ตอนที่ 310: การรวมตัวของจอมยุทธทั้งห้า (1)
เมื่อถึงเวลาที่เจี้ยนเฉินมาถึง ข้อมูลของถ้ำก็แพร่กระจายไปทั่ว ถึงตอนนี้เจี้ยนเฉินสามารถยืนยันได้ว่าในขณะที่ไม่มีการยืนยันว่ามีทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ภายในถ้ำ ถึงอย่างนั้นถ้ำนั้นก็มีจริง
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจ เขาเดินผ่านหน้าฝูงชนนี้และพากลุ่มของเขาผ่านพวกเขาและเข้าป่าทันที เมื่อได้ยินข่าวจากคนอื่น เขาจึงได้เรียนรู้ว่าที่ตั้งของถ้ำอมตะนั้นอยู่ในป่าลึก
เนื่องจากที่นี่มีผู้คนนับไม่ถ้วน ป่าจึงมีความแตกต่างอย่างชัดเจนเพราะจำนวนผู้คนที่เดินทางเข้ามา เจี้ยนเฉินเริ่มเดินตามเส้นทางหลักอีก 2 ชั่วยามก่อนที่จะถึงจุดที่มนุษย์สร้างขึ้นบนพื้นราบ
มีผู้ชายจำนวนมากรวมตัวกันที่นี่ – มีผู้ชายประมาณ 300 คนรวมตัวกันเป็นกลุ่มและพวกเขาได้ตั้งกระโจนไว้มากมาย จากข้างนอกจะเห็นชายหลายคนนอนพักผ่อนอยู่ในกระโจน มีผู้คนมากมายนั่งกินดื่มอยู่บนกิ่งไม้ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังพักผ่อน
มีเซียนปฐพีหลายคน – เมื่อนับอย่างรวดเร็วน่าจะมีประมาณต่ำกว่า 40 คน เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษหลายคนมีผ้าพันแผลและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีเข็มขัดมิติ
ผู้คนในบริเวณนี้ทุกคนดูราวกับว่าพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงอย่างสันติที่จะไม่ต่อสู้กันเอง มันค่อนข้างสงบที่นี่โดยไม่มีใครทำให้เกิดความวุ่นวาย
“ไปดูว่ามีอะไรข้างหน้า” เจี้ยนเฉินพูดกับผู้คนข้าง ๆ เขาขณะที่พวกเขาเดินไปข้างหน้า
กลุ่มของเจี้ยนเฉินได้รับความสนใจจากคนจำนวนมากในขณะที่ทุกคนจ้องมองกลุ่มที่แต่งตัวสดใส อย่างไรก็ตามไม่มีใครเดินเข้ามาหาพวกเขาเลยสักคน
นั่นเป็นเพราะจอมยุทธในฝูงชนสามารถตรวจจับได้ว่ากลุ่มนี้มีเซียนปฐพีถึง 3 คน พวกเขาจึงไม่อยากต้องมีความขัดแย้งอะไร ไม่มีใครในกลุ่มนี้ที่ต้องการรุกรานกลุ่มที่มีเซียนปฐพี 3 คนโดยไร้เหตุผล
เจี้ยนเฉินและกลุ่มยังคงเดินต่อไป จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงสัตว์อสูร หลังจากเสียงสิ้นสุด ปริมาณพลังงานที่แข็งแกร่งอย่างบ้าคลั่งกระเพื่อมผ่านอากาศและทำให้โลกทั้งโลกสั่นสะเทือน ต้นไม้นับไม่ถ้วนข้างหน้าเจี้ยนเฉินถึงกับหลุดออกมาจากดินและลอยไปในอากาศ ข้างหน้าของพวกเขาจะสามารถเห็นสัตว์อสูรขนาดมหึมาหลายตัวบินมาด้วยความเร็วสูง การปรากฏตัวที่หนักหน่วงของพวกมันทำให้หายใจลำบาก
ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเมื่อเขายื่นมือให้กับคนที่อยู่ข้างหลังเขา “กลับมาเดี๋ยวนี้ ! “
กลุ่มที่กำลังจะเข้าไปในป่าถอยหลังกลับมายังที่โล่งราบโดยไม่ลังเล
เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขาวิ่งกลับไปยังที่โล่ง กลุ่มชายที่สวมชุดขาดเป็นชิ้นก็วิ่งตามหลังเจี้ยนเฉินจากทิศทางของสัตว์อสูร มีผู้ชายทั้งหมด 12 คน ในกลุ่มมีเด็กหนุ่มอายุ 28 ปีที่มีลักษณะคล้ายกับหมิงตง เด็กหนุ่มคนนี้สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและเขามีกระบี่ไฟยาว 2 เมตรสูงเหนือหัวของเขา. มีชายอีกสี่คน,ซึ่งน่าจะอายุราวๆสามสิบปี,เขามีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อ. ส่วนที่เหลือมีอายุประมาณ 40 ปี พวกเขามีสีหน้าจริงจัง ภายในกลุ่มนี้มีบางคนที่มีเลือดหยดตามริมฝีปากและมีใบหน้าซีดเซียวเนื่องจากการบาดเจ็บ
คนกลุ่มนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่นั่น เมื่อดวงตาสามร้อยคู่จ้องมองคนกลุ่มนี้ ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันเอง
” ดูเหมือนว่ากลุ่มนี้แพ้อีกครั้ง เอ้ ผู้พิทักษ์ถ้ำนั้นแข็งแกร่งเกินไป..”
