ตอนที่ 10 ประสาคนหนุ่มสาว

บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]

ตอนที่ 10 ประสาคนหนุ่มสาว

เสียงผลักเปิดประตูนั้นดังและดูหยาบคาย

ทุกคนในห้องส่วนตัวต่างขมวดคิ้ว ที่นี่คือภัตตาคารรวมเซียน …ภัตตาคารอันดับหนึ่งในเมืองกว่างหลิง!

ใครกันที่กล้าบุกเข้ามาโดยไม่พูดจาปราศรัยอันใดเช่นนี้?

ช่างอุกอาจนัก!

ด้วยจิตใต้สำนึก ดวงตาของทุกคนจึงมองไปทางนั้น

เมื่อพวกเขาเห็นรูปลักษณ์ของคนที่เข้ามา สีหน้าของทุกคนรวมถึงเหวินหลิงเสวี่ยและเนี่ยเถิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

เจ้าคนนี้มันมาที่นี่ได้อย่างไร?

“หลิงเสวี่ยฉลองวันเกิดตัวเองที่นี่ทั้งที แม้จะไม่ได้รับเชิญ ข้าก็อยากมา ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าทำให้พวกเจ้ากลัวหรือไม่?”

คนที่เข้ามาเป็นบุรุษหนุ่มในเสื้อคลุมรูปแบบจีนโบราณ ปล่อยผมยาวตรง ใบหน้าหล่อเหลา ทว่ามีกลิ่นฉุนของสุราอบอวลทั่วร่าง และมีรอยยิ้มหยาบโลนประดับบนหน้า

หวงเฉียนจวิน!

ทายาทสายตรงแห่งตระกูลหวง หนึ่งในสามตระกูลหลักของเมืองกว่างหลิง บิดาของเขาคือผู้นำตระกูลหวงคนปัจจุบัน… นามหวงอวิ๋นชง!

หวงเฉียนจวินมีอุปนิสัยเย่อหยิ่ง มุทะลุและก้าวร้าว แม้จะอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่วีรกรรมชั่วช้าของคนผู้นี้กลับมีมากมาย เรียกได้ว่าคนคนนี้ทำหลายสิ่งที่ชวนให้ผู้คนจำนวนมากขุ่นเคืองและอาฆาตแค้น!!

แต่ถึงจะเป็นกระนั้น เพราะได้รับความคุ้มครองจากบิดาตน เขาจึงยังสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายดี ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เจ้าตัวหยิ่งผยองพองขนมากกว่าเดิม!

เมื่อบรรดาผู้คนในห้องรู้ว่าผู้ที่มาใหม่คือหวงเฉียนจวิน เด็กสาวในห้องที่กำลังโกรธเคืองอยู่ก็พากันเงียบ ความตื่นตระหนกปรากฏชัดบนใบหน้างดงามของพวกนาง

แน่นอนว่าพวกนางเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องขึ้นชื่อของชายผู้นี้

แม้แต่เหวินหลิงเสวี่ยและเนี่ยเถิงก็ขมวดคิ้วดูเคร่งเครียดไม่น้อย

ในสายตาของลูกหลานตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา หวงเฉียนจวินเป็นคนใจโฉด โหดเหี้ยมไร้ยางอาย และไม่มีผู้ใดอยากอยู่กับเขา แต่ก็ขับไล่ไปไม่ได้เช่นกัน!

บรรยากาศในห้องส่วนตัวเริ่มอึมครึมในทันที

มีเพียงซูอี้เท่านั้นที่ยังคงเฉยเมย เขาไม่รู้จักหวงเฉียนจวิน แต่ก็เห็นได้ว่าเหวินหลิงเสวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังตึงเครียดและกระสับกระส่าย

“วันเกิดของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ขอเชิญเจ้าออกไปตอนนี้เสียดีกว่า!” เหวินหลิงเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าของนางขณะนี้เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทั้งยังไม่ได้ปิดบังท่าทีการปฏิเสธและความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าหวงเฉียนจวินไม่ได้สนใจเลย เขามองนางด้วยกิริยาต่ำตม และพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “หึหึ สมกับเป็นน้องสาวของเหวินหลิงเจา มีเพียงสาวงามชั้นหนึ่งเช่นนี้เท่านั้นที่จะคู่ควรกับข้า”

