บทที่ 169 คล้ายชอบคล้ายไม่ชอบ

บุหลันเคียงรัก

เขาจ้องไปที่มหาเทพชิงหยางรุ่นก่อนๆ ตรงหน้าคนนี้ตาไม่กะพริบ

 

 

ตอนที่เขากับมหาเทพจู๋อินรุ่นก่อนๆ สู้กัน ตัวเขายังอายุไม่มาก จริงๆ แล้วมหาเทพจู๋อินโอหังอวดดีก็ไม่ได้ต่างกับทุกวันนี้เท่าไหร่นัก ตระกูลชิงหยางสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากตระกูลจู๋อินที่ราวกับเมฆดำปกคลุมด้านบน ไม่ใช่เพียงแค่เพราะการต่อสู้ของมหาเทพที่น่าตกตะลึงไปทั้งฟ้าดินในตอนนั้นเท่านั้น

 

 

จริงๆ แล้วนอกจากรูปโฉมหน้าตา เขากับมหาเทพชิงหยางที่เต็มไปด้วยสีหน้าเปี่ยมปณิธานก็ยังมีสิ่งที่ไม่เหมือนกัน บางทีอาจเพราะเขาถูกทรมานอยู่ในที่มืดสนิทมานานหลายล้านปี ทำให้ไอบนร่างของเขาไร้ความเฉียบคม เรื่องทุกอย่างที่จัดการได้ยากต่างก็ซ่อนอยู่ในส่วนลึก และไม่ยอมเผยออกมาแม้สักนิด

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อเห็นจากแววตาเขาว่าสิ่งที่เขาต้องการคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ มหาเทพชิงหยางเซ่าอี๋คนนี้เมื่อเข้ามาในตำหนักแล้วก็มองไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจ แววตามองไปยังร่างของมหาเทพจงซานที่หายใจรวยริน มองอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะออกมา

 

 

“วิธีจัดการเรื่องนี้ เป็นอาจารย์ที่คิดออกมาสินะ” ปลายนิ้วของเซ่าอี๋ลูบไปบนหงส์หินโมราที่ปลายเปีย และไม่ได้สังเกตเห็นถึงสายตาที่เยือกเย็นของชิงเยี่ยนเลย “ทำไมถึงคิดว่าข้าจะยินดีช่วยเหลือ”

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อคิด “เพราะว่าเจ้ามาแล้ว”

 

 

เขาไม่มาก็ได้ ใจแข็งราวกับเหล็กหิน ปล่อยมือจากทุกสิ่ง อาศัยวิญญาณมหาเทพที่ไร้คู่ต่อสู้นั่นของเขา ตระกูลจู๋อินอยากจะแก้แค้นยังยาก แต่ว่าในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องมีบางอย่างที่ไม่เหมือนอย่างนั้น

 

 

เซ่าอี๋หลุดยิ้มออกมา ไม่ผิด เขามาแล้วจริงๆ พูดได้มีเหตุผลดี เขาไม่มีอะไรจะกล่าว

 

 

เขาเดินไปถึงข้างเตียง ปลายนิ้วก็วาดไปที่อกของมหาเทพจงซานเบาๆ ทำลายเลือดที่จับตัวจนแข็งบนชุดนักรบสีดำนั่น แล้วก้มหน้าลงไปมองรูลึกที่อยู่บนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งยังหันกลับไปมองชิงเยี่ยนแล้วกล่าวช้าๆ ว่า “พ่อเจ้าร่างกายอ่อนแอ ขนหัวใจหงส์สองเส้นก่อนหน้านั้นทำให้เขาอ่อนล้า ตอนที่ส่งมหาเทพกับองค์ชายน้อยกลับไปก็เก็บกลับมาแล้ว หากรู้แต่แรก เหลือไว้ก่อนก็คงดี”

 

 

ชิงเยี่ยนไม่ได้กล่าวอะไร ที่ปั่นหัวผู้อื่นจนแทบเป็นแทบตายก็เป็นนิสัยของตระกูลชิงหยางไม่ใช่หรือ

 

 

แสงสีทองสลับเขียวปรากฏขึ้นรอบกายของเซ่าอี๋ เขาลูบไปที่หัวใจ แล้วเอาของที่ทั้งโปร่งแสงและนุ่มนวลออกมากลุ่มหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ปักมันลงไปที่หน้าอกของมหาเทพจงซานทีละน้อยๆ พลางกล่าวไปด้วยว่า “ตอนนี้ตัวข้าเพิ่งจะมีขนหัวใจเพียงห้าเส้นเท่านั้น ดู่ท่าคงได้ใช้กับตระกูลจู๋อินจนหมดแน่”

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อรีบเดินเข้าไป สายตาก็มองไปยังกลุ่มแสงที่มือของเขาไม่กะพริบ กระทั่งตัวเขาเอง นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นของล้ำค่าของแผ่นดินอย่างนี้ ตลอดมาเขาเพียงรู้ว่ามันสามารถช่วยรักษาแผลใกล้ตายได้ในพริบตา แต่คิดไม่ถึงว่าของช่วยชีวิตยังสามารถถูกเซ่าอี๋เอามาใช้เป็นของบังคับขู่เข็ญอีกฝ่ายได้ด้วย

