บทที่ 456 ลงมือ

บทที่ 456 ลงมือ

เซียวเฟิงมาถึงเมืองหลักที่ตั้งของแคมป์กิลด์กางเขนเหล็ก ณ ปัจจุบันนี้ มันได้ยกระดับเป็นเมืองหลักระดับ 3 ที่ตระหง่านอยู่บนที่ราบกว้างไปเรียบร้อยแล้ว…

ด้วยกำแพงที่สูงใหญ่ ภายในนั้นมีผู้เล่นมากมายนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่!

เสี่ยวเสวียบินพาดผ่านเหนือน่านฟ้าด้วยปีกคู่ใหญ่สีขาวที่โบกโบย ร่างที่สง่างามทะยานเหนือบานประตูเมืองเพื่อให้เซียวเฟิงสามารถมองลงมายังเบื้องล่างได้ แล้วจึงพบว่าภายใต้กำแพงใหญ่ที่บดบังทัศนียภาพภายในนี้ ผู้คนในเมืองต่างกำลังวุ่นวายกันอยู่ พวกเขากำลังเดินทัพกันไปอย่างอลหม่านเพื่อป้องกันส่วนสำคัญต่าง ๆ ของเมืองราวกับกำลังจะเจอศึกหนัก

[ประกาศจากเมืองหลัก : ผู้ที่อยู่ด้านบนนั้นคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์งั้นเหรอ? ผมในฐานะตัวแทนของกิลด์กางเขนเหล็ก อยากจะแสดงการต้อนรับท่านเข้ามาสู่เมืองของพวกเรา! เช่นนั้นแล้วได้โปรดตอบรับคำเชิญเราและเข้ามาเยี่ยมชมเมืองของพวกเราด้วย! – ชินห่าว]

เสียงประกาศดังกังวาลไปทั่วน่านฟ้าเมืองหลังจากที่เซียวเฟิงเพิ่งจะบินเข้ามาได้เพียง 10 วินาทีเท่านั้น ดูเหมือนว่าเจ้าของสถานที่อย่างกิลด์กางเขนเหล็กจะพบตัวเขาแล้วสิ…

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงก็ไม่ได้อยากจะปิดบังตัวตนของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อครั้งที่เขาอยู่เมืองซีฉู เขาก็เดินเล่นไปทั่วตลาดภายในเมืองด้วยเกราะมังกรบนตัว รูปลักษณ์ที่น่าเกรงขามและทรงพลังของเกราะมังกรเคยถูกเปิดเผยสู่สายตาสาธารณชนไปแล้วครั้งหนึ่งโดยซือเยี่ยจิ๋ง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร

เช่นนั้นแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเหมือนกันหากจะมีคนรู้ถึงตัวตนของเซียวเฟิงเพียงแค่ได้เห็นชุดที่ใส่ อีกทั้งการที่เขามุ่งหน้าตรงมายังเมืองแบบนี้ หากกิลด์กางเขนเหล็กจะมีสายข่าวมาบอกก่อนก็คงจะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

[ประกาศจากเมืองหลัก : ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ผมคิดว่าพวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดระหว่างกันนิดหน่อย พวกเรากิลด์กางเขนเหล็กคาดหวังจากใจจริงว่าสงครามครั้งนี้จะกลายเป็นเพียงการพูดคุย ดังนั้นขอเชิญท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ลงมานั่งภายในปราสาทเจ้าเมืองกันก่อนเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกัน – ชินห่าว]

เมื่อเห็นว่าประกาศแรกไม่ได้ผล เซียวเฟิงยังคงบินอยู่เหนือประตูเมืองดังเดิมโดยไม่ตอบสนองใด ๆ เสียงประกาศรอบที่สองจึงดังขึ้นตามกันมา