“เจ้า…” ใบหน้างามของเหวินหลิงเสวี่ยแดงก่ำ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยโทสะ

“พวกเจ้าดูสิ สาวงามก็คือสาวงาม แม้ในยามโกรธก็ยังดูสวยไร้ที่ติ ไหนพวกเจ้าลองออกความเห็นที หากข้าแต่งนางเข้าบ้านได้ ท่านพ่อจะต้องพอใจมากแน่ใช่หรือไม่?” หวงเฉียนจวินหัวเราะอย่างหยาบโลน

ด้านหลังของเขา มีผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งติดตามมาด้วยรอยยิ้มหยิ่งผยอง

เหล่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ต่างดูหวาดกลัว พวกนางมองไปยังเนี่ยเถิงโดยจิตใต้สำนึก และฝากความหวังไว้ที่ทายาทผู้บัญชาการกองทหารองค์รักษ์จวนเจ้าเมือง

เนี่ยเถิงสูดหายใจเข้าลึก สำนึกว่าตนเองจำเป็นต้องยืนขึ้นในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่อาจเชิดหน้าขึ้นอีกได้ในอนาคต

“สหายหวง ที่นี่คือภัตตาคารรวมเซียน กรุณามีสัมมาคารวะด้วย มันมิใช่เรื่องเหมาะควรที่ใครจะมาทำลายความสงบ!” เนี่ยเถิงกัดฟันแสร้งทำเป็นสงบ

ใบหน้าที่ยังคงยิ้มอยู่ของหวงเฉียนจวินพลันหุบลง ดวงตาของเขากลับกลายเป็นเกรี้ยวกราด “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาสอนข้า?”

ใบหน้าของเนี่ยเถิงดูไม่ได้ขึ้นมาทันที หน้าของเขาถอดสีดูซีดไปถนัดตา

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ซูอี้ตระหนักว่าแม้แต่เนี่ยเถิงก็เกรงกลัวชายหนุ่มผู้โอหังคนนี้

“นายน้อย นี่คือบุตรชายของเนี่ยเป๋ยหู่ ผู้บัญชาการกองทหารองค์รักษ์จวนเจ้าเมือง ท่านผู้นำตระกูลกับเนี่ยเป๋ยหู่นั้นนับได้ว่าเป็นมิตรต่อกัน”

ผู้คุ้มกันยิ้มและพูดเตือน “แต่อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วว่าท่านตัดสินใจจะทำอะไร”

หวงเฉียนจวินพูดในทันที ‘โอ้~’

พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เขากล่าวว่า “เนี่ยเถิงสินะ? ข้าจะให้โอกาสเจ้ารีบไปให้พ้นสายตาข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจที่จะกระทืบและโยนเจ้าออกไปถนนนอกภัตตาคารรวมเซียนเหมือนซากสุนัขตาย!”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่วาจากลับแข็งกระด้างและเต็มไปด้วยความหยาบช้าอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ถึงตอนนั้น ข้าเกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองกว่างหลิง เจ้าจะต้องขายหน้าจนไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้อีก!”

ร่างของเนี่ยเถิงแข็งทื่อ มือของเขากำแน่นจนนิ้วมือเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เส้นเลือดดำที่หลังมือของเด็กหนุ่มแทบปริออก เช่นเดียวกับโทสะอันยากอธิบายที่มีเต็มอกของเขา

เมื่อเห็นดังนี้ เด็กสาวที่อยู่โดยรอบก็พากันหน้าซีด พวกนางรู้สึกตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก

ในห้องส่วนตัวแห่งนี้ ทั้งในแง่สถานะและตัวตน ไม่มีใครเทียบได้กับเนี่ยเถิงแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีประโยชน์อันใดเลย แล้วจะไม่ให้คนอื่นรู้สึกร้อนรนได้อย่างไร?

ครั้งนี้เหวินหลิงเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “หวงเฉียนจวิน เจ้าคิดทำอะไรกันแน่?”

หวงเฉียนจวินตบมือและหัวเราะ จดจ้องเหวินหลิงเสวี่ยด้วยแววตาเร่าร้อน แล้วพูดว่า “เป็นคำถามที่ดี! เช่นนั้นข้าจะบอกให้ อีกไม่นานข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปบ้านตระกูลเหวินเพื่อสู่ขอเจ้าแต่งงาน หลังจากนั้นเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน!”

