“สหายเซี่ย”

ไม่ทันรอให้คนอื่นๆได้พูดอะไรต่อ ในตอนนี้บาหลีหู่ก็พูดแทรกขึ้นมาพร้อมทั้งมองไปที่เซี่ยปิงและเริ่มแนะนำตนเอง “อันดับแรกขอต้อนรับเข้าสู่เมืองร้อยลี้ของพวกเรา ข้าคือบาหลีหู่ผู้ปกครองเมืองร้อยลี้แห่งนี้”

“สวัสดีท่านผู้ปกครองเมือง”

เซี่ยปิงพยักหน้า

“เอาล่ะ ข้าเป็นคนที่ชอบพูดตรงๆ ข้าไม่ชอบพูดอ้อมค้อม” บาหลีหู่พูดอย่างตรงไปตรงมา “ที่นี่มีผู้คนจำนวนมากที่ยังคงสงสัยในพลังอำนาจของสหายเซี่ย คิดว่าสหายเซี่ยไม่สามารถที่จะเอาชนะดราโกเนี่ยนระดับราชันถึงสามคนได้”

“ซึ่งการที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ก็เรียบง่ายมาก เพียงแค่ต่อสู้กับลูกน้องของข้า พวกเราจะได้รู้ถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของสหายเซี่ย”

“หากเจ้าชนะ ข้าจะอนุญาตให้เข้าไปบ่มเพาะภายในชีพจรมังกรของเมืองร้อยลี้ของพวกเรา”

อะไรนะ?!

ได้ยินเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกใจกันอย่างมาก เหมือนกับจะไม่อยากเชื่อคำพูดของบาหลีหู่ ไม่คาดคิดว่าจะให้บุคคลภายนอกเข้าไปบ่มเพาะในชีพจรมังกรของเมืองร้อยลี้

ชีพจรมังกร?!

เซี่ยปิงรู้สึกสงสัยอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นผู้คนที่อยู่รอบๆที่มีท่าทางอิจฉาตาร้อนนั้น เขาก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นสถานที่ที่ดีอย่างแน่นอน จะต้องมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปรารถนาจะได้เข้าไป ไม่อย่างนั้นคงจะไม่แสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา

“ท่านผู้ปกครองเมือง นี่มันจะไม่ใจกว้างเกินไปหรือ?”

ในตอนนี้ผู้บัญชาการคนหนึ่งได้ถ่ายทอดข้อความลับออกไป “ชีพจรมังกรนั้นเป็นสถานที่บ่มเพาะที่สำคัญของเมืองร้อยลี้ของพวกเรา ไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่จำนวนมากแค่ไหนที่ต้องการเข้าไปบ่มเพาะที่นั่น ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีคุณงามความดีต่อเมืองถึงจะได้เข้าไป”

“ทว่าการที่บุคคลภายนอกได้มีโอกาสเข้าไปในบ่มเพาะในชีพจรมังกรนั้น ข้าคิดว่านี่มันเป็นเรื่องที่ดูไม่เหมาะสมเล็กน้อย”

เขาคิดว่าจะต้องคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีก่อน

“หุบปาก เจ้าจะรู้อะไร”

บาหลีหู่ผู้ปกครองเมืองได้ถ่ายทอดข้อความกลับไป “หากเขาสามารถที่จะสังหารดราโกเนี่ยนระดับราชันได้สามคนจริงๆ จากนั้นการที่จะอนุญาตให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าไปในชีพจรมังกรเพื่อช่วยในการบ่มเพาะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาอะไร พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมีศักยภาพที่อ่อนแอ จำเป็นที่จะต้องมียอดฝีมือเป็นจำนวนมาก แม้แต่ยอดฝีมือในระดับจักรพรรดิพวกเราก็ขาดแคลนเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราก็คงจะอยู่ภายใต้การกดขี่ของเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนไปตลอดกาล ไม่มีวันได้งอหัวขึ้นมา”

“แน่นอนว่าหากเขาไม่สามารถเอาชนะผู้บัญชาการของเมืองร้อยลี้ของพวกเรา เรื่องที่เขาพูดออกมานั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องจริง ไม่จำเป็นที่จะต้องอนุญาตให้เขาเข้าไปในชีพจรมังกร”

เขาได้ไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ดีแล้ว ไม่ได้พูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวแต่อย่างใด

ได้ยินคำเหล่านี้ ผู้บัญชาการที่อยู่รอบๆก็เข้าใจได้ทันที ไม่มีอะไรที่จะพูดออกมาอีก

“ต่อสู้? อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลาเลย ใครกันที่จะต่อสู้กับข้า?” เซี่ยปิงไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างและมองกลุ่มคนที่อยู่รอบๆอย่างไม่แยแส