เซียวเฟิงก็ยังคงไม่ตอบอะไรอยู่ดี ตอนนี้เขากำลังเปิดดูฟังก์ชั่นของเมืองแห่งความโศกเศร้า และพยายามหาหัวข้อการประกาศสงคราม แต่เพราะเมืองแห่งความโศกเศร้าถือเป็นกองกำลังฝ่ายผู้เล่น ไม่ใช่กิลด์ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ว่าเมืองนี้จะไม่มีฟังก์ชั่นประกาศสงครามถูกติดตั้งเอาไว้ เช่นนั้นแล้วเขาก็จะไม่สามารถประกาศสงครามอย่าง กิลด์วอร์ ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าชายหนุ่มจะหมดหนทางเสียทีเดียว หากเขาไม่สามารถทำได้จริง ๆ ก็จะติดต่อไปหาหลิวเฉียงเหว่ย และให้เธอใช้มิดซัมเมอร์กิลด์ประกาศสงครามแทน

การแก้แค้นของเซียวเฟิงนั้นไม่ได้เป็นอะไรง่าย ๆ อย่างการที่จะฆ่าคนจำนวนมากแล้วสบายใจ นั่นไม่ใช่นิสัยของชายหนุ่มเลย สิ่งที่เขาจะทำนั้นก็คือการทำให้กิลด์กางเขนเหล็กหายสาปสูญไปเลยต่างหาก!

ตราบใดก็ตามที่เขาตัดสินใจจะทำลายแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เซียวเฟิงก็จะทำให้ได้โดยไม่สนใจว่าจะต้องทุ่มเทหนักขนาดไหนก็ตาม!

กิลด์กางเขนเหล็กนี้ไม่เหมือนกับกิลด์ดูมส์เดย์ลีก รายนั้นสั่งโจมตีเซียวเฟิงอยู่หลายต่อหลายครั้งตั้งแต่เกมเปิดใหม่ ๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ยอมให้เซียวเฟิงมาทำลายและเลือกที่จะลาจากไปเอง

ในขณะที่กิลด์กางเขนเหล็กกลับกล้าที่จะลงมือใส่เซียวหลิง!

เช่นนั้นแล้วมันจึงไม่ต่างกับเหยียบหัวเซียวเฟิงโดยตรงนัก และจุดจบของเรื่องนี้จึงไม่พ้นการล่มสลายที่จะตามมาอย่างแน่นอน!

เสียงประกาศรอบล่าสุดนี้ ดูท่าว่าชินห่าวเองก็จะเข้าใจแล้วว่าจุดประสงค์ของการที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาอยู่ที่นี่คืออะไร ยังไงเสียหลิวเฉียงเหว่ยก็เคยย้ำเตือนเขาเรื่องนี้เอาไว้ ดังนั้น…เขาจึงเตรียมตัวมาก่อนหน้าแล้วนิดหน่อย นอกจากกลุ่มผู้เล่นระดับสูงที่ไปประจำการอยู่บริเวณประตูทางเข้าหลักของเมืองแล้ว การที่พวกเขาใช้การประกาศเมืองคอยพูดเพื่อให้เกิดการประนีประนอมตลอดด้วย

แต่แล้วหลังจากการนั่งหาฟังก์ชั่นภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเซียวเฟิงก็ค้นเจอฟังก์ชั่นที่เขาต้องการ ฮีลเลอร์หนุ่มแสยะยิ้ม จากนั้นเสียงประกาศจากระบบก็ดังกังวานไปทั่วฟากฟ้าเมือง

[ประกาศจากระบบ! เมืองแห่งความโศกเศร้าได้ทำการประกาศสงครามกับกิลด์กางเขนเหล็กแล้ว! สงครามมีระยะเวลา 12 ชั่วโมง! ภายใน 12 ชั่วโมงนี้ หากกิลด์กางเขนเหล็กสามารถรักษาฐานที่ตั้งกิลด์เอาไว้ได้ จะถือว่าเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าหากถูกทำลายจนหมด จะถือว่าเป็นผู้แพ้! หลังจากสงครามจบลง ผู้พ่ายแพ้จะถูกลงโทษจากระบบโดยการลดเลเวลของกิลด์ลงมา 1 เลเวล และถ้าฝ่ายที่แพ้มีเลเวลต่ำกว่าเลเวล 1 กิลด์หรือกองกำลังนั้นจะถูกยุบ! ผู้ชนะจะได้รับรางวัลจากระบบรวมถึงได้รับค่าประสบการณ์จากฝ่ายที่ถูกลดเลเวล! ระหว่างที่สงครามดำเนินอยู่ ค่าความเกลียดชังจะไม่เพิ่มขึ้นแม้จะผู้เล่นจะสังหารผู้เล่นด้วยกันเอง!]

