ก่อนหน้านี้เทาเท่เคยเพิ่มเพื่อนในwe chatของหลินจือไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่หลินจือปฏิเสธ
วันนั้นเธอได้รับคำขอเพิ่มเพื่อนในwe chatของเทาเท่อีกครั้ง เธอก็เลือกที่จะมองข้ามไม่สนใจอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเทาเท่จะเขียนข้อความเอาไว้ว่า : มีข้อมูลจะส่งให้คุณ
หลินจือรู้สึกว่าระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลอะไรที่ต้องส่งให้กันเป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงไม่รับเพิ่มเพื่อนของเขา
และไม่นาน ควีนที่กำลังทำงานอยู่นั้นก็โทรมาหาเธอ : “หลินจือ ทำไมเธอถึงไม่รับเพิ่มเพื่อนในwe chatของประธานเทาเท่?”
หลินจือสับสน : “ระหว่างฉันกับเขาไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มเพื่อนในwe chatกันหรอกมั้ง?”
ควีนเอ่ยพูดเบาๆอย่างปวดหัว : “ประธานเทาเท่มีข้อมูลสำคัญจะส่งให้เธอจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาส่งให้เธอ แล้วเธอค่อยส่งให้ฉันไม่ได้หรอ?”
“หรือไม่ก็ให้เขาปริ้นท์ออกมาแล้วเธอก็เอากลับมาให้ฉันก็ได้นี่”
หลินจือยังคงไม่เปลี่ยนความคิดง่ายๆ เนื่องจากว่าเธอไม่คิดว่าเทาเท่จะมีข้อมูลอะไรส่งให้เธอ
คนสองคนที่หย่ากันไปเป็นเวลาปีกว่าแล้ว ระหว่างนั้นจะยังมีข้อมูลอะไรที่ต้องส่งถึงกันอีกอย่างนั้นหรือ?
ขั้นตอนที่ควรจัดการ ข้อตกลงที่ควรเซ็น ตอนที่หย่าก็ทำทุกอย่างชัดเจนหมดแล้วไม่ใช่หรือ?
ควีน : “………”
ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ เธอทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ : “we chatที่มีชื่อเสียงและเพิ่มเพื่อนยากของประธานเทาเท่ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาเองก็จะมีวันที่ถูกปฏิเสธด้วย”
We chat เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นทางสถานการณ์แบบไหนก็จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย
เรื่องแรกที่ทุกคนเจอหน้ากัน หลังจากคุยกันสองสามประโยคก็จะเริ่มเพิ่มเพื่อนในwe chatกันแล้ว
แต่ตั้งแต่มีwe chatปรากฏขึ้นมา ก็แทบจะไม่มีใครที่ได้รับwe chatของเทาเท่มาก่อนเลย โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่มีแผนร้ายพวกนั้น
ควีนรู้สึกว่า ในwe chat ของเจ้านายตัวเองนั้น ผู้ติดต่อน้อยมากเสียจนนับได้เลย
นอกจากครอบครัวเพื่อนไม่กี่คน และยังมีพวกเธอที่เป็นลูกน้อง ก็แทบจะไม่มีใครแล้ว
หลินจือได้ยินควีนพูดแบบนี้แล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆพลางเอ่ยขึ้น : “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปถามเขาสิ ว่าทำไมเขาถึงไม่เพิ่มเพื่อนในwe chatกับคนพวกนั้น คำตอบของฉันก็เหมือนกันกับเขานั่นแหล่ะ”
ควีนจึงทำได้เพียงต้องสิ้นสุดบทสนทนาทางโทรศัพท์ลง หลังจากนั้นก็กลับไปยังออฟฟิศของเทาเท่อย่างจนปัญญา
ถูกปฏิเสธคำขอรับเป็นเพื่อนในwe chatมาสองครั้ง ความโมโหของเทาเท่นั้นก็สามารถจินตนาการได้เลย
หลังจากที่เห็นควีนกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา : “เธอว่ายังไงบ้าง?”
