ตอนที่ 830 อันตรายนับไม่ถ้วนไม่อาจข้ามผ่านหนึ่งประโยค

Elixir Supplier

ตุบ! มือถือของเจี่ยจื้อจายหล่นลงไปบนพื้น ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากความหวาดหวั่นเขาตกตะลึงหูเหมยที่อยู่ข้างเขาก็เช่นกัน มันราวกับว่าพวกเขาถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ทั้งสองยืนอยู่ติดกันดังนั้นจึงได้ยินเสียงจากในมือถือได้

“เป็นเธอจริงๆเหรอ?” หูเหมยคิดอะไรไม่ออก ความยากลําบากที่ผ่านมาของเธอมันเทียบกับคําพูดที่เธอเพิ่งได้ยินไม่ได้เลย“ฮัลโหลนายมีอะไรอีกไหม?”เสียงของจงหลิวชวนดังออกมาจากมือถือ

เจี้ยจื้อจายที่เพิ่งได้สติรีบหยิบมือถือที่หล่นขึ้นมา และตอบกลับไปว่า “ไม่…ไม่มีแล้ว”

ทั้งสองยืนมองสีหน้าตกตะลึงของอีกฝ่ายนิ่ง พวกเขาหมุนตัวเดินกลับบ้านและลืมเรื่องมือกลางวันไปจนหมดพวกเขาต้องคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ให้ได้ก่อน

“มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” หูเหมยพูดประโยคนี้มากกว่า 10 ครั้งแล้ว

“พวกเราย้ายออกจากที่นี่ดีไหม?” หลังจากที่คิดอยู่นาน เจี่ยจื้อจายก็ถามขึ้นมา “ฟังนะซูเสี่ยวซวีคนนั้นหายดีแล้วเธอไม่ได้เป็นอะไร แล้วเธอก็กําลังไปได้ด้วยดีกับเชียนเชิงเราจะทําเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเราจะออกไปจากที่นี่และหาที่อยู่อื่นแบบนี้เป็นไง?”

“นายไม่อยากได้เชียนเชิงเป็นอาจารย์แล้วเหรอ?” หูเหมยถาม

“นั่นก็แค่เรื่องที่ฉันพูดเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น เธอจะเก็บเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้หรอกจริงไหม?” เจี้ยจื้อจายถามด้วยรอยยิ้มในสายตาของเขาไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าชีวิตของพวกเขาพวกเขาไม่ยอมทําลายชีวิตสงบสุขที่ได้มาอย่างยากลําบากเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด

“ไปจากที่นี่เหรอ?” หูเหมยพูดคํานี้ซ้ำๆ

“ถ้าไม่ไป หรือเราจะสารภาพทุกอย่างกับเชียนเชิงดี?” เจี้ยจื้อจายถาม

“อะไรนะ? นายโง่รึเปล่า?” หูเหมยถาม “ถึงยังไงเธอก็ไม่ได้ตาย แล้วฉันก็เป็นแค่ผู้ช่วยในเรื่องนี้เท่านั้นเชียนเชิงทําดีและช่วยเหลือพวกเราเอาไว้มากถ้าฉันเก็บเงียบเรื่องนี้เอาไว้ฉัน…”

“ไม่ ขอฉันคิดก่อนที่เราจะตัดสินใจเรื่องนี้กันอีกที” เจียจื้อจายพูด

ทั้งสองนั่งอยู่ภายในบ้านตลอดทั้งบ่าย

“แล้วตอนนี้หมอพิษอยู่ที่ไหน?” เจี้ยจื้อจายถาม

“ฉันไม่รู้” หูเหมยพูด “เขาไม่ได้เข้าบริษัทมาปีกว่าแล้ว ฉันกลัวว่า นอกจากประธานบริษัทแล้วคงไม่มีใครรู้ที่อยู่ที่แน่นอนของเขา หรือบางทีเขาอาจจะตายแล้วก็ได้”

“เขาไม่ตายหรอก บอกให้คนของเธอเคลื่อนไหว สั่งให้พวกเขาตามหาที่อยู่ของหมอพิษเราจะหาทางจับตัวเขามาแล้วให้เชียนเชิงเป็นคนตัดสินใจว่าจะทํายังไงกับเขา”เจี้ยจื้อจายบอกทางออกที่เขาใช้เวลาคิดมาทั้งวัน

“พิษชนิดนั้นเลวร้ายมากเลยใช่รึเปล่า?” เจี้ยจื้อจายถาม

“ใช่” หูเหมยพูด “หลังจากถูกพิษ อวัยวะภายในของพวกเขาจะรู้สึกเหมือนถูกเผาจะเกิดแผลพุพองตามร่างกายจากนั้นก็จะเริ่มเน่า ฉันได้เห็นมากับตามันเลวร้ายมาก”