ผู้คุ้มกันข้าง ๆ พากันโห่ร้อง

“นายน้อยช่างตาถึงจริง ๆ!”

“พวกเรา! ในอนาคตแม่นางผู้นี้จะมาเป็นนายหญิงของเรา!”

“เช่นนั้นเราขอแสดงความยินดีกับนายน้อยล่วงหน้าด้วย ฮ่าฮ่า”

เหวินหลิงเสวี่ยรู้สึกอับอายและโมโหมาก ดวงตากลมโตของนางเบิกกว้าง จึงกัดฟันกรอดแล้วพูด “น่าขำ ข้าเหวินหลิงเสวี่ยจะไม่มีวันแต่งงานกับคนสามานย์อย่างเจ้า!”

ซูอี้ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ ความเย็นเยียบส่องประกายอยู่ในดวงตาที่เคยเฉยเมยของเขา

ชายหนุ่มยืนเงียบอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาสงบนิ่ง

หากเป็นในเก้ามหาแดนดิน คนที่คุ้นเคยกับซูเสวียนจวินจะรู้ดีว่ายิ่งแววตาของซูเสวียนจวินสงบเท่าใด นั่นย่อมหมายถึงความตายที่กำลังมาเยือน!

“วาจาคงไม่อาจกล่าวตรง ๆ ได้ ทว่าเหวินหลิงเจาผู้เป็นพี่สาวเจ้าเป็นคนสูงส่งเพียงไร แต่สุดท้ายกลับต้องแต่งงานกับเศษเดนอย่างเจ้านั่นไม่ใช่หรือ?”

เมื่อหวงเฉียนจวินกล่าวในตอนท้าย เขาพลันยกมือขึ้นและชี้ไปที่ซูอี้ ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม “ถึงข้าจะเป็นคนโอหัง แต่ข้าก็รู้ว่าการแต่งงานของตระกูลนั้นไม่ได้ขึ้นกับคนรุ่นลูกอย่างเจ้ากับข้า!”

หลังจากหยุดพูด เขาก็หัวเราะอีกครั้ง น้ำเสียงฟังดูเย่อหยิ่งลำพองใจยิ่งนัก “เหวินหลิงเสวี่ย ข้าแนะนำให้เจ้าเตรียมใจไว้ ภายในเดือนนี้ ตระกูลหวงของข้าจะทำให้ตระกูลเหวินรับปากว่าจะให้เจ้าแต่งออกเรือนกับข้าแน่!”

ทันใดนั้นดวงหน้างดงามของเหวินหลิงเสวี่ยพลันซีดเผือดไป และร่างเพรียวงามของนางก็สั่นเล็กน้อย

คำพูดของหวงเฉียนจวินทำร้ายจิตใจนาง!

ตอนนั้น พี่สาวของนางขัดขืนงานแต่งครั้งนั้นเท่าใด แม้แต่พ่อแม่ของนางก็คัดค้านอย่างรุนแรงด้วย แต่สุดท้ายพี่สาวนางกลับไม่อาจขัดความประสงค์ของแม่เฒ่าใหญ่ได้ และสุดท้ายก็ต้องแต่งกับพี่เขยของนาง!

ข้อเท็จจริงนี้ทำให้เหวินหลิงเสวี่ยกังวลว่าตระกูลเหวินจะปฏิบัตินางแบบนั้นหรือไม่ หากว่าหวงเฉียนจวินมาสู่ขอตนจริง ๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ริมฝีปากของเหวินหลิงเสวี่ยก็แทบจะปริแตกจากการกัดริมฝีปากแน่น ใจของนางรู้สึกร้อนรน ดวงตาของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก นางจะต้องแต่งกับคนโฉดชั่วผู้นี้จริงหรือ?

ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็สู้เชือดคอตัวเองตายจะดีกว่า!

“ไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนั้นจะไม่มีทางเกิดกับเจ้า”

ฝ่ามืออุ่น ๆ ทาบลงบนไหล่ของเหวินหลิงเสวี่ย ทำให้เจ้าตัวเบนสายตาไปเห็นใบหน้าอันสงบและนิ่งเฉยของซูอี้

“ท่านพี่เขย…” เหวินหลิงเสวี่ยที่กำลังใจเสียดูเหมือนจะพบที่พึ่งพิงเข้าแล้ว ในใจนางถูกเติมด้วยความรู้สึกอบอุ่นอันยากจะอธิบาย และน้ำเสียงของนางก็สะอึกสะอื้นอยู่เบา ๆ

“งานเลี้ยงนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ให้ข้าพาเจ้ากลับบ้านดีหรือไม่?” ซูอี้กล่าวเบา ๆ

“อื้ม!” เหวินหลิงเสวี่ยพยักหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว แต่ก็แสดงความกังวลทันที “ต…แต่ท่านพี่เขย… พวกเขา…”

“วางใจเถอะ ให้ข้าจัดการเอง” ซูอี้ตบบ่านางพร้อมน้ำเสียงอันอ่อนโยน

ขณะที่พูดคำดังกล่าว เขาชำเลืองไปยังเนี่ยเถิงและเด็กสาวคนอื่นก่อนพูด “พวกเจ้าประสงค์จะกลับด้วยหรือไม่?”

เนี่ยเถิงและคนอื่น ๆ ล้วนตกใจ พากันตกตะลึงกับคำพูดของชายหนุ่ม

…นี่ซูอี้บ้าไปแล้วหรือ!!?

ไม่เห็นหรือว่าหวงเฉียนจวินกับผู้คุ้มกันของเขายังคงขวางหน้าประตูอยู่?

ผู้ใดจะจินตนาการได้ว่าบุตรเขยผู้สูญเสียรากฐานการบ่มเพาะ และถูกทุกคนในเมืองกว่างหลิงเยาะเย้ยจะกล้าพูดเช่นนี้ออกมา!?

“เจ้าว่าอย่างไรนะ? พาพวกนี้ไปจากที่นี่งั้นรึ?”

ขณะนี้ หวงเฉียนจวินแคะหูตัวเองและหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “ซูอี้ ข้าไม่นึกจริง ๆ ว่าเศษเดนอย่างเจ้าจะกล้าพูดเรื่องที่บ้าบิ่นกว่าข้าเสียอีก ฮ่าฮ่า ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าใครสอนให้เจ้ากล้าดีเช่นนี้?”

เหล่าผู้คุ้มกันหัวเราะตาม ราวกับกำลังได้ยินเรื่องชวนหัวที่สุดในโลก

“ซูอี้ เจ้าอย่ารนหาที่เลยเข้าใจไหม!!”

เนี่ยเถิงรู้สึกหัวเสียเล็กน้อย ใบหน้าของเขาหม่นหมองและซีดเผือด ปากเอ่ยคำต่อคำออกมาว่า “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าแค่อยู่เฉย ๆ ก็พอ! หากเจ้าสร้างปัญหาเพิ่มก็อย่าหาว่าข้าไม่มีน้ำใจ!”

คำพูดประโยคนี้ดูมีมโนธรรมและทรงอำนาจนัก จนเหล่าเด็กสาวในห้องนั้นอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ และพากันรู้สึกว่าเนี่ยเถิงช่างสมกับเป็นชายชาตรียิ่งนัก!

เทียบกับการแสดงออกครั้งก่อนหน้าของซูอี้… นั่นมันกลับดูน่าขยะแขยงจริง ๆ!

ชายไร้ประโยชน์ผู้นี้คิดจะพาพวกเขาออกไปด้วยตัวเองงั้นหรือ?

ช่างน่าหัวร่อ!

“ในฐานะเป็นหนุ่มวัยแรกรุ่น เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่เจ้าควรมีจิตใจกล้าหาญเช่นนี้ ครั้งนี้เจ้าทำให้ข้าประทับใจไม่เบาเลย” ซูอี้ปรายตามองเนี่ยเถิงและพยักหน้า

เนี่ยเถิงตะลึงงัน น้ำเสียงของชายคนนี้คืออะไร… ทำไมเขาชมข้าอย่างกับเขาเป็นตาแก่เสียอย่างงั้น…

แต่ก่อนที่เขาจะได้สติ หวงเฉียนจวินที่ยืนอยู่หน้าประตูก็พลันหมดความอดทนและโบกมือ

“พวกเจ้าทุกคนไปเอาตัวไอ้ขยะนั่นมาให้ข้า! แก้ผ้าของมันออก แล้วจับมันไปขึงไว้ที่ประตูเมือง ข้าจะให้คนทั้งเมืองเห็นสภาพอัปลักษณ์ของมัน!”