“อืม อสูรผู้พิทักษ์ของถ้ำอมตะไม่ได้จะจัดการกันได้ง่าย ๆ นี่ ? หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าพร้อมกับเซียนปฐพีร่วมกันในการจัดการกับสัตว์อสูร พลังงานของเราคงสูญเปล่า”
“เดี๋ยวนะ สัตว์อสูรของที่นี่แข็งแกร่งเกินไป ข้าเดาได้เลยว่าพวกมันอยู่ในระดับ 6 มีเพียงพลังรวมของห้าจอมยุทธเท่านั้นที่จะเพียงพอในการต่อสู้กับสัตว์อสูรเหล่านี้”
“โชคไม่ดีเลยที่จอมยุทธทั้งห้าคนล้วนเป็นเซียนปฐพี ถ้าเรามีเซียนสวรรค์ การเข้าไปในถ้ำคงเป็นเรื่องง่ายขึ้น”
…… ….
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีกระบี่ยาวอยู่ที่หลังของเขา ดวงตาของหญิงสาวก็ส่องแสงแวววาวขณะที่นางพูดว่า, “นั่นคือยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ! “
เจี้ยนเฉินเริ่มประหลาดใจเมื่อดวงตาของเขาจ้องที่กระบี่ไฟที่ด้านหลังของชายคนนั้นอย่างจริงจัง ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและรู้ว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากเศษอาวุธของเซียนผู้คุมกฎ ปริมาณพลังงานที่เหลืออยู่ในอาวุธเพียงพอที่จะทำให้เซียนสวรรค์หวาดหวั่น อย่างไรก็ตามยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถใช้ได้อย่างเต็มที่ เซียนปฐพีนั้นสามารถใช้พลังของยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎได้เพียงหนึ่งหรือสองส่วน แต่ถึงอย่างนั้นพลังก็ยังน่าสะพรึงกลัว
เจี้ยนเฉินจำได้ถึงความจริงนี้ เขานึกย้อนกลับไปตอนที่กระบี่ไฟปล่อยแสงสีแดงสดใสที่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้สมบัติผนึกภูผาของชิเซียงกรานกระเด็นไปไกล การต่อสู้ครั้งหนึ่งระหว่างชิเซียงกรานและอีกฝ่ายนั้นดึงดูดสายตาของหลาย ๆ คน แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่พบข้อสรุปสำหรับการต่อสู้ครั้งนั้น
“เป็นไปได้หรือมไม่ที่ชายคนนี้เป็นคนที่ต่อสู้กับชิเซียงกราน ? ” เจี้ยนเฉินคิด
ชายคนอื่น ๆ เดินกลับเข้าไปในกระโจนเพื่อพักผ่อน พวกเขาหายไปจากสายตาของทุกคน
“สัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งเกินไป เราจะต้องรออีกสักครู่แล้ว ให้มีคนมากกว่านี้ก่อนที่จะลองอีกครั้ง” เจี้ยนเฉินกล่าว
หลังจากนั้นทั้งหกคนก็คว้ากระโจนจากเข็มขัดมิติและเริ่มตั้งเป็นวงกลมเล็ก ๆ ใกล้กัน
“เฮ้เฮ้ เจ้า ! ใครอนุญาตให้เจ้าและกลุ่มตั้งกระโจมที่นี่ ? รื้อกระโจมออกไปซะ ! ” ชายวัย 30 ปีเข้ามาดูและจ้องมองเจี้ยนเฉินและอีกห้าคนอย่างโกรธเคือง ผู้ชายคนนี้ค่อนข้างผอมและสวมเสื้อคลุมสีขาว ใบหน้าที่มีรอยกรงเล็บสามขีดของเขาดูหยิ่งมาก
ทุกคนหันมามองเสียงดังเพราะหลายคนเริ่มยิ้มให้เมื่อเห็นความโชคร้ายของกลุ่มนี้
“กลุ่มนี้ต้องไม่รู้กฎของสถานที่นี้แน่นอน เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาไม่เห็นว่าเราไม่กล้าตั้งกระโจนที่นี่ ? พวกเขาทำถูกแล้ว ถ้าทุกคนสามารถจัดกระโจมของตัวเองได้ มันก็จะเต็มพื้นที่” ชายคนหนึ่งพึมพำขณะที่เขาดื่มสุราจากถุงน้ำเต้าของเขาบนกิ่งไม้
“พวกเขาจะต้องเป็นพวกมาใหม่ที่นี่และไม่รู้กฎ เอ้ ทำไมพวกเขาถึงไม่ฉลาดสักหน่อย พวกเขาไม่เห็นหรอกหรือว่ามีคนอยู่ที่นี่มากมาย แต่มีเพียงไม่กี่กระโจมเท่านั้น นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนสามารถมีกระโจมเป็นของตัวเองได้” ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาจากกิ่งไม้อีกด้าน