“จ ให้ฉันไปคุยเรื่องนี้กับเชียนเชิงดีกว่าไหม?” เจี่ยจื้อจายถาม หลังจากคิดดูแล้วการอธิบายเรื่องนี้กับหวังเย้าเป็นวิธีที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดถ้าเป็นในอดีตพวกเขาจะไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป พวกเขาจะเลือกไปจากที่นี่แทนแต่ตอนนี้มันต่างออกไป

เมื่อบริษัทล้ม พวกเขาก็เป็นอิสระและความคิดอ่านก็เปลี่ยนไป

“ฉันจะไปกับนายด้วย” หูเหมยพูด

เมื่อหวังเย้าได้ยินว่า พวกเขามีเรื่องสําคัญต้องการปรึกษาด้วย เขาจึงพาพวกเขาไปที่คลินิก ซูเสี่ยวซวีไม่ได้ตามเขาไปด้วย “มีเรื่องอะไรเหรอครับ?ทําไมถึงได้ทําตัวมีลับลมคมในแบบนี้?”

“เชียนเชิง มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะถาม” หูเหมยพูด “เมื่อสามปีก่อน คุณซูเคยป่วยหนักใช่ไหมคะ?”

“ใช่คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” หวังเย้าแปลกใจ

“เธอถูกพิษใช่รึเปล่า?” หูเหมยถาม

“ถูกแล้ว เธอถูกพิษ!” หวังเย้าหน้าเปลี่ยนสี

มีแค่ครอบครัวของซูเสียวซวีเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับอาการป่วยของเธอ ส่วนอะไรที่เป็นสาเหตุที่ทําให้เธอป่วย แม้แต่คนในครอบครัวของเธอก็ยังไม่รู้แน่ชัดมันน่าประหลาดใจที่หูเหมยสามารถบอกออกมาได้ตรงประเด็นแบบนี้

“คุณรู้อะไรอีกครับ?” หวังเย้าถาม

“ฉันรู้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษเธอค่ะ” หูเหมยพูด

“ใครครับ?” สีหน้าของหวังเย้าเปลี่ยนไปในทันทีที่ถาม

เขาชอบซูเสียวซวีมากและปฏิบัติกับเธอเหมือนภรรยาของเขา เธอคือคนที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตเขาจดจําความทุกข์ทรมานในอดีตของเธอได้เป็นอย่างดีเธอต้องทนอยู่กับความรู้สึกของอวัยวะภายในที่กําลังแผดเผาและร่างกายที่เน่าเปื่อยความเจ็บปวดแสนสาหัสแบบนั้นความตายคงดีสําหรับเธอมากกว่าในตอนนั้น สมาชิกครอบครัวของเธอต่างก็ไม่รู้ว่าทําไมเธอถึงถูกวางยาพิษพวกเขาทําได้เพียงโกรธและวิตกกังวลโดยที่ไม่รู้จะไปโทษใครได้ ตอนนี้ อยู่ๆเขาก็ได้ข่าวของคนลงมือถ้าหากคนคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้หวังเย้าคงจะตบเขาจนตายคามือ

ทันทีที่บรรยากาศรอบตัวของหวังเย้าเปลี่ยนไป สีหน้าของหูเหมยกับเจี้ยจื้อจายก็เปลี่ยนไปเช่นกันพวกเขารับรู้ได้ถึงความกดดันที่กระจายออกมาราวกับดินถล่มพวกเขากําลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้มีความสามารถในการรักษาสูงและปรมาจารย์กังฟู

“เขาถูกเรียกว่า หมอพิษค่ะ” หูเหมยพูด

“ฉันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน” แล้วเธอก็สารภาพออกมา

“คุณก็มีส่วนด้วยเหรอ?” หวังเย้าตกตะลึง

“ฉันถูกสั่งให้ร่วมมือกําจัดยอดฝีมือที่อยู่ทางใต้ ส่วนที่คุณซูได้รับบาดเจ็บก็เพราะโดนลูกหลง”หูเหมยพูด

“บาดเจ็บเพราะโดนลูกหลง? แล้วยาพิษตัวนี้มียาแก้พิษไหม?” หวังเย้าถาม

“ไม่ค่ะ มันไม่มี” หูเหมยพูด

“ตอนนี้ หมอพิษคนนี้อยู่ที่ไหนครับ?” หวังเย้าถามด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบเขาโมโหมาก

“ฉันไม่รู้” หูเหมยพูด “เราได้ให้คนไปสืบหาที่อยู่ของเขาแล้ว”

“เชียนเชิงฉันเป็นคนที่ทําเรื่องนี้ ฉันยินดีรับโทษค่ะ”หูเหมยพูด

“คุณจ่าเธอได้ยังไงครับ?”หวังเย้าถาม

“ฉันเคยเห็นและได้ยินส่วนหนึ่งของชื่อของเธอมาก่อนค่ะ” หูเหมยพูด

“เธอต้องทุกข์ทรมานมามาก มันไม่ใช่แค่หนึ่งวัน แต่มันนานกว่าสองปี” น้ําเสียงของหวังเย้าเย็นเยียบ