“รับบัญชานายน้อย!” ผู้คุ้มกันที่ไม่อาจรอคอยนานได้พลันพุ่งออกไปเป็นคนแรก

“ไอ้หนู พวกข้ามาเล่นกับเจ้าแล้ว!”

ผู้คุ้มกันคนนั้นดูแข็งแกร่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สีหน้าเหี้ยมเกรียมของเขาทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหวาดเกรงอย่างมาก เช่นเดียวกับใบหน้าของเด็กสาวรอบ ๆ ที่ซีดเผือด เพราะรูปลักษณ์น่าหวาดหวั่นนั่นทำให้พวกนางขวัญเสีย!

หยางเชิ่ง! ผู้คุ้มกันฝีมือดีของหวงเฉียนจวินที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตโคจรโลหิตขั้นสอง คนผู้นี้มีเนื้อหนังที่แกร่งราวกับโลหะ กำลังวังชาดุจกระทิง และช่ำชองทักษะ ‘ฝ่ามือบดศิลา’

การฉีกเอ็นหักกระดูกเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ที่ผ่านมาศัตรูของชายผู้นี้ …หากไม่ตายก็คางเหลือง!

ขณะที่กำลังพูด เขาก็ได้ซัดฝ่ามือใส่ซูอี้อย่างรุนแรงเต็มกำลัง

“ท่านพี่เขยหลบเร็ว!” เหวินหลิงเสวี่ยกรีดร้อง ใบหน้างามซีดเผือด และด้วยระยะของนาง ทุกอย่างก็ดูจะสายเกินหยุดเสียแล้ว

“อย่าได้ตื่นตกใจไป ภายใต้ขอบเขตโคจรโลหิตไม่มีใครทำร้ายพี่เขยของเจ้าได้หรอก” ในน้ำเสียงเฉยชานั้น เห็นได้ว่าร่างผอมสูงของซูอี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!

เขากระโจนไปข้างหน้าราวนกเหยี่ยวที่กำลังขย้ำกระต่าย ด้วยมือข้างเดียวนั่น ชายหนุ่มคว้าข้อมือบริเวณจุดชีพจรของหยางเชิ่งด้วยความแม่นยำ และซูอี้ก็พลันออกแรงสะบัดมือหนึ่งครั้งอย่างหนักหน่วง

ร่างกำยำของหยางเชิ่งถูกทุ่มลงที่พื้นอย่างแรง อวัยวะภายในของเขาบาดเจ็บสาหัสจากแรงสั่นสะเทือนโดย ‘แรงสะบัด’ ที่ว่า!

เขารู้สึกว่าภายในร่างตัวเองสั่นจนเหมือนจะสลายไป!

นี่เป็นวิธีการใช้ออกด้วยพลังอันยอดเยี่ยม

หากซูอี้ต้องการ เขาสามารถสังหารศัตรูได้โดยการโคจรพลังของตนเองผ่านจุดชีพจรของศัตรูเพื่อสร้างคลื่นสั่นพ้อง ซึ่งทำให้ทั้งเลือดเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในทั้งหมดของอีกฝ่ายถูกเขย่าอย่างรุนแรงจนแหลกสลายได้!

บัดนี้แม้หยางเชิ่งจะไม่ได้ตายคาที่ แต่อวัยวะภายในของเขาเสียหายหนักมาก!!

พริบตาต่อมา ซูอี้ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เขาเตะร่างอีกฝ่ายออกไป

ตูม!

ในสายตาที่รู้สึกเหลือเชื่อของทุกคน ร่างของหยางเชิ่งลอยคว้างและกระแทกเข้ากับผนังด้านข้างของห้องส่วนตัวอย่างแรง

เขาสั่นกระตุกอย่างรุนแรง และมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด!

ภาพตรงหน้าทำให้ผู้เห็นเหตุการณ์ทุกคนต่างตกตะลึงตาค้างจนลืมหายใจกันเลยทีเดียว!!!