“ข้าเอง”

ในตอนนี้ชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาวได้เดินเข้ามา ที่เอวของเขานั้นเหน็บดาบยาวไว้อยู่ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตดาบที่แข็งแกร่ง ออร่าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทันทีที่คนๆนี้เดินเข้ามานั้น บรรยากาศรอบๆห้องโถงแห่งนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

“ไม่คาดคิดว่าผู้บัญชาการบาหลีหั่นจะลงมือด้วยตนเอง มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่น่าดูชมจริงๆ”

“ไม่คิดมาก่อนว่าผู้บัญชาการบาหลีหั่นจะสนใจในการต่อสู้เช่นนี้ เป็นเรื่องที่หาดูได้ยากจริงๆ”

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กนี่จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ท่านบาหลีหั่นนั้นเป็นรองเพียงแค่ท่านผู้ปกครองเมืองเท่านั้น เป็นผู้ที่อยู่ในระดับราชันขั้นสูงสุด ขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะเลื่อนขั้นไปในระดับจักรพรรดิ แม้แต่ดราโกเนี่ยนในระดับเดียวกัน ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านบาหลีหั่น”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถต้านทานได้กี่กระบวนท่า?”

“สามกระบวนท่า คาดการณ์ได้ว่าเพียงแค่สามกระบวนท่าก็คงจะพ่ายแพ้ไป แม้แต่ในเมืองร้อยลี้เอง ยอดฝีมือในระดับราชันที่ใกล้เคียงกันก็ไม่สามารถที่จะต้านทานการโจมตีสามกระบวนท่าจากผู้บัญชาการบาหลีหั่นได้ด้วยซ้ำ”

“ม่ายย ข้าคิดว่าเจ้าประเมินความสามารถของเขาต่ำเกินไป ต่อให้เรื่องราวของเขาจะฟังดูไม่น่าเชื่อ เจ้าเซี่ยปิงนี่ก็ยังคงมีพลังอำนาจอยู่พอสมควร อย่างน้อยก็สามารถที่จะเอาชนะดราโกเนี่ยนในระดับเดียวกันได้ ข้าคิดว่าเขาจะสามารถต้านทานไว้ได้ถึง50กระบวนท่า”

ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกสนใจอย่างมากกับการที่จะได้เห็นบาหลีหั่นต่อสู้ เพราะว่าบาหลีหั่นนั้นไม่ได้แสดงฝีมือให้ผู้คนได้เห็นเป็นระยะเวลานานแล้ว นี่คือบุคคลที่เป็นรองจากท่านผู้ปกครองเมืองเท่านั้น

ผลงานในอดีตของบาหลีหั่นนั้นทำให้เขาเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังและก็ทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษที่เด็กหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนของเมืองร้อยลี้เคารพนับถือ

“เซี่ย!”

บาหลีหั่นไม่ได้สนใจคำพูดของผู้คนที่อยู่รอบๆแม้แต่น้อย สายตาของเขาจ้องมองไปที่เซี่ยปิง “ข้าสัมผัสได้ว่าพลังอำนาจในร่างกายของเจ้านั้นน่าสะพรึงกลัวทีเดียว เมื่อใดที่ปะทุออกมา มันจะต้องสะเทือนน้ำสะเทือนบก ทำให้ผู้คนสั่นเทา”

“ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้โกหก ทว่าข้าก็ยังต้องการที่จะประมือกับเจ้าดู ข้าอยากจะรู้ว่าใครที่แข็งแกร่งกว่ากัน”

ม่านตาของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้ ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือ แน่นอนว่าเขาสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจภายในร่างกายของฝ่ายตรงข้าม

ถึงแม้ว่าร่างกายของเซี่ยปิงจะไม่ได้เผยออร่าใดๆออกมา เพราะถูกยับยั้งไว้ทั้งหมดนั้น ทว่านี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี การฝ่ายตรงข้ามสามารถที่จะยับยั้งออร่าของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้นั้น มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาจะต้องควบคุมพลังอำนาจของตนเองได้อย่างลึกซึ้ง

“เข้ามา ไม่ต้องกังวล”

เซี่ยปิงมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์และไร้ความรู้สึก

“ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าดาบน้ำเยือกแข็ง ทำมาจากเหล็กอุกกาบาต ใช้ระยะเวลาสามปีหกเดือนกว่าที่ปรมาจารย์ด้านการหล่อหลอมจะสร้างมันออกมาจนสำเร็จ มีความยาวสามฟุต มีน้ำหนัก22กิโลกรัม มีความแหลมคมที่ไร้ที่ติ สามารถที่จะตัดผ่านเหล็กได้เหมือนตัดผ่านโคลน สังหารผู้คนโดยที่ไม่เปื้อนเลือด ข้าบาหลีหั่นจะขอประมือกับเจ้าด้วยดาบเล่มนี้!”