เมืองแห่งความโศกเศร้าถือเป็นกองกำลังฝ่ายผู้เล่น ดังนั้นมันจึงมีเลเวลเหมือนกับที่กิลด์ทั่วไปมี เลเวลของเมืองแห่งความโศกเศร้าในตอนนี้คือ 21 ซึ่งตรงตามข้อกำหนดของการเป็นเมืองหลักระดับ 2 ดังนั้นเมืองนี้จึงถือว่าเป็นเมืองหลักระดับ 2 ไปโดยปริยาย

ก่อนที่เซียวเฟิงจะหายตัวไป เหล่ากิลด์ภายในเขตฮัวเซียต่างก็ประกอบไปด้วยกิลด์ที่มาหลากหลายเลเวล และตอนนั้นต่อให้เป็นกิลด์ที่มีเลเวลสูงสุดแล้ว อย่างไดนัสตี้และมิดซัมเมอร์ พวกเขาก็ยังมีเลเวลเพียง 7 และ 8 ตามลำดับเท่านั้น ซึ่งมีค่าพอที่จะจัดตั้งเป็นหมู่บ้านและเมืองได้อย่างเดียว การที่จะพัฒนาตัวเองเป็นเมืองหลักได้ พวกเขาต้องมีเลเวล 10 เป็นอย่างต่ำถึงจะเป็นเมืองหลักระดับ 3 ได้

การกลับมาของเซียวเฟิงในครั้งนี้ มันทำให้เขาได้เห็นการเติบใหญ่ของทุกคนภายในเกมเป็นอย่างมาก เหล่ากิลด์ชั้นนำทั้งหลายนั้น ตอนนี้ต่างก็เลเวลสูงกว่า 10 กันหมดแล้ว นั่นหมายถึงพวกเขาทั้งหมดมีเมืองหลักของตนเอง ซึ่งท่ามกลางกิลด์เหล่านี้ ไดนัสตี้ก็ยังคงเป็นผู้นำได้โดยมีเลเวลสูงถึง 15 เป็นเมืองหลักระดับ 3 ที่เข้าใกล้การเป็นเมืองหลักระดับ 2 มากที่สุด

เมื่อตอนที่เซียวเฟิงกลายเป็นเจ้าเมืองของเมืองแห่งความโศกเศร้า เมืองนี้ก็มีเลเวล 21 อยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่เขารู้มาคือ กองกำลังฝ่ายผู้เล่นจะไม่สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ตัวเองได้จากการสร้างหรือทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับตัวเมืองเหมือนกับแคมป์กิลด์

เขาคิดว่าเลเวล 21 ของเมืองนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอีกตลอดไปจนกระทั่งได้ยินประกาศจากระบบเมื่อครู่นี้ มันทำให้เซียวเฟิงตระหนักได้ว่า เมืองแห่งความโศกเศร้ายังมีหนทางที่จะเพิ่มเลเวล และแม้ว่ามันจะเป็นหนทางที่ดูจะเลวร้ายไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก!

สงคราม!

เซียวเฟิงเชื่อมั่นว่าภายในโลกแห่งเกมนี้ มีผู้เล่นมากมายต่างแสวงหาขุมพลังที่ยิ่งใหญ่เพื่อปลดเปลื้องตนเองและเข้าสู่การเป็นที่หนึ่ง ซึ่งมันจะต้องไม่ได้มีเพียงแค่เซียวเฟิงแน่นอน ผู้เล่นแต่ละคนย่อมมีวิธีการไต่เต้าของตนเอง ซึ่งตลอดเวลาที่เกมอัปเดตมาถึงตอนนี้ ตัวเกมก็ได้เสนอวิธีให้เห็นมากมาย ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยหากผู้เล่นที่ทะเยอทะยานเหล่านั้นจะอยู่เฉย ๆ ภายใต้โลกอันสงบสุขแล้วจะได้มาซึ่งความยิ่งใหญ่

