ตอนที่ 1413 เข้าเมือง (1)
จวินอู๋เสียมองเข้าไปในดวงตาที่แฝงแววรื่นเริงของจวินอู๋เหยา แล้วถอนหายใจอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย จากนั้นนางก็ก้าวถอยหลังและกอดอกมองจวินอู๋เหยาที่แสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่าย
“งั้นก็……”
“ถอดเสื้อผ้าออก”
จวินอู๋เหยาตะลึงค้างไปทันที
หลังจากจัดการไปได้สักพัก ใบหน้าอันหล่อเหลาของจวินอู๋เหยาก็ถูกแปลงโฉมด้วยมือที่มีประสบการณ์ของจวินอู๋เสีย กลายเป็นใบหน้าที่ดูสง่างาม ความหล่อน้อยลง แต่ดูเหมือนพวกหนอนหนังสือแทน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นชุดสีฟ้าอ่อนที่จวินอู๋เสียโยนมาให้พร้อมกับพัดหนึ่งอันห้อยไว้ที่เอว มองดูแล้วเหมือนบัณฑิตผู้รอบรู้และอ่อนโยน
จากจ้าวปีศาจที่ยิ่งใหญ่กลายมาเป็นบัณฑิตที่อ่อนแอและเจียมเนื้อเจียมตัว การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เจ้าแมวดำที่มองดูอยู่ด้านข้างถึงกับขนลุกด้วยความสยดสยอง
ทั้งโลกนี้คงมีแค่นายหญิงของมันคนเดียวที่กล้ายุ่งกับใบหน้านั้น
เทียบกับการปลอมตัวของจวินอู๋เหยา ของจวินอู๋เสียนั้นง่ายกว่ามาก นางต้องปรับเปลี่ยนใบหน้าที่นางปลอมไว้อยู่แล้วแค่เล็กน้อย และคว้าชุดมาเปลี่ยนเท่านั้น
ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จวินอู๋เสียจะได้เตรียมตัว จวินอู๋เหยาก็โบกมือครั้งหนึ่ง ใบไม้ทั้งหมดที่จากกิ่งไม้รอบๆตัวก็ตกลงมาและหมุนเป็นเกลียวรอบๆจวินอู๋เสีย ปกป้องนางไว้ภายในพื้นที่ที่แม้แต่จวินอู๋เหยาก็ถูกกีดกันออกไป
พอจวินอู๋เสียเปลี่ยนชุดออกมา นางก็กลายเป็นผู้เยาว์บอบบางที่ดูยากจน
พวกเขาสองคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหยาบๆ ใบหน้าไม่เด่นสะดุดตา กลมกลืนไปกับฝูงชน
จากนั้นจวินอู๋เสียก็ทำผมของจวินอู๋เหยาให้ดูยุ่งเล็กน้อย เขามองนางยิ้มๆ แล้วทำหน้าเสียใจพลางถามว่า “คุณชายน้อย ทำไมท่านต้องทำให้บ่าวอับอายเช่นนี้? บ่าวทำอะไรไม่เหมาะสมหรือขอรับ?”
จวินอู๋เสียกลอกตาใส่เขาทันที พลางคิดว่าเขาติดเล่นเกินไปแล้ว
จวินอู๋เหยาเห็นจวินอู๋เสียกลอกตา ทำท่าทางรังเกียจอย่างโจ่งแจ้ง แต่เขากลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างมาก [เดี๋ยวนี้เด็กน้อยแสดงสีหน้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้วไม่ใช่หรือ?]
หลังจากที่ทั้งสองปลอมตัวเสร็จ พวกเขาก็ออกจากป่าเดินไปตามถนนด้านนอกเมืองชิงเฟิง ประตูเมืองชิงเฟิงเต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยที่อยากจะเข้าไปในเมือง หน้าประตูมีผู้คนรุมกันอยู่อย่างแออัด
“ไม่รู้ว่าวันนี้พวกเขาจะปล่อยให้เข้าไปอีกสองสามคนได้รึเปล่า”
“ข้ารอที่นี่มาหลายวันแล้ว! เมืองชิงเฟิงนี่ ทุกวันจะอนุญาตให้คนเข้าเมืองได้ไม่เยอะหรอก เฮ้อ แต่ก็ดีอยู่อย่าง พวกเขาให้พวกคนแก่กับเด็กๆก่อน แสดงว่าเจ้าเมืองมีมโนธรรมอยู่นะ”
ในช่วงวิกฤต มักจะเป็นช่วงเวลาทดสอบความเป็นมนุษย์ ขนาดคนที่รู้จักกัน ถ้าหากไม่ใช้สายเลือดเดียวกันแล้วล่ะก็ ยามเผชิญกับความเสี่ยงถึงชีวิต ก็อาจจะไม่ดูแลกันและกันได้ ในช่วงเวลาเช่นนี้ คนหนุ่มสาวและคนที่แข็งแรงมักจะถูกจัดลำดับความสำคัญก่อน แต่ดูเหมือนเมืองชิงเฟิงจะยังถือคุณธรรมอยู่บ้าง ไม่เพียงไม่ปฏิเสธคนแก่และเด็กเล็กเท่านั้น แต่กลับให้ความสำคัญกับคนที่อ่อนแอเหล่านี้ให้เข้าเมืองก่อน จุดนี้ทำให้ได้รับคำชมจากผู้คนจำนวนมาก
จวินอู๋เสียฟังคำพูดเหล่านั้นจากผู้คนที่อยู่รอบๆ แต่ก็ไม่ได้สรุปผลในทันที นางเพียงแค่มองดูฝูงชนที่แออัด จากความเร็วที่เห็น คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าพวกเขาจะสามารถเข้าเมืองได้
จวินอู๋เสียนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยิบตาให้จวินอู๋เหยา จวินอู๋เหยายิ้มบางๆ เข้าใจเจตนาของจวินอู๋เสียได้ในทันที
“ใครทำใบไม้ทองหล่น?”
ทันใดนั้น ใครบางคนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ตะโกนเสียงดัง ใบไม้สีทองอร่ามโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ตกลงมาในฝูงชนอย่างรวดเร็ว พวกผู้ลี้ภัยเริ่มตะโกนกรีดร้องทันที พร้อมกับก้มลงเก็บ ทำให้เกิดช่องว่างท่ามกลางฝูงชนขึ้นมา