“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

บาหลีหู่ตะโกนเสียงดังออกมา เขาไม่ได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาเป็นระยะเวลานาน เขาไม่สามารถที่จะเอาชนะยอดฝีมือในระดับจักรพรรดิได้ ส่วนยอดฝีมือในระดับเดียวกันนั้นก็ไม่ใช่คู่มือของเขา ซึ่งนี่ส่งผลให้เขานั้นรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว ไร้คู่ต่อสู้

ไม่คาดคิดว่าตอนนี้จะมาเผชิญหน้ากับเซี่ยปิง ต่อสู้กับเขาได้อย่างสูสี เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ นี่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบอดใจไม่ไหว เป็นเหมือนกับการที่มีเนื้อพายตกลงมาจากท้องฟ้าก็ว่าได้

เพ่ง เพ่ง เพ่ง!!!

การต่อสู้ของทั้งสองคนเริ่มที่จะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งห้องโถงแตกกระเจิง ทุกๆที่ต่างก็มีแต่ความยุ่งเหยิง

ทหารชนเผ่าบาหลีที่อยู่รอบๆต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้การต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ เพราะว่าทุกครั้งที่ทั้งสองปะทะกันมันจะเกิดคลื่นอากาศที่เพียงพอจะทำให้ยอดฝีมือในระดับราชันบาดเจ็บได้

ก่อนหน้านี้มีทหารที่คิดจะเข้าไปใกล้ ท้ายที่สุดก็ถูกกวาดออกมาโดยคลื่นกระแทก กระเด็นปลิวออกไปไกลหลายกิโลเมตร ท้ายที่สุดก็พุ่งอัดเข้ากับบ้านที่อยู่ข้างนอกเมืองร้อยลี้ บาดเจ็บสาหัส อย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลาสามเดือนในการฟื้นฟูร่างกายกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“บัดซบ เหนือธรรมชาติเกินไป”

“อันที่จริงเจ้าเซี่ยนี่มีภูมิหลังเป็นอย่างไรกัน ไม่คาดคิดว่าจะมีพลังอำนาจที่สามารถต่อกรกับผู้ปกครองเมืองได้?!”

“ไม่ใช่แค่ต่อกร แต่กลับกดขี่ผู้ปกครองเมืองอยู่เช่นกัน ไม่เห็นหรือว่าชายคนนี้มีท่าทางที่ไร้กังวลอย่างมาก?”

“เป็นปีศาจอย่างแท้จริง ไม่ประหลาดใจว่าทำไมดราโกเนี่ยนระดับราชันสามคนถึงถูกสังหารไป พลังอำนาจเช่นนี้ใครจะสามารถต่อกรด้วยได้”

“หากไม่ได้ยืนยันว่าเขาเป็นมนุษย์ล่ะก็ ข้าก็คงจะคิดว่าเขาเป็นมังกรที่จุติลงมายังทวีปแห่งนี้ ภายในร่างกายมีอสูรดุร้ายอาศัยอยู่อย่างแน่นอน พลังอำนาจและสมรรถภาพทางกายของเขานั้นน่าอัศจรรย์เกินไป”

“เห็นรูปลักษณ์ของพ่อหนุ่มที่ไม่มีพิษมีภัยของเขา ไม่คาดคิดว่าจะมีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แอบแฝงอยู่ในร่างกาย”

กลุ่มของทหารชนเผ่าบาหลีที่หวาดกลัวอย่างมาก การต่อสู้เช่นนี้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาจริงๆ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างราชันในระดับสูงสุด เป็นสิ่งที่หาชมได้ยากมาก

ตึบ!

เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งสุดท้าย เป็นเหมือนกับการปะทุของภูเขาไฟ ระเบิดออกไปจนทำให้ที่พื้นดินกลายเป็นหลุมลึกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งกิโลเมตรทันที อากาศรอบๆปัดเป่าออกไป เซี่ยปิงและบาหลีหู่ทั้งสองได้แยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว

ทว่าในตอนนี้บาหลีหู่ไม่สามารถที่จะรับมือกับพลังทำลายล้างได้อีกต่อไป กระอักเลือดออกมาโดยตรง ร่างกายของเขาได้ล้มลงไปเช่นนี้ แขนทั้งหกก็ได้หายไป กลับมาสู่สภาพปกติธรรมดา

เขานอนนิ่งอยู่ที่พื้น หอบหายใจอย่างรุนแรง เหงื่อโชกทั่วทั้งตัว ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถที่จะปกปิดสีหน้าแห่งความสนุกสนานไปได้

“แข็งแกร่งจริงๆ สมกับที่เป็นผู้ปกครองเมืองร้อยลี้”