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูแล้วเหมือนฮัวเซียสงบสุขก็จริง แต่เพราะหัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่ทั้งหลายภายในเขตฮัวเซียต่างก็ยังคงเสียหายหนักกันอยู่จนไม่สามารถต่อสู้กันต่อได้ เพราะงั้นพวกเขาจึงทำเหมือนกับมันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ และอยู่กันเงียบ ๆ เพื่อรักษาบาดแผลให้เร็วที่สุด

มีความเป็นไปได้ว่า เมื่อไหร่ที่พลังของพวกเขาฟื้นกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้น การมีอยู่ของผู้ปกครองเดิมอาจจะกลายเป็นเรื่องไม่น่าอภิรมย์ จากนั้นการต่อสู้เพื่อช่วงชิงอำนาจก็จะเริ่มต้นขึ้น หรือบางทีก็อาจจะเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งทรัพยากร หรือที่น่าจะมีโอกาสเกิดได้ง่ายที่สุดก็เพื่อเติบใหญ่ ไม่ว่าเหตุผลของการต่อสู้จะเป็นอะไร หากมันเกิดขึ้นจริง ความสงบสุขภายในเขตฮัวเซียได้ทลายลงแน่

[ประกาศจากเมือง : เจ้าแห่งฮีลเลอร์! มันเป็นเพราะกิลด์กางเขนเหล็กของพวกเราเองที่พลาดพลั้งไปทำให้น้องสาวของท่านต้องบาดเจ็บก่อน! เพราะงั้น ผม…ชินห่าว จะยอมรับการลงโทษแต่โดยดีหากผมทำผิดพลาดไปจริง ๆ! และผมหวังว่ามันจะช่วยทำให้ท่านใจเย็นลงบ้าง ดังนั้นช่วยรอที่หน้าประตูเมืองด้วยเถอะ! พวกเราจะเปิดประตูเมืองให้ แล้วเชิญเจ้าแห่งฮีลเลอร์เข้ามาทำลายโถงหลักของพวกเราได้เลย โดยที่พวกเรา กางเขนเหล็ก จะไม่ตอบโต้ใด ๆ ทั้งนั้น! – ชินห่าว]

ที่ด้านนอกเมือง กลุ่มของผู้เล่นหลาย ๆ คนเริ่มจะมารวมตัวกันแล้ว ดูจากชื่อกิลด์ที่อยู่บนหัวแต่ละคนก็พอจะเข้าใจได้ว่าพวกเขามาจากกิลด์ใหญ่ ๆ ภายในเขตฮัวเซีย ซึ่งแต่ละกิลด์เองก็ล้วนแต่เป็นที่รู้จักของผู้เล่นกันอยู่แล้ว เช่นนั้นแล้วแสดงว่าข่าวเรื่องนี้ถึงหูทุกคนในฮัวเซียแล้วแน่นอน ไม่มีกิลด์ไหนที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องปัญหาระหว่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์กับกิลด์ผู้ปกครองแห่งทิศตะวันตกนี้ได้ พลันเมื่อข่าวถึงหูพวกเขา คนเหล่านี้ก็พากันมุ่งหน้ามาทันที พวกเขาอยากจะรู้ให้ได้ก่อนใครว่าเกิดอะไรขึ้น อนึ่งช่วงนี้พวกเขาก็กำลังเบื่อ ๆ กับเรื่องสงบสุขในชีวิตประจำวันพอดี

ขณะเดียวกันนั้นเอง กล้องวีดีโอมากมายก็ปรากฏขึ้นตามจุดต่าง ๆ เหล่านักข่าวมากมายที่รับรู้ได้ถึงข่าวใหญ่เริ่มเข้ามาถ่ายทอดสดสถานการณ์กันแล้ว และด้วยการตั้งกระทู้ที่ล่อแขกบ้านแขกเมือง ทำให้ผู้เล่นชาวฮัวเซียมากมายนับไม่ถ้วนต่างอยู่ไม่สุขกันอีกครั้ง

