินทาง”
นกเหยี่ยวผู้พิทักษ์เป็นนักธนูผู้ภักดี แต่เขาพ่ายแพ้หลังจากหลงเสน่ห์ปีศาจตัวใหม่ เขามักจะเดินไปในป่าและเขาวงกตเขาใช้การโจมตีในระยะไกลได้ทรงพลังแถมสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรูผู้พบเห็นอย่างมาก!