เทาเท่สาบานเลย ว่าถ้าครั้งนี้หลินจือยังไม่รับเขาอีกล่ะก็ เขารับประกันว่าจะไม่สนใจความเป็นความตายของเธออีกแล้ว ต่อไปเขาจะไม่เป็นฝ่ายขอเพิ่มเพื่อนเธอเป็นอันขาด
ควีนเอาคำพูดของหลินจือมาพูดให้เทาเท่อีกครั้ง : “เธอบอกว่า คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะยอมรับกับคำขอwe chatของคนอื่นๆเหมือนกันนี่คะ? เหตุผลของเธอก็เหมือนกันกับคุณ”
เทาเท่รู้สึกจุก แทบจะโมโหตายอยู่แล้ว
เขาไม่เพิ่มเพื่อนในwe chatกับคนอื่น โดยเฉพาะพวกผู้หญิงเหล่านั้น เพราะว่าเขาขี้เกียจจะสนใจพวกเธอ และรู้สึกเบื่อหน่ายพวกเธอ เขาไม่ได้คิดที่จะอยากไปเกี่ยวพันกับพวกเธออยู่แล้ว จะเพิ่มไปทำไมกัน?
ดังนั้น เธอไม่เพิ่มเพื่อนเขา ก็เป็นเพราะว่าเกลียดเขา ขี้เกียจสนใจเขาอย่างนั้นหรือ?
ยังมีว่าไม่อยากจะเกี่ยวพันกับเขาอย่างนั้นใช่ไหม?
เขาเม้มปากในใจสูดหายใจเข้าไปอย่างเงียบๆ และนี่ถึงได้ไม่โมโหต่อหน้าควีน
ควีนหยั่งเชิงเอ่ยถาม : “ถ้าไม่อย่างนั้น…..ฉันปริ้นท์รายละเอียดการโอนเงินพวกนั้นออกมาแล้วเอาไปให้เธอดีไหมคะ?”
เทาเท่เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา : “ไม่ต้อง”
“ในเมื่อเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือของผม ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอเป็นไปตามยถากรรมก็แล้วกัน”
เขาบอกแล้วว่ามีสิ่งสำคัญมากจะให้เธอ ในเมื่อเธอไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อนในwe chat นั่นก็แสดงว่าเธอไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเขา แล้วเขาจะต้องรีบไปช่วยเธออีกทำไมกัน?
ควีนเพียงแค่ตอบรับกลับไปเท่านั้น : “ฉันทราบแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำงานก่อนนะคะ” ควีนพูดไว้เช่นนี้แล้วหันหลังออกไป
หลังจากที่ควีนออกไปแล้ว เทาเท่ถึงได้โยนปากกาในมือทิ้งไปด้านข้างแรงๆอย่างไม่สบอารมณ์ ใช้วิธีนี้ระบายความโมโหและอาการทำตัวไม่ถูกของตัวเองที่ถูกปฏิเสธไปถึงสองครั้ง
ช่วงบ่ายก่อนจะเลิกงานนั้น ควีนโทรหาหลินจือ : “หลินจือ เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารเผื่อฉันนะ ฉันกับประธานเทาเท่มีงานเลี้ยงช่วงค่ำ”
“ได้สิ” หลินจือตอบรับอย่างสบายๆ
นักธุรกิจอย่างพวกเขาช่วงค่ำๆจะมีงานเลี้ยงอยู่บ่อยๆหลินจือรู้ดี ตอนที่แต่งงานกันตอนแรกของเธอกับเทาเท่ ในหนึ่งสัปดาห์เทาเท่สามารถมีเวลาซักสองวันกลับมากินข้าวตอนเย็นได้นี่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
แต่ดูเหมือนกับว่าที่จู่ๆเขาก็เป็นโรคกระเพาะขึ้นมาแล้วเธอก็เริ่มปรับเรื่องอาหารการกินของเขานั้น งานเลี้ยงของเขาก็น้อยลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด
ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เรื่องงานเลี้ยงทางสังคมของเป็นแบบไหน แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวกับเธอแล้วเช่นกัน
กินอาหารเย็นง่ายๆเพียงลำพังแล้ว หลินจือก็มานั่งเขียนบทตรงหน้าคอมพิวเตอร์ต่อ
ถึงตอนช่วงห้าทุ่มแล้วนั้น เธอก็ส่งข้อความทางwe chatถึงควีน ถามควีนว่าจะกลับมาประมาณกี่โมง จะต้องให้เธอเตรียมสิ่งที่ทำให้สร่างเมาไว้ให้เธอด้วยหรือเปล่า
ผ่านไปพักหนึ่งควีนถึงได้ตอบเป็นข้อความเสียงกลับเธอมา : “หลินจือ ฉันดื่มมากไปหน่อย เธอมารับฉันได้ไหม?”