 

 

พลังเทพคืนชีวิตปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ และถูกเขาใส่ลงไปยังแผลของมหาเทพจงซาน ร่างของมหาเทพจงซานสั่นระริกอย่างรุนแรง เซ่าอี๋ใช้ปลายนิ้วพันและผูกไปที่หน้าอก ขนหัวใจที่มองไม่เห็นก็ตัดสัมพันธ์ลงทันที

 

 

เขาเช็ดรอยเลือดไปบนผ้าห่ม แล้วหัวเราะพลางหันไปมองชิงเยี่ยน “ครั้งที่แล้วตอบรับมหาเทพชิงหยวนไว้ว่าจะให้ขนหัวใจหงส์เขาเส้นหนึ่ง แต่เพราะเขาถูกปลาดุกอุยน้อยฆ่าตายไปแล้ว จึงไม่ทันได้ให้ บังเอิญพอดี องค์ชายน้อย ถึงคราวท่านแล้ว”

 

 

ชิงเยี่ยนหรี่ตาลง แล้วกล่าวทีละคำว่า “ไปช่วยอาอี่”

 

 

แววตาของเว่าอี๋กลอกไปมา แล้วส่ายหน้า “อาการของนาง ข้าช่วยไม่ได้”

 

 

เสียงของชิงเยี่ยนต่ำมาก “หากเป็นอย่างนั้น ทำไมต้องเป็นนางด้วย”

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อที่อยู่อีกด้านก็กล่าวว่า “หากว่าเจ้าเอาเรื่องนี้มาบอกเปิ่นจั้วก่อน เรื่องก็คงไม่เป็นถึงขนาดนี้”

 

 

เซ่าอี๋ครุ่นคิดแล้วมองไปที่มหาเทพไป๋เจ๋อ “อาจารย์ หากว่าเทพทั่วทุกสารทิศต่างก็ใช้คำว่าหายนะใหญ่มาบีบให้ท่านไปตาย ท่านจะไปหรือไม่”

 

 

เอ่อ นี่นะหรือ…มหาเทพไป๋เจ๋อครุ่นคิดไปนาน แล้วกลับได้ยินเขากล่าวว่า “หากว่าข้าแย่งเอาของล้ำค่าพวกนั้นของท่านมา ท่านจะไปทำหรือไม่”

 

 

กล้ามาแย่งของรักของเขา! มหาเทพไป๋เจ๋อมีสีหน้าเข้มขรึม “…ทำ”

 

 

…เฒ่าไป๋เจ๋อที่เรื่องดีๆ ทำไม่ได้ทำได้แต่เรื่องวุ่นวายคนนี้ ชิงเยี่ยนทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว เขากลับถูกล่อลวงไปได้ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ

 

 

เซ่าอี๋พลันกล่าวว่า “อาจารย์เองก็เข้าใจเหตุผลนี้ แม้ข้าจะบอกข่าวออกมาก่อน สุดท้ายเรื่องราวก็ยังต้องกลายมาเป็นอย่างนี้อยู่ดี หรืออาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก สรุปคือเรื่องนี้อย่างไรก็ต้องให้ตระกูลจู๋อินไปทำ จนถึงสุดท้ายบางทีตระกูลจู๋อินทั้งสามต่างก็ต้องเข้าไป ทั้งสามต่างก็ดับสูญ หรือบางที ทั้งสามอาจจะเสื่อมเทพลงไปเป็นมารหมดก็ได้ สถานการณ์อย่างนั้นอาจารย์คงไม่ยินดีจะเห็นหรอกกระมัง”

 

 

ไม่ผิด ไม่ยินดีจะเห็นจริงๆ มหาเทพไป๋เจ๋อหยักหน้า แล้วเหลือบตามองไปที่เขา “ดังนั้นเจ้าจึงให้เสวียนอี่เข้าไปในทะเลหลีเฮิ่นเพียงลำพังงั้นหรือ”

 

 

เซ่าอี๋ยิ้มบาง แต่กลับไม่ได้ตอบคำถามนี้

 

 

ชิงเยี่ยนเสียงเยือกเย็น “ในเมื่อเจ้าช่วยอาอี่ไม่ได้ ก็รีบจากไปเสีย ข้าไม่ต้องการขนหัวใจของเจ้า มหาเทพชิงหยางเซ่าอี๋ รอให้ข้าเป็นมหาเทพจงซาน ข้าจะไปขอคำชี้แนะจากเจ้าแน่”

 

 

เลวร้ายเข้าไปอีก! พวกเขายังคิดอยากจะสร้างทะเลหลีเฮิ่นที่สองขึ้นมาหรือ มหาเทพไป๋เจ๋อกระแอมไอขึ้นมา กำลังคิดหาวิธีเตือน เซ่าอี๋พลันกล่าวเสียงอบอุ่นว่า “ขนหัวใจเส้นสุดท้ายของข้าให้เจ้าไม่ใช่เพราะช่วยเจ้าถึงให้เจ้าหรอกนะ”