เซี่ยปิงยืนอยู่ที่พื้น กล่าวชื่นชมออกมา ทว่าในใจลึกๆเขาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เพราะว่าในขณะที่การต่อสู้หยุดลง เขากำลังรู้สึกว่าตนเองใกล้ที่จะพัฒนาเต็มที เลือดภายในร่างกายกำลังเดือดระอุ ขาดอีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะเลื่อนขั้นขึ้นไปได้ ทว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วบาหลีหู่ก็ไม่มีพลังอำนาจที่จะต่อสู้ได้อีก

“เจ้าคนโกหก”

บาหลีหู่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น ปากหอบหายใจอย่างรุนแรง พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “บอกข้ามาตามตรง เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้ใช้พลังอำนาจทั้งหมดของตนเองใช่หรือไม่?” สายตาของเขามองเซี่ยปิงอย่างล้ำลึก ยิ่งต่อสู้ เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวของเจ้าเด็กนี่ ช่างเป็นเหมือนกับท้องทะเล ไม่สามารถมองเห็นก้นลึกได้

เมื่อเขาเพิ่มพลังอำนาจของตนเอง ฝ่ายตรงข้ามก็จะเพิ่มพลังอำนาจของตนเองขึ้นมาเช่นกัน เหมือนกับว่ากำลังต่อสู้อยู่กับตนเอง เหมือนกับเป็นการชี้แนะจากยอดปรมาจารย์นักวิทยายุทธก็ว่าได้

ความแตกต่างที่ชัดเจนนี้ ทำให้เขารู้สึกหดหู่และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน โลกใบนี้ยังกว้างใหญ่มากนัก มียอดฝีมือมากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า ยังมีผู้ที่เก่งกาจกว่าเขาอีกมากมายภายในโลกนี้

อย่างไรก็ตาม เซี่ยปิงก็ยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรตอบ

“ลืมมันไปเถอะ เจ้าเล่ห์จริงๆ บาหลีชวงมานี่!”

บาหลีหู่ตะโกนเสียงดังออกไป

วิซ ภาพเงาที่สูงและดูแข็งแกร่งได้บินเข้ามาจากระยะที่ห่างออกไปอย่างกะทันหัน บินลงมาที่ข้างกายของบาหลีหู่ ร่างกายของเขานั้นใหญ่โตมาก เป็นเหมือนกับหมีทมิฬตัวใหญ่ ยืนอยู่บนพื้น รู้สึกเหมือนว่าท้องฟ้าถูกปกคลุม

“ท่านผู้ปกครองเมือง พ่ายแพ้ไปอย่างน่าอนาถจริงๆ”

ผู้บัญชาการบาหลีชวงมองบาหลีหู่ด้วยสายตาที่เยาะเย้ย

“อย่าพูดจาไร้สาระ ข้าต้องการพักผ่อน เจ้านำทางเจ้าเด็กนี่ไปที่ชีพจรมังกรเพื่อทำการบ่มเพาะ มีเพียงแค่นี้แหละ” หลังจากที่พูดคำเหล่านี้ บาหลีหู่ก็ไม่สามารถที่จะยื้อสติของตนเองไว้ได้อีก เขาได้หมดสติไปทันที ฟู้ ฟู้ หลับไปอย่างกะทันหัน

“เจ้าหนู ตามข้ามา”

บาหลีชวงพูดกับเซี่ยปิง

“แล้วเขาล่ะ?” เซี่ยปิงชี้ไปที่ผู้ปกครองเมืองบาหลีหู่

บาหลีชวงกวักมือ “ไม่ต้องเป็นห่วงเขา เดี๋ยวก็จะมีทหารที่เข้ามายกเขาออกไปเพื่อทำการรักษา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เพียงแค่ใช้พลังอำนาจของร่างกายไปมากเกินไป ด้วยสมรรถภาพทางกายของเขานั้น อาการบาดเจ็บเพียงแค่นี้ไม่ใช่สิ่งที่ร้ายแรงอะไร สามารถที่จะฟื้นฟูได้ภายในหนึ่งคืน”

เซี่ยปิงก็แอบชื่นชมในใจ มนุษย์ของทวีปเทพเจ้ามังกรนั้นช่างมีสมรรถภาพทางกายที่น่าอัศจรรย์จริงๆ แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ของโลกแห่งเมฆาเสียอีก

จากนั้นภายใต้การนำทางของบาหลีชวง ทั้งสองคนก็ได้เดินผ่านบ้านของผู้ปกครองเมืองไปและมาถึงที่ภูเขาซึ่งอยู่ข้างหลังบ้านของผู้ปกครองเมือง ซึ่งยิ่งเข้าไปข้างในมากแค่ไหน ก็ยิ่งมีการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น มีค่ายกลยับยังอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

