“ฉันเป็นพ่อแท้ๆของเธอ ฉันป่วยเข้าโรงพยาบาลแต่เธอกลับหายหัวไป ลูกอกกตัญญูแบบนี้ ฉันไม่ควรจะเปิดโปงมันอย่างนั้นหรอ?”
หลินจือที่เพิ่งจะเดินมาถึงประตูห้องประชุม ก็ได้ยินเสียงตะโกนของชาร์ลีกำลังพูดกับเจเทาวน์อยู่ข้างในห้องประชุม
หลินจือโมโหจนหัวเราะออกมา
ชาร์ลีนี่หน้าไม่อายเลยจริงๆ “เขาเป็นพ่อแท้ๆของเธอ”คำพูดแบบนี้ เขาพูดโกหกอย่างไม่ละอายใจเลยออกมาได้ยังไงกัน?
พูดออกมาอย่างขัดกับความรู้สึกของตัวเองแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกฟ้าผ่าบ้างอย่างนั้นหรือ?
บางทีชาร์ลีคงคิดว่าเธอไม่รู้ความจริงเรื่องของชีวิตตัวเองอย่างนั้นสินะ ดังนั้นถึงได้กำเริบเสิบสานและรังแกเธออย่างตามอำเภอใจแบบนี้
เสียงของเจเทาวน์ดังขึ้น พูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด : “แต่คุณมาก่อความวุ่นวายแบบนี้ มีแต่จะเป็นการทำร้ายกันทั้งสองฝ่ายนะครับ ถ้าหากหลินจือไม่มีอะไรแล้ว พวกคุณสองคนก็จะไม่ได้อะไรไปเลยเหมือนกัน”
ชาร์ลีด่าว่าออกมาด้วยความโมโห : “ฉันไม่สน! มันไม่ให้ฉันมีชีวิตดีๆ ฉันเองก็จะไม่ให้มันมีชีวิตดีๆเหมือนกัน”
หลังจากสิ้นเสียงของชาร์ลีแล้ว หลินจือก็ผลักประตูเข้าไปอย่างทนไม่ไหว
นี่ก็คือคนที่เรียกว่าพ่อและพี่ชายของเธอ คิดวางแผนทำร้ายเธอเมื่อสี่ปีก่อนก็ว่าแล้ว ตอนนี้ยังจะมาทำลายเธออีก
ชาร์ลีกับเรียวจิเห็นว่าเธอเข้ามาแล้ว ก็พุ่งเข้าไปหาเธอด้วยท่าทางที่ดุร้าย
“แกนังลูกอกตัญญู ไม่คิดว่าจะกล้าโผล่หน้ามาแล้ว!” ชาร์ลีรู้สึกโมโหจนยกมือจะตบหน้าหลินจือ
เจเทาวน์เข้ามาปกป้องหลินจือเอาไว้ให้เธออยู่ทางด้านหลัง แล้วตวาดทั้งสองคนเสียงเข้ม : “ถ้าพวกคุณใช้กำลัง อย่ามาโทษผมนะถ้าผมเรียกรปภ.ให้มาเอาตัวพวกคุณโยนออกไป”
เจเทาวน์เองก็คิดไม่ถึงว่าชาร์ลีจะเลวร้ายแบบนี้ และยังคิดที่จะตบตีคนอีกด้วย
สองพ่อลูกชาร์ลีตกใจกับพลังอำนาจของเจเทาวน์ จึงต่างพากันถอยหลังไป
เรียวจิมองพิจารณาท่าทางที่ดูปกป้องหลินจือของเจเทาวน์แล้ว มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มสกปรกออกมา : “โอ้ว คุณเจเทาวน์ คุณดูตื่นเต้นกับน้องสาวของผมขนาดนี้ ชอบเธอแล้วใช่หรือเปล่า?”
“แบบนี้แล้วกัน ถึงอย่างไรเธอก็เคยนอนกับเทาเท่ไปแล้ว เราลดราคาให้คุณ ให้คุณถูกๆเลย คุณให้เงินเราก้อนนึง เป็นยังไง?”
