ตอนที่ 1417 ผู้ใจบุญ (2)
ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลุ่มนั้นหน้าตาดีและท่าทางสง่างาม เขามีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า ขณะที่มองพวกผู้ลี้ภัยที่มารวมตัวกันใกล้ๆ
“อืม” จากนั้นชายคนนั้นก็พยักหน้าให้กับคนของเขาที่อยู่ข้างๆ
คนพวกนั้นถือกล่องไม้อยู่ในมือ และเมื่อพวกเขาได้รับสัญญาณจากชายคนนั้น ก็เปิดกล่องออกเผยให้เห็นหมั่นโถวสีขาวราวหิมะที่ยังมีไอร้อนอยู่ ดูน่ากินมาก
ผู้ลี้ภัยทั้งสองฝั่งฮือฮาขึ้นทันทีเมื่อเห็นหมั่นโถวสีขาวพวกนั้น พวกเขาถูกจัดให้อยู่ที่นี่ชั่วคราว แม้ว่าจะไม่ต้องกังวลเรื่องการโจมตีจากพวกคนพิษอีก แต่ชีวิตที่นี่ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก แค่เรื่องอาหารในแต่ละวันก็เป็นปัญหาที่ทำให้พวกเขาปวดหัวมากแล้ว แม้ว่าเมืองชิงเฟิงจะแจกจ่ายวอวอโถวให้พวกเขาทุกวัน แต่มันก็มีปริมาณไม่มากนัก
ทุกคนสามารถรับวอวอโถวได้วันละไม่เกิน 2 ชิ้น วอวอโถวที่มีขนาดครึ่งฝ่ามือจะทำให้พวกเขาอยู่ได้ทั้งวันนั้นเป็นเรื่องยากจริงๆ จำนวนอาหารที่เมืองชิงเฟิงส่งมาทำให้พวกเขาหลายคนยังหิวกันอยู่
หลังจากกินไม่พอในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา จู่ๆก็มีคนนำอาหารมาให้มากมาย พวกผู้ลี้ภัยจึงไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้
พวกเขาอยากจะกระโจนเข้าไปฉกหมั่นโถวพวกนั้นเต็มที แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรั้งตัวเองเอาไว้และจ้องมองกลุ่ม “ผู้ใจบุญ” ที่แต่งกายหรูหราด้วยความอยาก
พวกผู้ติดตามรีบส่งหมั่นโถวให้ผู้ลี้ภัยที่รออยู่รอบๆคนละหนึ่งก้อน แม้ว่ามันจะไม่มาก แต่หมั่นโถวก็ทำให้พวกเขาอิ่มได้มากกว่าวอวอโถวแห้งๆแข็งๆที่ทางการแจก
ผู้ลี้ภัยถือหมั่นโถวเอาไว้ในมือ และรีบขอบคุณผู้นำกลุ่มที่หน้าตาดีคนนั้น ทุกคนแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ชายคนนั้นพยักหน้าและยิ้มให้พวกคนแก่และเด็ก รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากหมั่นโถว ในกล่องยังมีพวกติ่มซำอีกด้วย มันถูกส่งให้พวกเด็กๆ ติ่มซำไม่ใช่ของหรูหราอะไร แต่สำหรับเด็กๆยากไร้ที่ไม่มีที่อยู่ พวกมันเป็นของดีที่หายากมาก เสียงหัวเราะที่ไร้เดียงสาอย่างมีความสุขของพวกเด็กๆดังขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัย
“ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้าง?” หัวหน้ากลุ่มมองดูผู้ลี้ภัยเกือบสองร้อยคนที่อยู่รอบๆ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองก็ดีมากแล้ว เราจะบ่นได้ยังไงว่าที่นี่ดีหรือไม่ดี พวกเราแก่แล้ว ขอแค่มีข้าวกินก็พอ เราแค่สงสารเด็กๆพวกนี้ พวกเขายังเด็กมาก……” หญิงชราบางคนอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ พวกเขาแก่แล้ว ใกล้จะลงโลงเต็มที แต่เด็กๆที่เป็นหลานของพวกเขาซึ่งเข้าเมืองมาพร้อมพวกเขา มีจำนวนไม่น้อยที่ล้มป่วยระหว่างทางจากความเหนื่อยยากในการเดินทางที่ต้องเร่งรีบหลบหนี
ตอนนี้พวกเขาเข้ามาในเมืองชิงเฟิงแล้ว แต่เพราะสถานการณ์ที่น่าอับอายในกระเป๋าเงินของพวกเขา พวกเขาจึงไม่สามารถพาเด็กๆไปหาหมอได้
ชายคนนั้นมองเด็กๆที่ป่วย แล้วหรี่ตาลง แววตาทอประกายชั่วร้ายขึ้นมาแวบหนึ่ง มันเร็วมากจนคนอื่นไม่ทันเห็น จากนั้นก็กลับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิม
“เด็กพวกนี้ป่วยงั้นหรือ?” ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ผู้หญิงหลายคนที่อุ้มเด็กเล็กไว้ในอ้อมแขนพากันเช็ดน้ำตา
“ใช่แล้ว เด็กพวกนี้ยังเล็ก ร่างกายยังอ่อนแอ เจอเรื่องหวาดผวาไม่หยุดหย่อน เกรงว่าลมร้ายจะเข้าไปในร่าง……” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด นางมอง “ผู้ใจบุญ” ตรงหน้าอย่างลังเล
ชายคนนั้นดูเหมือนจะรู้ว่าหญิงชราต้องการอะไร จึงพูดขึ้นว่า “ข้ามียาอยู่ ก็ไม่ใช่ของดีอะไรนัก แต่อาจจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของเด็กได้บ้าง” พูดจบ เขาก็ให้ผู้ติดตามของเขานำขวดยาไปวางในมือของหญิงชราคนนั้น
“เอ้า ให้เด็กกินยานี้พร้อมกับน้ำ หลังจากนั้นพวกเขาก็น่าจะดีขึ้น” ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หญิงชราขอบคุณชายคนนั้นไม่หยุด นางไม่ได้มีความหวังมากนัก แต่เขาก็ตอบสนองคำขอที่ไม่ได้พูดของนางอย่างไม่คาดคิด