ตอนที่ 1415 เข้าเมือง (3)
“เจ้าเมืองใจดีงั้นหรือ?” จวินอู๋เสียพึมพำกับตัวเองขณะนั่งอยู่ในห้อง คิดถึงสิ่งที่ทหารพูดให้ฟัง และพบว่ามันน่าตลกมาก ถ้าเขาใจดีจริงๆ ทำไมถึงให้คนเข้าเมืองแค่วันละ 300 คน? การปล่อยคนเข้าเมืองในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นชัดว่าเมืองชิงเฟิงยังสามารถรับคนได้มากกว่านี้ แต่พวกเขาก็ยังยืนกรานที่จะปล่อยให้คนเข้าเมืองในจำนวนแค่นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ลี้ภัยที่อยู่ในเพิงนอกเมืองก็ไม่ได้รับการดูแลเลยแม้แต่น้อย
การกระทำที่ดูเหมือนใจดีนี้ ในสายตาของจวินอู๋เสียแล้ว เป็นเพียงความพยายามหลอกผู้คนที่ห่วยแตกมาก
ตอนที่เข้าเมืองชิงเฟิง จวินอู๋เสียได้สังเกตเห็นแล้วว่าถนนและตรอกซอกซอยภายในเมืองชิงเฟิงไม่ค่อยมีผู้คนหนาแน่นมากนัก ชัดเจนเลยว่าเมืองนี้ยังรับคนได้อีก หรือจะบอกว่าพวกเขายังเหลือที่ว่างอยู่อีกมากก็ได้
บนถนนที่นางเดินผ่าน นางไม่เห็นคนสูงอายุและเด็กๆมากนัก จำนวนประชากรก็ดูปกติเหมือนเมืองทั่วไป ถ้าหากเป็นอย่างที่ทหารคนนั้นบอก เมืองชิงเฟิงมักจะรับคนแก่และเด็กเข้าเมืองก่อนเสมอ งั้นจำนวนผู้สูงอายุและเด็กในเมืองชิงเฟิงก็ควรมากกว่าที่นางเห็นซิ
นอกจากนั้น พวกคนพิษได้ทำการโจมตีมานานกว่าหนึ่งปี และเมืองชิงเฟิงก็เริ่มเปิดรับผู้ลี้ภัยมาเกิน 6 เดือนแล้ว คำนวนจากอัตรา 300 คนต่อวัน ในเมืองควรมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายหมื่นคน แค่คนประเภทที่พวกเขาอ้างว่ารับเข้าเมืองก่อนอย่างเดียว ก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะส่งผลออกมาแบบที่นางเห็นในเมือง
“มีอะไรแปลกๆในเมืองนี้จริงๆ” จวินอู๋เสียยิ้มหยัน นางเอามือเท้าคางมองดูเจ้าแมวดำที่นอนอยู่บนโต๊ะ
“เจ้านาย” แมวดำตัวน้อยพูดพลางเลียอุ้งเท้าของตัวเอง
“หืม?”
“ไม่สังเกตหรือว่าอะไรหายไป?” เจ้าแมวดำพูดอย่างเกียจคร้าน
จวินอู๋เสียสะดุ้งเล็กน้อย นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว
เจ้าแมวดำนั่งตัวตรงมองสบตาจวินอู๋เสีย แล้วพูดเสียงเรียบว่า “เย่ฉา เย่เหม่ย เย่กู……”
ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็นึกขึ้นได้ว่า ครั้งนี้นางและจวินอู๋เหยาเหาะมาด้วยความเร็วสูงมาก พวกเขาลืมสามพี่น้องสกุลเย่ไปซะสนิท!
“พวกนั้นจะหาทางมาที่นี่ได้เอง” จวินอู๋เสียพูดหลังจากกระแอมเล็กน้อย
เจ้าแมวดำจ้องจวินอู๋เสียอย่างพูดไม่ออก มันไม่ห่วงเย่ฉากับอีกสองคนหรอก พวกนั้นมีพลังดูแลตัวเองได้ แต่มันเป็นห่วงท่านแบะแบะกับกระต่ายโลหิตที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่ฉาและเย่เหม่ยมากกว่า……
“ยังหัววันอยู่ ข้าว่าจะไปดูสถานการณ์ในเมืองนี้หน่อย” จวินอู๋เสียลุกขึ้น นางตั้งใจจะออกไปทันที แต่ก็ยังไปบอกจวินอู๋เหยาก่อน จวินอู๋เหยาอยากไปด้วย แต่ก็โดนจวินอู๋เสียสั่งให้อยู่ในโรงแรมด้วยเหตุผลว่าเขาต้องรอให้พวกเย่ฉามาถึงก่อน
จวินอู๋เหยาไม่มีทางเลือก ได้แต่มองจวินอู๋เสียออกไปคนเดียวอย่างโศกเศร้า
ดังนั้น ตอนที่พวกของเย่ฉาที่เร่งรีบอย่างสุดกำลังมาถึง ท้องฟ้าก็ดำมืดเท่ากับใบหน้าของจวินอู๋เหยาในตอนนั้นเลยทีเดียว
ในเมืองชิงเฟิงนั้นสงบเงียบ จวินอู๋เสียเดินไปตามถนนกว้าง มองดูพ่อค้าเร่ตะโกนขายของและชาวเมืองที่ผ่อนคลายอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะนางรู้ว่าโลกภายนอกวุ่นวายและอันตรายเพียงใด มองดูคนพวกนี้แล้ว คงคิดจริงๆว่าดินแดนนี้สงบสุขและไม่มีภัยพิบัติอยู่ข้างนอกเลย
ประชาชนในเมืองชิงเฟิงดูเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงวิกฤตข้างนอก พวกเขายังใช้ชีวิตสบายๆตามปกติ จวินอู๋เสียสังเกตทุกอย่างอย่างรอบคอบและพบว่าง่ายมากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างพลเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองชิงเฟิงกับผู้ลี้ภัย แค่มองดูตาก็บอกได้แล้ว พวกผู้ลี้ภัยที่หลบหนีเข้ามาในเมืองมักจะมีท่าทางไม่มั่นคง แตกต่างจากท่าทางผ่อนคลายสบายๆของผู้อยู่อาศัยเดิม
จวินอู๋เสียเดินไปรอบๆเมือง จำนวนผู้ลี้ภัยที่นางเห็นนั้นน้อยกว่าที่คิด อย่างมากสุดก็หลายพันคน ไม่ตรงกับจำนวนที่นางคำนวนเอาไว้อย่างคร่าวๆก่อนหน้านี้