เจเทาวน์มองเรียวจิอย่างไม่อยากจะเชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะมาได้ยินคำพูดที่ล้ำเส้นแบบนี้
นี่ไม่ใช่เพียงแค่ดูถูกหลินจือเท่านั้น แต่เป็นการดูถูกเขาด้วยเช่นกัน
เจเทาวน์โมโหเสียจนมือไม้สั่นเทาไปหมด
“ขอโทษนะคะ ประธานเจเทาวน์” หลินจือเห็นเรื่องแปลกประหลาดจนชินไปเสียแล้ว เมื่อสี่ปีก่อนพวกเขาส่งตัวเธอให้ไปขึ้นเตียงกับเทาเท่แล้ว ตอนนี้ก็จะเอาตัวเธอให้กับผู้ชายคนอื่นอีก
หัวใจของเธอนั้นถูกสองพ่อลูกชาร์ลีนี่ทำร้ายเสียจนด้านชาไปแล้ว
เธอเดินออกมาจากทางด้านหลังเจเทาวน์ แล้วเอ่ยพูดกับชาร์ลีอย่างเย็นชา : “ทำไมฉันจะต้องเลี้ยงดูคุณด้วย? คุณกับฉันเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันนี่คะ”
คำพูดนี้ของหลินจือ ทำให้เจเทาวน์ที่อยู่ข้างๆตกใจไปไม่น้อย
ชาร์ลีกับเรียวจิก็อึ้งไปด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นชาร์ลีก็ปฏิเสธขึ้นมาด้วยความโมโห : “ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไร? แกพูดมั่วอะไร!”
“ใช่!” เรียวจิเองก็ช่วยพูดสนับสนุน “หลินจือ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเลี้ยงดูผู้มีพระคุณ ถึงได้พูดออกมาว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ”
“พอได้แล้ว! พวกคุณอย่ามาเถียงข้างๆคูๆเลย ก่อนที่แม่จะจากไป แม่บอกฉันหมดแล้ว” หลินจือมองหน้าของพวกเขาแล้วก็รู้สึกรังเกียจ
ถ้าหากในมือเธอมีผลตรวจดีเอ็นเออยู่ด้วยนั้น เธอจะต้องปาใส่หน้าพวกเขาไปแล้วแน่ๆ เพื่อที่จะเลี่ยงให้พวกเขาพูดเหลวไหลกันอีก
ชาร์ลีกับเรียวจิมองหน้าสบตากันอย่างเลิกลั่ก ชาร์ลีคิดเอาไว้ว่าให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมรับ : “แม่แกพูดอะไร แกก็เชื่ออย่างนั้นเหรอ?”
หลินจือเอ่ยพูดขึ้นมานิ่งๆ : “ถ้าไม่อย่างนั้นเราไปตรวจดีเอ็นเอกันไหมคะ?”
ชาร์ลีเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ : “ทำไมฉันจะต้องไปตรวจดีเอ็นเอด้วย? ฉันบอกว่าแกเป็นลูกสาวแท้ๆของฉัน แกก็คือลูกสาวแท้ๆของฉัน แกจะต้องเลี้ยงดูฉันไปจนแก่!”
หลินจือรู้ว่าชาร์ลีจะไม่ยอมรับแบบนี้ ดังนั้นเธอถึงได้เป็นฝ่ายไปตรวจดีเอ็นเอเอง
เรียวจิที่อยู่ข้างๆพูดสนับสนุนขึ้นมา : “ต่อให้แกไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่พ่อก็เลี้ยงดูแกมาจนโตขนาดนี้ แกจะไม่รู้จักตอบแทนซักนิดเลยหรือไง?”
“ฉันไม่รู้จักที่จะตอบแทน?” หลินจือหัวเราะเยาะ “สามปีที่ฉันแต่งงานกับเทาเท่ พวกคุณเอาเงินไปจากเขาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว?”
“เงินพวกนั้น เพียงแค่พวกคุณใช้มันเหมือนคนทั่วไปในการดำเนินชีวิต ก็คงพอกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกคุณไปตลอดชีวิตแล้ว แล้วคุณบอกว่าฉันไม่ได้ตอบแทนอย่างนั้นเหรอ?”
“พวกคุณสองคน คนนึงติดการพนัน คนนึงติดเหล้า เงินพวกนั้นพวกคุณไม่เคยใช้มันไปในทางที่ถูกที่ควรเลยด้วยซ้ำ!”
“อย่าไปเปลืองคำพูดกับพวกเขาเลยครับ” เจเทาวน์ที่เป็นคนนอก ได้ยินคำพูดพวกนี้ของหลินจือแล้วก็รู้สึกโมโหจนรับไม่ได้
เขาดึงหลินจือกลับมา แล้วเงยหน้ามองสองพ่อลูกชาร์ลีอย่างดุดันแล้วเอ่ยเตือน : “พวกคุณจะไปเอง? หรือว่าจะให้ผมเรียกรปภ.มาไล่พวกคุณออกไป?”
ชาร์ลีเอ่ยขึ้นอย่างโมโห : “คุณหมายความว่าอะไร?”