หลินจือตอบตกลงไปโดยไม่ต้องคิด เธอเป็นคนที่เมื่อเพื่อนขอร้องมาก็จะรับปากในทันทีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
ถึงโรงแรมมที่พวกควีนอยู่แล้ว ตอนที่หลินจือลงมาจากรถแท็กซี่นั้น ก็พบเข้ากับควีนที่ตามหลังเทาเท่และผู้ชายสองสามคนเดินออกมาพอดี
ถึงแม้ว่าควีนจะยังสามารถเดินได้ แต่จากคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเธอสามารถมองออกว่าเธอกำลังฝืนอยู่นั่นเอง
หลังจากที่ออกมาจากโรงแรมแล้วคนกลุ่มหนึ่งก็ทักทายปราศรัยกันอีกครั้ง นอกจากเทาเท่กับควีนแล้วหลินจือก็ไม่รู้จักใครคืนอื่นเลย ดังนั้นเธอจึงยืนรออยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างเงียบๆ
รอจนพวกเขาทักทายปราศรัยกันเสร็จ คนอื่นๆทยอยกันขึ้นรถจากไปแล้ว หลินจือก็เข้ามาประคองควีนในทันที พลางเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง : “เธอยังโอเคอยู่ไหม?”
ควีนไม่ได้ตอบ เพียงแต่เอาตัวเองพิงร่างของเธอเอาไว้ ใช้การเคลื่อนไหวแสดงออกมาว่าเธอยื้อต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
หลินจือรีบประคองเธอมาขึ้นรถแท็กซี่ที่ตัวเองมา โดยไม่ได้สนใจเทาเท่ที่ยืนอยู่ข้างๆเลย
เขาจะต้องไม่ขาดคนไปส่งอย่างแน่นอน เธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามให้มากเรื่อง และตั้งแต่ที่เธอลงมาจากรถเมื่อครู่นี้ เขาก็มองเธออย่างทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจอยู่หลายครั้ง
หลังจากที่จัดการกับควีนเรียบร้อยแล้ว หลินจือก็ก้มตัวลงเตรียมจะขึ้นรถกลับออกไป
ทันใดนั้นเองเทาเท่ก็ตะโกนเรียกเธอขึ้นจากทางด้านหลัง : “หลินจือ”
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ถึงอย่างไรแล้วหลินจือก็เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกับเขามาถึงสามปี น้ำเสียงที่เขาพูดในตอนนี้เธอสามารถรับรู้ได้ว่าเขาเองก็ดื่มไปมากเช่นกัน เนื่องจากน้ำเสียงของเขานั้นดูชากว่าปกติเป็นเท่าตัว
ไม่อยากจะพูดอะไรกับเขาให้มากนัก เธอจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วมุดตัวขึ้นรถไป
แขนถูกแรงหนึ่งดึงเอาไว้ ไม่คิดว่าเทาเท่จะลากเธอออกมา อีกทั้งยังกอดเธอเอาไว้อยู่ในอ้อมกอดอีกด้วย
หลินจือเพิ่งจะดิ้น ก็เห็นว่าจู่ๆเขาก็เข้ามาใกล้เธอ ลมหายใจนั้นมีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ร้อนรุ่ม จ้องมองเธอพลางเอ่ยค้านขึ้นอย่างโมโห : “ทำไมคุณถึงไม่รับเพิ่มเพื่อนwe chatของผม?”
“ทำไม?” เขาอยู่ในสภาพที่มีอาการมึนเมา ดึงหลินจือไม่ยอมปล่อย : “วันนี้คุณจะต้องบอกเหตุผลกับผม”
“เทาเท่ ไม่คิดว่าคุณจะดื่มขนาดนี้?” หลินจือรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ช่วงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าโรคกระเพาะเพิ่งจะกำเริบจนเข้าโรงพยาบาลอย่างนั้นหรือ? คืนนี้ยังดื่มอีกและยังดื่มไปไม่น้อยด้วย
“ว่าไง?” เขาโอบเอวเธอเข้ามาในอ้อมกอด มุมปากปรากฏรอยยิ้มร้ายออกมา “หย่ากันไปแล้วคุณยังสนใจผมอย่างนั้นหรอ?”
หลินจือโมโหจนหัวเราะออกมา เขาใช้ตาไหนมองกันว่าเธอสนใจเขา?
จะว่าไปแล้ว ใครจะสามารถไปสนใจคนใหญ่คนโตอย่างเขาได้กัน?
ในเมื่อเขาไม่รักสุขภาพร่างกายของตัวเองแบบนี้ คนอื่นจะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
หลินจือยกมือผลักเขา : “คุณปล่อยฉัน ฉันจะไปแล้ว”
อดีตสามีภรรยาที่หย่ากันแล้ว มากอดฉุดกระชากกันอยู่บนถนนใหญ่แบบนี้ คืออะไรกัน?