ชายเสื้อคลุมสีขาวรีบเดินไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินทันที ทันทีที่เขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่มีความตั้งใจที่จะเก็บกระโจม ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธเมื่อเขาตะโกนว่า “เจ้าไม่ได้ยินข้าพูดหรือ ? ข้าบอกให้เก็บกระโจมของเจ้าเดี๋ยวนี้ ! ” จากนั้นชายคนนั้นก็ทำลายกระโจมของฉินเจว๋และมุ่งหน้าไปทางกระโจมของเจี้ยนเฉิน เขาตั้งใจพยายามทำลายกระโจมของเจี้ยนเฉินด้วยการเตะ
แสงแห่งความโกรธเคืองปรากฏขึ้นในดวงตาของเจี้ยนเฉิน ในเวลาไม่นาน กระบี่วายุโปรยก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาในขณะที่มีแสงสีขาวสีเงินตามมา ในไม่ช้ากระบี่ก็เฉือนผ่านขาของชายคนนั้น
“อ๊า ! ” ชายผู้ปล่อยร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด ขาที่เขาตั้งใจจะเตะกระโจมของเจี้ยนเฉินถูกตัดทันที ทำให้เลือดพุ่งกระฉูดจากหัวเข่า
เจี้ยนเฉินดึงกระบี่กลับมาและเตะหน้าอกของชายคนนั้นอีกครั้ง ทำให้เขาบินไปในอากาศ 10 เมตรก่อนที่จะตกลงสู่พื้นและล้มลงอย่างรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นอ่อนแอเพราะเขาเริ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องอย่างทุกข์ทรมาน
คนที่ดูอยู่ด้วยความสนใจทุกคนจ้องมองที่ชายหนุ่มวัย 20 ปีด้วยความไม่เชื่อ เมื่อมาถึงจุดนี้ พลังที่เขาแสดงออกมานั้นยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
ชายเสื้อคลุมสีม่วงที่มีท่าทางเคร่งครึมเดินเข้ามาในบริเวณนั้นทันที เขาเป็นหนึ่งในสิบคนที่กลับมาจากป่า เมื่อเขาเห็นขาของชายผู้ที่กำลังกรีดร้องอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาก็ทอประกายขณะที่เขาจ้องมองไปรอบ ๆ ที่ตั้งกระโจม เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? เสียงชายเสื้อคลุมสีม่วงนั้นสงบเป็นพิเศษ ทำให้ดูเหมือนว่าเขาแค่กำลังถามถึงเหตุการณ์
ในขณะนี้หลายกระโจมก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกัน ผู้ชายที่ปรากฏตัวจากกระโจนล้วนมาจากกลุ่มที่เข้าไปในป่า พวกเขารีบมายังที่เกิดเหตุเนื่องจากเสียงกรีดร้อง
“เจียคาซื่อ ใครคือคนที่ทำร้ายเจ้า ? ” เสียงที่น่าสยดสยองดังขึ้นเมื่อชายวัยกลางคนที่มีแผลเป็นออกมาเหมือนลูกธนู สีหน้าของเขาดูโกรธแค้น
“พี่ใหญ่ เขาทำ ! เขาตัดขาของข้า ขาของข้า ! อ๊า ขาของข้า ! พี่ใหญ่ต้องฆ่าเขา ! ” ชายคนนั้นชี้ไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่โกรธแค้น ความเจ็บปวดที่ทนไม่ได้ทำให้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว
ชายผู้มีแผลเป็นมองเจี้ยนเฉินก่อนที่จะยืนขึ้นอย่างช้า ๆ หอกสีแดงยาว 3 เมตรปรากฏขึ้นในมือของเขาก่อนจะพุ่งไปหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่พูดอะไรเลย หอกส่องแสงสีแดงเพลิงขณะที่มันพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินมองดูอย่างเย็นชาในขณะที่กระบี่วายุโปรยปะทะกับหอก การปะทะกันทำให้เกิดพลังงานคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ มันบดขยี้กระโจนที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน 10 เมตรรอบ ๆ
ผู้คนที่เฝ้าดูถอยกลับไปหลายก้าวเพื่อให้ทั้งสองคนสามารถยุติข้อพิพาท