เจเทาวน์พูดขึ้นอย่างรู้สึกรังเกียจ : “ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าระหว่างพวกคุณกับหลินจือจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกัน ตอนนี้ดูแล้ว หลินจือไม่ได้ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว พวกคุณต่างหากที่ไร้ยางอาย”
เรียวจิพูดขู่เจเทาวน์อย่างหน้าไม่อาย : “ไม่คิดว่าคุณจะเข้าข้างหลินจือ? คุณเชื่อไหมว่าผมจะออกไปเปิดโปงกับความไม่ถูกต้องในความสัมพันธ์ของพวกคุณ?”
“ผมอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีขนาดนี้ มีเรื่องอะไรที่ไม่เคยผ่านมาบ้าง? มีความสามารถก็เชิญคุณไปเปิดโปงได้เลย” เจเทาวน์แข็งใส่สองพ่อลูกอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นก็โทรเรียกรปภ.ขึ้นมา
สองพ่อลูกชาร์ลีตะโกนร้องไปพลางถูกรปภ.หิ้วตัวออกไปด้วย
“ขอบคุณนะคะ” หลินจืออารมณ์ไม่ดีนัก แต่เธอก็ยังคงรีบเอ่ยขอบคุณเจเทาวน์
หลังจากที่ขอบคุณแล้วเธอก็เอ่ยขอโทษขึ้นมาอีกครั้ง : “ฉันคิดไม่ถึงเลยค่ะว่าจะพวกเขาจะมาก่อเรื่องที่บริษัท ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้บริษัทต้องวุ่นวายแบบนี้”
เจเทาวน์หันไปรินน้ำอุ่นให้เธอ : “นั่งก่อนครับ”
หลินจือถือน้ำเอาไว้แล้วนั่งลง เจเทาวน์เอ่ยพูดขึ้น : “ตอนแรกพวกเขามาก่อเรื่องที่บริษัท ผมคิดว่าระหว่างพวกคุณมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกัน ก็เลยโทรไปเรียกให้คุณมา ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าพวกเขาจะเลวร้ายแบบนี้ ผมจับพวกเขาโยนออกไปเลยดีกว่า”
“ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาอยู่ดี” หลินจือเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เดิมทีฉันว่าจะรอให้ได้ผลตรวจดีเอ็นเอก่อนแล้วค่อยไปหาพวกเขา ฉันยังคิดว่าตอนที่แบไพ่ใบสุดท้ายกับพวกเขานี้ค่อยเอาเงินให้พวกเขาไปเสียหน่อย แต่ตอนนี้….”
หลินจือไม่อยากจะพูดถึงว่าตัวเองเสียใจทีหลังกับความใจอ่อนนี้ : “แต่เพียงแค่พวกเขาดีกับฉันซักนิด ฉันก็คงจะไม่สนใจพวกเขาไม่ได้”
“ความเห็นแก่ตัวของความเป็นมนุษย์ พวกเขานี่อธิบายได้อย่างชัดเจนมากจริงๆ” เจเทาวน์ถอนหายใจออกมา
“วันนี้พวกเขาก่อเรื่องกันแบบนี้ จะส่งผลกระทบต่อบริษัทหรือเปล่าคะ?”นี่เป็นสิ่งที่หลินจือกังวลที่สุด
ตัวเธอเองจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญ แต่หากทำให้เจเทาวน์และบริษัทเดือดร้อนนั้นใช้ไม่ได้จริงๆ
“ไม่มีผลกระทบที่ไม่ดีอะไรหรอกครับ” เจเทาวน์ปลอบใจเธอ “ก่อนอื่นเลย คนไม่ใช่ศิลปินบุคคลสาธารณะ และอย่างที่สองก็คือคนอื่นเขาสามารถตัดสินด้วยความเป็นธรรมได้อยู่แล้วครับ คุณกลับไปตั้งใจทำบทของคุณต่อดีกว่า”
คำพูดของเจเทาวน์คลายความกังวลที่อยู่ในใจของหลินจือได้มาก เธอรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมาก : “ขอบคุณนะคะ ประธานเจเทาวน์….”
เจเทาวน์หัวเราะออกมาอย่างอ่อนโยน : “กับผมจะเกรงใจอะไรกัน”
อาศัยตอนที่หลินจือก้มลงดื่มน้ำ จู่ๆเจเทาวน์ก็เอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ : “หลินจือ คุณเคยคิดหรือเปล่า ว่าจะหาที่พักพิงใหม่ให้กับตัวเอง?”
เจเทาวน์ไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตของหลินจือจะล้มลุกคลุกคลานมาขนาดนี้ ทุกอย่างที่เธอเผชิญหน้าเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารู้สึกสงสารจับใจ
เมื่อใจร้อนขึ้นมา เขาก็ไม่อยากจะเก็บความรู้สึกตัวเองอีกแล้ว อยากจะปกป้องเธอให้ดีด้วยกำลังของตัวเอง