หลังจากที่เซียวเฟิงประกาศสงคราม ภายในเมืองก็เงียบสงัดไปได้ราว ๆ 3 นาทีก่อนที่ประกาศสุดท้ายจะดังออกมาจากเมือง ผู้เล่นมากมาย ณ ที่แห่งนี้ผู้ที่ซึ่งรู้จักกับ ชินห่าว หัวหน้ากิลด์กางเขนเหล็กอยู่แล้ว เริ่มสังเกตุเห็นว่าเจ้าตัวกำลังยืนอยู่ที่เหนือกำแพงเมืองบริเวณประตูเมืองหลัก ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้น แม้จะรับรู้ถึงเรื่องการประกาศสงครามนั้นแล้ว ก็ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น

ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้ กิลด์มิดซัมเมอร์เคยประกาศสงครามกับกิลด์กางเขนเหล็กผู้ยิ่งใหญ่นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง มีคนในมากมายรู้ถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะกิลด์ระดับสูงที่ได้ส่งคนของตนไปสอดแนมในกิลด์กางเขนเหล็กอยู่แล้ว คำพูดของหัวหน้ากิดล์มิดซัมเมอร์อย่างหลิวเฉียงเหว่ยที่เคยพูดไว้นั้น ณ ตอนนี้มันกำลังสะท้อนอยู่ในหูผู้รับรู้เหตุการณ์ทุกคน…

เขาจะกลับมา…และจัดการทุกอย่างด้วยตัวเขาเองเมื่อเวลานั้นมาถึง!

“ดูท่ากิลด์กางเขนเหล็กจะดวงซวยแล้วสิ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งไปมีเรื่องกับมิดซัมเมอร์ ตอนนี้ยังต้องมาเจอกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์อีก”

“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ ทั้ง ๆ ที่คิดว่ากางเขนเหล็กน่าจะแพ้ตั้งแต่สงครามรอบก่อนแล้วแท้ ๆ หากมิดซัมเมอร์ยังประกาศสงครามเรื่อย ๆ แบบนั้น แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้น่ะปล่อยให้กางเขนเหล็กเป็นปัญหาที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ต้องจัดการเอาก็แล้วกัน”

“เป็นเจ้าแห่งฟากตะวันตกดี ๆ ไม่ชอบ ดันไปหาเรื่องกับผู้เล่นสาว ๆ แถมยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ด้วย เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยแท้ ๆ สมควรแล้วล่ะ เอาเลยเจ้าแห่งฮีลเลอร์! เตะเจ้านั่นเลย! เอาให้ตายชักไปเลย!”

“ชินห่าวเองก็เลือกแบบนี้สินะ เลือกทำในสิ่งที่ฉลาด ไม่เลือกที่จะต่อต้านและเปิดประตูให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เข้าไปทำลายโถงกลางแทนเพื่อระบายความโกรธของเขา”

“นี่น่าจะเป็นวิธีการที่ฉลาดที่สุดแล้ว ปล่อยให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ระบายอารมณ์ไป ยังไงก็ดีกว่ายื้อเขาไว้ ไม่งั้นล่ะก็ หากเขาโกรธมากกว่าเดิม มันคงยากที่จะรับมือล่ะนะ”

“เดี๋ยวก่อนนะ ฉันได้ยินถูกหรือเปล่า? เจ้าแห่งฮีลเลอร์ประกาศสงครามกับกางเขนเหล็กในนามของเมืองแห่งความโศกเศร้าเหรอ? ทำไมกันน่ะ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์กับเมืองนี้มันมีอะไรเกี่ยวข้องกันน่ะ?”

“ไอ้โง่เอ้ย! นี่แกเป็นผู้เล่นเขตฮัวเซียจริงหรือเปล่าเนี่ย? ไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือไง? เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะ เป็นเจ้าของเมืองแห่งความโศกเศร้าเฟ้ย! แล้วก็เป็นคนแรกที่สามารถครอบครองเมืองหลักในเขตฮัวเซียด้วย!”