จากนั้นพวกเขาได้เข้าไปในถ้ำซึ่งอยู่ข้างหลังภูเขา เดินเข้าไปโดยตรงตามอุโมงค์ของถ้ำและลงลึกไปด้านล่างสุด

ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดด้านล่าง

เมื่อมาถึง เซี่ยปิงก็ค้นพบว่าตนเองเหมือนกับมาถึงโลกที่มีถ้ำแห่งเซียน

“อุดมไปด้วยพลังฉีของธรรมชาติจริงๆ”

เมื่อเซี่ยปิงมาถึงพื้นที่ใต้ดินแห่งนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าทั่วทั้งพื้นที่ใต้ดินมีพลังฉีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าหุบเขาหยานหวงในนิกายฟ้าดินเสียอีก

เพราะว่ามีความเกี่ยวข้องกับการที่พลังฉีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะก่อตัวกลายเป็นแม่น้ำ เต็มไปด้วยแสงหลากสี การหายใจเข้าเพียงเล็กน้อย ก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ยืดอายุขัยออกไป

“ร้ายกาจ!”

เซี่ยปิงตกตะลึง นี่คือการที่พลังฉีของธรรมชาติอุดมสมบูรณ์จนเปลี่ยนกลายเป็นรูปของเหลว อีกทั้งยังก่อตัวกลายเป็นแม่น้ำ ภาพที่เห็นนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ช่างเป็นเหมือนกับดินแดนแห่งสวรรค์

ทว่ามันก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นกระแสของน้ำวิญญาณ เหมือนกับว่ามีภาพเงาของมังกรปรากฏขึ้นมา มีพลังงานที่ไม่สามารถคาดฝันได้ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต

“ที่นี่คือชีพจรมังกรหรือ?!”

เซี่ยปิงตระหนักได้อย่างกะทันหัน

“ใช่ ที่นี่คือชีพจรมังกร เป็นสถานที่หวงห้ามที่สำคัญที่สุดของเมืองร้อยลี้ ที่นี่เป็นศูนย์กลางที่ชีพจรพลังฉีนับไม่ถ้วนของโลกมาบรรจบกัน”

บาหลีชวงยิ้มออกมาเล็กน้อย “นอกจากนี้ มันก็แตกต่างจากชีพจรพลังฉีอื่นๆ เพราะมันยังมีพลังฉีมังกรที่มหาศาลเช่นกัน มีผลประโยชน์สำหรับการบ่มเพาะของนักวิทยายุทธเป็นอย่างมาก สามารถที่จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว”

“เดิมทีสถานที่แห่งนี้จะเปิดให้กับวีรบุรุษที่ทำคุณงามความดีให้กับเมืองแห่งนี้ ผู้คนปกติธรรมดาไม่สามารถที่จะเข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นหากยอดฝีมือจำนวนมากเข้ามาบ่มเพาะและดูดกลืนพลังฉีของที่นี่ มันจะส่งผลให้ชีพจรมังกรเสียหาย”

“ในเมื่อสามารถที่จะสังหารดราโกเนี่ยนระดับราชันสามคน อีกทั้งยังเอาชนะบาหลีหั่นและบาหลีหู่ผู้ปกครองเมืองได้นั้น แน่นอนว่าเจ้าจะมีสิทธิ์ในการเข้ามาบ่มเพาะในชีพจรมังกรแห่งนี้ได้”

เซี่ยปิงพยักหน้า เขาก็รู้สึกได้ถึงผลประโยชน์ในการบ่มเพาะภายในชีพจรมังกรแห่งนี้เช่นกัน เชื่อว่าหากบ่มเพาะในสถานที่แห่งนี้เป็นระยะเวลาหลายวัน จากนั้นเขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นไปในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงได้อย่างราบลื่น

“เอาล่ะ จะปล่อยให้เจ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นการชั่วคราว เจ้าสามารถที่จะบ่มเพาะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้เป็นระยะเวลาเจ็ดวัน หลังจากเจ็ดวันนี้จะต้องออกมา”

บาหลีชวงพูดออกมา “ที่นี่คือพื้นที่เขตหวงห้าม จะมีค่ายกลยับยั้งอยู่ บุคคลภายนอกไม่สามารถที่จะเข้ามาได้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามารบกวนการบ่มเพาะของเจ้า”

“เข้าใจแล้ว”

เซี่ยปิงพยักหน้า

หลังจากที่พูดจบ บาหลีชวงก็ได้หันหลังและเดินจากไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรไร้สาระ

“เอาล่ะ เริ่มทำการบ่มเพาะ อันดับแรกจะต้องเลื่อนขั้นไปในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงให้ได้”

เซี่ยปิงได้เลือกก้อนหินขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง จากนั้นก็ได้นั่งขัดสมาธิบนก้อนหินก้อนนั้น