บทที่ 526 ความโกรธ

บทที่ 526 ความโกรธ

หลังจากที่การรักษาจบสิ้นลงและได้รับการยืนยันแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็ดึงพลังจิตวิญญาณกลับมาด้วยึความมั่นใจ

“ภรรยาของผม…เป็นยังไงบ้างครับ?”

ตอนนี้จินเสี่ยวผล็อยหลับไปแล้ว

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เซลล์มะเร็งส่วนมากถูกกำจัดออกไปแล้ว พรุ่งนี้ผมจะกลับมาอีกทีถ้ามีเวลา”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวอย่างใจเย็น

“จริงเหรอครับ?”

ดวงตาของจางต้าหยงเบิกกว้างเมื่อได้ยินดังนั้น

“ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็ลองไปเอ็กซเรย์ดูได้เลย”

อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากพูดอะไรเยอะ เขาแค่ทำไปเพื่อถวนถวนเท่านั้น

“คุณ…ไม่ต้องการเงินเหรอ?”

จางต้าหยงได้สติกลับมาแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายเดินไปถึงประตูห้องแล้ว

“ฮ่า ๆ! ไม่ต้องหรอก”

หลังจากที่หัวเราะเบา ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป

ประตูห้องพักปิดลงและผู้คนข้างนอกก็หันมามองเขาทันที

แต่เขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย

“คุณอาจินหายป่วยแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

เขาเดินเข้าไปคุยกับลูกสาว

แต่ในตอนนั้นเอง รองผู้อำนวยการหลี่ก็พาคนเข้ามาขวางเขาไว้

“เฮอะ หลอกเอาเงินเสร็จแล้วก็จะไปงั้นเหรอ? อะไรกัน! กล้ามาต้มตุ๋นกันถึงในโรงพยาบาลของเราเลยเหรอ?”

อารมณ์เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เรื่องนี้จะทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลเสื่อมเสียอย่างหนัก!

“ผมหลอกลวงเรื่องอะไร?”

อวี้ฮ่าวหรานงงเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกเมื่อครู่นี้มากนัก

“ทำมาเป็นพูด! ฮึ่ม อย่าพยายามหนีเลย ตำรวจกำลังมาแล้ว รอไปจบชีวิตที่สถานกักกันได้เลย!”

รองผู้อำนวยการหลี่กล่าวอย่างโหดร้าย

ตราบใดที่ยังไม่เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นในปีนี้ เขาก็จะได้โอกาสหลุดพ้นจากตำแหน่งรองเสียที แต่ชายตรงหน้ากำลังสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับเขา!

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาก็ไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายไปมากกว่านี้

“หลบไป!”

เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้ผู้คนตรงหน้าต้องหวาดผวา

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นบนทางเดิน!

“ฮ่า ๆ รองผู้อำนวยการหลี่ คุณพูดถึงใครเหรอครับ?”

คำกล่าวทักทายดังขึ้นและดึงดูดความสนใจของทุกคนไปทันที

ตำรวจราว 7-8 คนเดินเข้ามา

“ผู้กองลัว! มาได้ทันเวลาพอดีเลย!”

รองผู้อำนวยการรู้จักกับหัวหน้าและเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น

“นั่นเขาเหรอ?”

ชายที่ถูกเรียกว่าผู้กองลัวกล่าวขณะที่หันไปมองอวี้ฮ่าวหรานที่กำลังจะจากไปและขวางเขาไว้

“คนนั้นแหละ! ไอ้มิจฉาชีพนี่! แม้แต่คนป่วยใกล้ตายมันก็ไม่เว้น”

รองหัวหน้าหลี่พูดเสียงดังลั่น

เมื่อผู้ป่วยรอบ ๆ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็อดเข้ามามุงดูไม่ได้

เมื่อเห็นดังนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็รู้ตัวทันทีว่าเขาไม่สามารถเดินไปไหนได้แล้วจึงหยุดลงในที่สุด

ผู้กองลัวดูน่าหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นและโบกมือ

“ฮึ ไอ้หนุ่ม! แกกล้าดียังไงถึงมาโกงเงินแบบนี้? ยังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานยังคงนิ่งสนิท

“คุณมีหลักฐานไหม? มากล่าวหากันแบบนี้ผมฟ้องคุณด้วยข้อหาหมิ่นประมาทได้นะครับรู้ใช่ไหม?”

หลังจากที่กลับมายังโลกมนุษย์ได้เป็นเวลามากกว่าครึ่งปี ในที่สุดเขาก็เข้าใจกฎแห่งเกมในโลกนี้

“แก! เอาล่ะ! ยังจะดื้อด้านอีกใช่ไหม?”

ดวงตาของผู้กองลัวหรี่ลงเล็กน้อยและมีความโกรธเกรี้ยวฉายออกมาจากดวงตา

“ฮะฮะ ผมเป็นพยานได้! แล้วก็คุณหมอเจียงด้วย พวกเขาเป็นพยานได้หมดทั้งนั้น!”

รองผู้อำนวยการหลี่หัวเราะเยาะเสียงดังลั่น

“คุณผู้หญิงข้างในเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ถึงจะมีเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดก็ช่วยเธอไม่ได้ แต่เขาบอกว่าเขารักษาได้ แล้วเขายังไล่พวกเราออกมาและคุยกับครอบครัวของผู้ป่วยคนเดียวด้วย เขาต้องชดใช้”

เขาเล่าสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเสริมเข้าไป

“ถ้าคุณบอกว่านี่ไม่ใช่มิจฉาชีพแล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ?”

ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้ยินดังนั้นก็หันไปมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยความรังเกียจ

“มิจฉาชีพคนนี้อวดดีขนาดนี้เลยเหรอ? กล้าทำไปได้ยังไง?”

“รักษามะเร็งระยะสุดท้ายงั้นเหรอ? กล้าหลอกกันถึงขนาดนั้นเชียว?”

“ผู้ชายคนนี้ขยันหาเงินจริง ๆ! แต่เขาไม่มีจิตสำนึกเลยสักนิด!”

“…”

เสียงของทุกคนเริ่มดังระงมขึ้นทันที

ถวนถวนร้องไห้อย่างเป็นกังวล…

“ฮือ ๆ คุณพ่อหนูไม่ใช่มิจฉาชีพ…พวกคุณนั่นแหละ…”

ผู้กองลัวยืนหัวเราะเยาะอยู่ข้าง ๆ เขา

“ฮะ ๆ จะพูดอะไรได้อีกล่ะ? มากับเราเดี๋ยวนี้!”

หัวใจของอวี้ฮ่าวหรานรู้สึกเย็นเยียบทันที!

ลูกสาวของเขากำลังร้องไห้!

จิตสังหารไร้ที่สิ้นสุดค่อย ๆ พลุ่งพล่านออกมา!

ในอดีตที่ดินแดนเทพเจ้าเคยมีใครกล้าพูดขัดเขากลางคันไหม?

ตอนนี้เขาใจดีพอที่จะช่วยเหลือผู้คนแต่กลับถูกปฏิบัติเช่นนี้เสียอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนอื่น แต่ใส่ใจความรู้สึกของถวนถวนต่างหาก!

จิตสังหารปรากฏขึ้นและพวกเขากำลังจะถูกกลืนกิน!

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังจะต้องตาย!

ทว่าในตอนนั้นเอง ประตูห้องพักก็เปิดออกในทันใด

“พวกคุณ…อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ… เขาช่วยชีวิตฉันไว้”

ร่างผอมบางเดินออกมา เป็นจินเสี่ยวที่หมดสติไปเมื่อครู่นี้นั่นเอง

“ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดี ตอนนี้มันไม่เจ็บอีกแล้ว และก้อนเนื้อใต้ผิวหนังของฉันก็หายไปด้วย”

เมื่อเห็นว่าผู้มีพระคุณของตัวเองถูกล้อมเอาไว้ เธอก็อดกระวนกระวายไม่ได้

แต่ดวงตาของจางต้าหยงนั้นโกรธเคืองยิ่งกว่า!

ในที่สุดภรรยาของเขาก็ถูกช่วยชีวิต คนพวกนี้ตาบอดหรือไง?

“ทุกคนถอยไปให้หมด! ผู้มีพระคุณคนนี้ไม่ได้เรียกเงินจากผมแม้แต่นิดเดียว เขาจะเป็นมิจฉาชีพได้ยังไงกัน? แล้วเขาก็รักษาโรคของภรรยาผมได้จริง ๆ ด้วย!”

เมื่อเขาพูดจบทุกคนต่างก็ตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น?

“เอ่อ…เป็นไปไม่ได้ โรคที่โรงพยาบาลของเรารักษาไม่ได้จะหายได้ยังไง? เขาหลอกคุณชัด ๆ”

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสับสนเล็กน้อย

“ฮึ! แค่คุณรักษาไม่ได้แปลว่าคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้รักษาเหรอ? จะปล่อยให้ภรรยาของผมนอนรอความตายเหรอ? โรงพยาบาลของคุณเอาแต่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เมื่อได้ยินดังนั้นจางต้าหยงก็อยากจะตรงเข้าไปตบเขาสักฉาด!

ชายคนนี้กล้าสบประมาทผู้มีพระคุณของเขา! อยากให้ภรรยาของเขาตายหรือไงกัน?

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน

“โรงพยาบาลนี้โหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าคนอื่นสามารถรักษาได้ก็โทรเรียกตำรวจมาจับเลยเหรอ?”

“น่าเกลียดเกินไปแล้ว ถ้าการรักษาล่าช้าออกไปจะทำยังไงล่ะ?”

“ตัวผู้ป่วยเองก็ออกมาบอกว่าหายแล้ว ฉันจะรอดูว่ารองผู้อำนวยการจะทำยังไง”

ทุกคนหันไปมองรองผู้อำนวยการด้วยความเหยียดหยามอยู่ครู่หนึ่ง

“ผม…ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”

รองผู้อำนวยการหลี่ตกตะลึงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่คาดคิดว่าก่อนว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายผิด

“มันก็แค่… ใช่แล้ว!”

หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็นึกบางสิ่งขึ้นได้

“ไม่ว่าอาการป่วยจะดีขึ้นจริงหรือไม่คุณก็บอกไม่ได้หรอกครับ เขาแค่ใช้จิตวิทยาหลอกคุณ เรายืนยันเรื่องนี้ได้ด้วยการเอ็กซเรย์เท่านั้น”

ผู้กองลัวรู้สึกอับอายเล็กน้อยและรีบกล่าวเสริมทันที

“ใช่! เรื่องแบบนี้จะขึ้นอยู่กับความรู้สึกได้ยังไง? มะเร็งระยะสุดท้ายหายกันง่าย ๆ ซะที่ไหนล่ะ?”

อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองคนเหล่านั้นแล้วมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย

“ได้เลยครับ ไปดูกันเลย”

ในเมื่อมีคนอยากจะทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้าอย่างสุดฝีมือ ทำไมเขาจะต้องสุภาพด้วยล่ะ?

ในไม่ช้าทุกคนก็เดินเข้าไปในห้องเอ็กซเรย์…