 

 

นับตั้งแต่ที่เข้ามาในวังเหยียนเหอ เขาก็มองไปทางเสวียนอี่ก่อนอันดับแรก แววตามองไปยังใบหน้าบริสุทธิ์ที่หลับลึกของนางแล้วผละไปยังร่างของฝูชางที่ริมเตียง เขาสบตากับเทพบุตรชุดขาวที่มีท่าทีสงบนิ่งผู้นี้ครู่หนึ่ง ถึงได้ละสายตากลับมามองที่ชิงเยี่ยนอีกครั้ง

 

 

“ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณข้า”

 

 

เซ่าอี๋ยิ้มน้อยๆ เขาลงมือเร็วราวกับสายฟ้า ดีดลงไปบนแผลที่บ่าซ้ายของชิงเยี่ยน องค์ชายน้อยที่ไม่เชี่ยวชาญต่อความเจ็บปวดก็พลันมีใบหน้าเขียวขึ้นมาแล้วกุมบาดแผลเอาไว้นิ่งไม่ขยับ

 

 

แสงสว่างสีเขียวสลับทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ขนหัวใจหงส์เส้นที่ห้าปักเข้าไปที่หลังของชิงเยี่ยน มันเจ็บปวดจนเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับฝน แต่เขากลับไม่ได้ร้องออกมา เซ่าอี๋นึกถึงองค์หญิงที่ใบหน้าขาวซีดแต่ก็ยังไม่ร้องออกมาเหมือนกัน นางเพียงกัดริมฝีปากจนแตก แต่เพราะสัมพันธ์ขนหัวใจทำให้เขาพลอยเจ็บปวดไปด้วย

 

 

การดับสูญของมหาเทพจงซานจะสร้างผลกระทบอะไรนั้น เขาไม่ได้สนใจ ก็เหมือนกับนางที่ไม่ได้สนใจว่าระเบียบสวรรค์จะกลายเป็นแบบไหน เอาขนหัวใจหงส์ให้ไปอย่างนี้ แค่เพราะว่าคราวนี้เขายินดีที่จะช่วยดึงนางจากความสิ้นหวัง ยินดีที่จะช่วยรักษาสิ่งสำคัญที่สุดเหล่านั้นของนาง

 

 

คราวนี้คงสบายใจแล้วสินะ ต่อไป ไม่ว่าจะดับสูญก็ดี จะกลายเป็นมารก็ดี จะนอนหลับไม่ตื่นตลอดไปก็ดี หรือจะตื่นขึ้นมากลายเป็นเทพธิดาต่อไปก็ดี ผู้ที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างเขาจะไม่ไปถามอีก เขาจะไม่ยอมให้นางมารบกวนเขาอีก และยิ่งไม่มีทางที่จะไปรบกวนจิตใจรักมั่นยินดีของนางเด็ดขาด ความร้อนแรงและความเยือกเย็นปะทะกัน ถึงเวลาที่จะต้องแยกจากกันแล้ว

 

 

สำหรับสิ่งที่เป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้นี้ เขาไม่เคยคิดจะไปช่วงชิงมันมาก่อน และไม่เคยเชื่อในความรู้สึก ต้องมีสักวันที่มันจะสลายไปในชีวิตอันแสนยาวนาน ในอกที่เขาใช้ชีวิตอย่างโชติช่วงและหลงระเริงจนคุ้นชินแล้วนั้น มันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย และไม่มีทางเป็นอะไรทั้งนั้น

 

 

หยาดเหงื่อเม็ดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผาก ใช้ขนหัวใจหงส์ไปสองอันติดกันทำให้เขารู้สึกกินแรงไม่น้อย เซ่าอี๋ตัดสัมพันธ์หัวใจเสร็จสิ้น ก็หมุนตัวจากไป “ข้าขอตัว”

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อเดินไปถึงหน้าประตูตำหนัก แล้วเอ่ยปากว่า “เรื่องนี้จะต้องประกาศให้แผ่นดินล่วงรู้กันทั้งหมด”

 

 

เซ่าอี๋ลูบปลายคาง แววตาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “หากเป็นอย่างนั้นข้าก็ต้องขอบคุณองค์จักรพรรดิสวรรค์กับอาจารย์ด้วยที่ให้ตามประสงค์”

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อกล่าวเสียงเรียบว่า “การกระทำของมหาเทพที่ทำร้ายและทิ้งความรักทั้งหมดไปอย่างนี้ วันหลังอย่าเสียใจก็จะดี”

 

 

ความรักทั้งหมดหรือ เซ่าอี๋ยิ้มแต่ไม่กล่าวอะไร ทั่วทุกสารทิศ ทั้งสวรรค์และผืนดิน ความชอบและความรักทั้งหมดของเขา แต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น

 

 

มหาเทพชิงหยางที่ถือกำเนิดใหม่หมุนตัวแล้วเดินไปบนสะพานแก้วสีเขียว ร่างสีทองสลับดำเดินจากไปไกลช้าๆ แล้วหายลับไปในปลายฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยใบไม้เขียวชอุ่มของวังสวรรค์