“พระเจ้า!”

“ฉันไม่คิดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะสู้ได้นะ อีกฝ่ายน่ะแข็งแกร่งเกินไป พวกนายเยินยอเขามากไปแล้ว กิลด์กางเขนเหล็กเป็นผู้ปกครองฟากใต้ที่มีสมาชิกร่วมสิบล้านคนเลยนะ ไม่ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะแข็งแกร่งขนาดไหน ยังไงเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนสิบล้านคนหรอก! แล้วถ้าเขาจะฆ่าทุกคนให้หมดเมือง มีหวังเขาได้เหนื่อยตายก่อนพอดี!”

“นี่นายกำลังตั้งแง่กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ? นายพลังต่อสู้เท่าไหร่กันน่ะ?”

“น่าจะมากกว่า 5,800 ติดในอันดับห้าล้านของเขตฮัวเซีย มีปัญหาอะไรหรือไง?”

“ถ้างั้นฉันว่านายควรจะเปิดดูอันดับรวมเซิร์ฟเวอร์บ้างนะ อันดับที่ 2 เป็นของเทพเจ้าสายฟ้า เขามีพลังประมาณ 130,000 แต้ม คนคนนั้นสามารถถล่มกิลด์ในเขตยุโรปทุกกิลด์ได้ด้วยตัวคนเดียว ในขณะที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นอันดับ 1 ของโลกใบนี้ พลังของเขาสูงกว่า 270,000 แต้มอีกนะโว้ย! แบบนี้แล้ว นายยังไม่คิดว่าเขาทรงพลังอีกเหรอ?”

“บ้าน่า!? นั่นมันพลังบ้าอะไรกันเนี่ย!? น่ากลัวเกินไปแล้ว!!”

“ก็แหงอยู่แล้ว ไม่งั้นพวกเขาจะกล้าเรียกเจ้าแห่งฮีลเลอร์กันว่าพระเจ้าเหรอ? ตอนนี้น่ะ ทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์มีพระเจ้าอยู่สองคน มีผู้เล่นแค่สองคนเท่านั้นที่มีพลังต่อสู้สูงกว่า 100,000 แต้ม นั่นคือ เจ้าแห่งฮีลเลอร์และเทพเจ้าสายฟ้า! แล้วเมื่อตอนอีเวนต์ชิงชัย เจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ซัดเทพเจ้าสายฟ้าจนอ่วมเลย เขาแทบจะแขวนเทพเจ้าสายฟ้าไว้แล้วซัดเอา ๆ อยู่ฝ่ายเดียวเลยด้วย แล้วไหนจะมีพลังรบที่สูงกว่าอีกฝ่ายถึงเท่าตัว แบบนี้แล้วนายยังคิดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์สู้ไม่ได้อยู่หรือเปล่า?”

“เอ่อ…”

ทางด้านเซียวเฟิงเองเขาก็เห็นชินห่าวอยู่บนกำแพงเมืองเช่นกัน แล้วเขาก็เห็นว่าประตูเมืองนั้นถูกเปิดไว้ตามที่ชินห่าวว่าไว้ ด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยการเหยียดหยามของอีกฝ่าย เซียวเฟิงลูบหัวเสี่ยวเสวียที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าเบา ๆ เพื่อให้บินผ่านโถงหลักของเมืองไป จากนั้นชายหนุ่มก็โบกคทาในมือ

แก๊ง!

เสียงระฆังแห่งสวรรค์ดังสนั่นไปทั่วน่านฟ้า จากนั้นที่กลางอากาศก็บังเกิดรอยแตกขนาดใหญ่ รอยแตกนั้นปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ให้สาดส่องลงมาบนพื้นโลก ไม่นานนักหอกศักดิ์สิทธิ์เล่มมหึมาที่อาบไปด้วยผิวสีทองก็พุ่งออกมาตามแสงนำทาง ด้วยพลังที่พร้อมทำลายนภาและโลกาไปพร้อม ๆ กัน มันปักเข้าที่กลางโถงหลักของเมืองเต็ม ๆ!

ตู้มมมมมมมมมม!!!