“ฉันขอโทษ” หูเหมยพูด

“มันไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้ด้วยแค่คําว่าขอโทษ ตามหาหมอพิษคนนั้นมา” หวังเย้าพูด

“ค่ะ เชียนเชิง” หูเหมยพูด

เมื่อเดินออกมาจากคลินิก หลังของพวกเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ฉันไม่คิดเลยว่า เวลาที่เขาโมโหจะน่ากลัวได้ขนาดนี้!” เจี้ยจื้อจายถอนหายใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาพบเจอคนเก่งกาจและเลือดเย็นมามากมายแต่เขาไม่เคยพบคนที่มีแรงกดดันมากขนาดนี้มาก่อน

“เราต้องหาหมอพิษให้เจอเร็วที่สุด” เขาพูด

บอกตามตรง พวกเขาไม่จําเป็นต้องทํามัน และเดินจากไปก็เพียงพอแล้ว

ถึงพวกเขาจะสู้หวังเข้าไม่ได้ แต่พวกเขาก็ซ่อนตัวให้ไกลจากเขาได้ แล้วพวกเขาก็มีกันอยู่แค่สองคนไม่มีครอบครัวพวกเขาจึงไม่มีภาระหรือสิ่งผูกมัดใดๆรวมไปถึงที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดของพวกเขา แต่มันเป็นบ้านเกิดของหวังเย้า

แต่พวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว และต้องการจะเป็นคนธรรมดา พวกเขาต้องการคว้าสิ่งที่พวกเขาเคยสูญเสียและซุกซ่อนเอาไว้ในจิตใจและนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาให้ความสําคัญกับเรื่องนี้

หวังเย้านั่งคิดถึงเรื่องที่เขาเพิ่งได้รู้อยู่ในคลินิกเพียงลําพัง เขาคิดว่าเขาควรจะบอกเรื่องนี้กับซูเสี่ยวซวีหรือไม่แล้วจะบอกเธอยังไง เขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์เขาไร้ความปราณีกับคนที่ทําร้ายคนในครอบครัวของเขาแม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นแค่ผู้ช่วยของคนที่ทําร้ายก็ตามที

“เชียนเชิง?” เสียงของซเสี่ยวซวีดังมาจากด้านนอก เมื่อเห็นว่าหวังเย้ายังไม่กลับมาบ้านเธอจึงออกมาตามหาเขาที่คลินิก

“ผมอยู่ในห้อง” หวังเย้าพูดเสียงอ่อนโยน

“คุณอยู่คนเดียวเหรอ? ทําอะไรอยู่คะ?” เธอถาม

“กําลังคิดเรื่องหนึ่งอยู่น่ะ” หวังเย้าถอนหายใจ

“เรื่องอะไรเหรอคะ? ทําไมต้องถอนหายใจด้วย?” ซูเสี่ยวซวีถาม

“ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันเถอะ”หวังเย้าลุกขึ้นและกอดซูเสี่ยวซวีเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะไม่ให้ใครทําร้ายเธอได้อีก!

“เชียนเชิง ดูเหมือนจะมีเรื่องในใจนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หวังเย้าก็ตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดกับซูเสี่ยวซวี “ใช่ผมเพิ่งได้รู้ตัวคนที่วางเธอน่ะสิ”

“ใครคะ?” ซูเสียวซวีหยุดเดิน เธอต้องทรมานมานานกว่าสองปี และมันก็เป็นความทรงจําที่แสนเจ็บปวด

“คนคนนั้นถูกเรียกว่า หมอพิษ กับหูเหมย” หวังเย้าพูด

“เธอเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีตกตะลึง

“มันเป็นอุบัติเหตุก็จริง” หวังเย้าพูด “แต่เธอจะลอยนวลโดยไม่ได้รับโทษไม่ได้!”

“ความจริง การที่ฉันถูกพิษก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปซะทั้งหมดหรอกนะคะอย่างน้อยฉันก็ได้รู้จักกับเชียนเชิง” ซูเสียวซวีพูด

“เธอปลอบคนได้เก่งที่สุด” หวังเย้าพูด“แต่ถ้าเธอไม่ถูกพิษเธอก็ไม่ต้องทรมานในสองปีนั้นเธอคงได้ใช้ชีวิตอย่างเจ้าหญิงและมีชีวิตที่ต่างออกไป

“ใช่ค่ะ แล้วฉันก็อาจจะได้คบคนอื่นด้วย” ซูเสี่ยวซวีพูด “ถ้าไม่มีเชียนเชิงชีวิตก็คงต่างออกไปในโลกนี้อดีตก็คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ฉันคิดว่าสิ่งสําคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการมีชีวิตที่ดีในอนาคตเชียนเชิงคุณไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มากนักหรอกค่ะแล้วฉันก็ไม่คิดด้วยว่าหูเหมยจะเป็นคนร้ายกาจจริงๆ”

“เธอรู้จักอ่านสีหน้าคนด้วยเหรอ?”หวังเย้าถาม