หลังจากที่พูดจบ วิซ บาหลีหั่นก็ได้กระโดดออกไปอย่างกะทันหัน

“รวดเร็วพอสมควร”

เซี่ยปิงขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่บาหลีหั่น

“รวดเร็วจริงๆ”

ถึงแม้ว่าในสายตาของเซี่ยปิงนี่จะเป็นความเร็วที่พอใช้ได้ ทว่าในสายตาของผู้คนที่อยู่รอบๆนั้นความเร็วของบาหลีหั่นอยู่ในจุดที่รวดเร็วอย่างถึงที่สุด ดวงตาของพวกเขาไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ทัน เห็นเพียงแค่เส้นสีเงินขาวที่หลงเหลือไว้เท่านั้น

ดาบออกจากฝัก!

ทันใดนั้นดาบน้ำเยือกแข็งนี้ก็ถูกดึงออกมา แสงจันทร์กระพริบขึ้น ในขณะที่ดวงจันทร์เต็มดวงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั่วทั้งโลกก็ตกอยู่ในความมืดสลัว หลงเหลือเพียงแค่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น

“เย็นจริงๆ!”

ในเวลาเดียวกันแสงที่ระยิบระยับนี้ ผู้คนของชนเผ่าบาหลีจำนวนมากก็รู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นบนอากาศ เหมือนกับว่าในช่วงเวลานี้ตกลงไปอยู่ในโลกน้ำแข็งก็ว่าได้ อุณหภูมิลดฮวบลงไปหลายสิบองศาอย่างกะทันหัน

แม้แต่ที่พื้นก็ดูเหมือนว่าจะมีน้ำแข็งจับตัวกัน มีออร่าที่สามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่ง

นี่คือเพลงดาบความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังของบาหลีหั่น–ดาบแสงจันทร์เยือกแข็ง!

ในอดีตเมื่อเขาแสดงทักษะเพลงดาบนี้ออกมาเพื่อสังหารดราโกเนี่ยนในระดับราชันนั้น ทั่วทั้งร่างกายได้ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง ดราโกเนี่ยนระดับราชันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นศีรษะก็แยกออกจากบ่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายไปอย่างไร

ว่ากันว่าเมื่อฝึกฝนทักษะเพลงดาบนี้จนถึงในระดับหนึ่งนั้น ดาบที่ฟันออกไปอย่างรวดเร็ว ผ่าปลากลายเป็นสองท่อน ทว่าปลาก็ยังคงแหวกว่ายอยู่ในน้ำได้ เพราะว่าความเร็วของมันนั้นรวดเร็วเกินไป ปลาจึงไม่ได้รู้ตัวว่าตนเองได้ตายไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าทักษะเพลงดาบของบาหลีหั่นนั้นอยู่ในระดับไหน ถือว่าเป็นยอดนักดาบของยุคสมัยนี้ก็ว่าได้

ทักษะหมัดเกลียวทมิฬ!

ทันใดนั้นเมื่อแสงดาบมาที่ถึงร่างกาย เซี่ยปิงก็เคลื่อนไหวออกมา เขาก้าวเท้าออกไปเพียงหนึ่งก้าว ทันใดนั้นก็ได้ประเคนหมัดออกไป อากาศเหมือนกับเปลี่ยนกลายเป็นหลุมวนที่ไร้ที่สิ้นสุด

ภายใต้หลุมวนนี้ ไม่ว่ารังสีใดก็จะถูกดูดกลืนเข้าไป สร้างพลังการกลืนกินที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมา

อะไรกัน?!

บาหลีหั่นสะดุ้งตกใจ เพราะเขารู้สึกว่าได้ดาบพลังฉีแสงจันทร์ของเขาที่สามารถตัดผ่านทุกสิ่งนั้น ในช่วงเวลานี้มันกลับถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมวนนี้ ไม่ว่าจะแหลมคมแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีออกไปจากหลุมดำนี้ได้

แม้แต่ดวงจันทร์ทั้งดวงก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีได้ จะต้องกลืนกินเข้าไปและบีบอัด ดูดซับเข้าไปอย่างหมดจด

“ท่าไม่ดีแล้ว!”

ในเวลาเดียวกันบาหลีหั่นก็รู้สึกได้ว่าหมัดนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พลังกลืนกินเท่านั้น ทว่ายังมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอยู่เช่นกัน ทั่วทั้งอากาศเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นมหาสมุทร ก่อตัวกลายเป็นระรอกคลื่นและกวาดออกไปทีละชั้นๆ เกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง พุ่งเข้าไปสู่ร่างกายของเขา