บทที่ 224 เล่ห์ร้าย เตรียมการไว้แล้ว

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 224 เล่ห์ร้าย เตรียมการไว้แล้ว
“มันได้ผลแล้ว แต่ข้าใช้เข็มทิ่มแล้ว แม่ของเจ้ายังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง” นั่นแสดงว่ายาชายังไม่ได้ผลมากเท่าไหร่
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเรียบร้อย
นิสัยเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เมื่อก่อนเวลาเห็นเฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนชุดผ่าตัดต่อหน้าเขาแล้วเก็บผมขึ้นไป ใส่หน้ากาก เขามักจะเขินเล็กน้อย แต่ตอนนี้ซุนซือสิงเฉยชาแล้ว
“หากเป็นเช่นนี้ เราเข้าไปด้วยแล้วพูดไปด้วยแล้วกัน ข้าจะได้อธิบายโรคที่คล้ายคลึงกันให้เจ้าฟัง
แม่ของเจ้าป่วยด้วยโรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ถุงน้ำดีอยู่หลังตับใต้ซี่โครงขวา ซึ่งเรียกว่าถุงน้ำดี ลักษณะคล้ายลูกแพร์ ”
เฟิ่งชิงเฉินชี้ให้เห็นตำแหน่งของถุงน้ำดีบนร่างกายของซุนซือสิง และซุนซือสิงก็เคยชินแล้วเช่นกัน
“อาการของโรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่ประกอบด้วยอาการปวดที่ท้องด้านขวาบน คลื่นไส้ อาเจียนและมีไข้ และผู้ป่วยบางรายก็มีตาขาวและผิวหนังเป็นสีเหลืองเล็กน้อย
ส่วนตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน โรคลำไส้เล็กส่วนต้นและโรคแผลในกระเพาะ ล้วนเป็นโรคทั่วไปในช่องท้อง อาการจะคล้ายคลึงกันมาก และตำแหน่งที่มีอาการก็คล้ายคลึงกัน ในกระบวนการวินิจฉัยนั้น เจ้าต้องวินิจฉัยให้ถูกต้องก่อน จึงจะตัดสินใจเปิดช่องท้องได้
เจ้าต้องรู้ว่าหากวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยผิด มีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ป่วยจะเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ในระหว่างการผ่าตัดหากเราพบปัญหาอื่นๆ ที่เราไม่ได้วินิจฉัยพบ ห้ามปิดบังเด็ดขาด เราจะต้องแจ้งให้ครอบครัวผู้ป่วยทราบ และจะต้องรักษาจัดการอาการป่วยให้เสร็จในครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดครั้งที่สอง ”
การผ่าตัดมีความเสี่ยง หากเป็นปัญหาที่สามารถแก้ได้ในครั้งเดียว เฟิ่งชิงเฉินไม่ชอบทำสองครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงเดินเข้าห้องผ่าตัด เฟิ่งชิงเฉินปรับความสูงของเตียงผ่าตัดและซุนซือสิงยืนมองดูเตียงผ่าตัดวางราบกับพื้น
“อาจารย์?” ซุนซือสิงไม่เข้าใจ อาจารย์บอกว่าความสูงของเตียงผ่าตัดมีมาตรฐานที่ชัดเจนมิใช่หรือ? ความสูงนี้เหมาะกับสรีระของร่างกายเราที่สุด หากว่าลดความสูงลงจะทำให้การผ่าตัดยากขึ้นมิใช่หรือ
“ทำไมหรือ? เจ้าอยากให้คนข้างนอกเห็นร่างกายของแม่เจ้า เห็นแม่เจ้าถูกข้าเปิดช่องท้องหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินถาม
“แน่นอนว่าไม่อยาก” เมื่อซุนซือสิงนึกถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางแย่มาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยตระหนักในเรื่องนี้เลย
“ในเมื่อไม่อยากก็ทำตามที่ข้ากล่าว ซือสิง ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าว่าความสูงของเตียงผ่าตัดนั้นสำคัญมาก เตียงผ่าตัดมาตรฐานสามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้มากมาย
ตอนนี้ข้าจะสอนเจ้าอีกอย่าง นั่นก็คือสำหรับหมอแล้ว ไม่ว่าที่ไหนล้วนเป็นเตียงผ่าตัดทั้งนั้น เพียงแค่คนไข้ต้องการ แม้ว่านอนอยู่บนพื้นเจ้าก็ต้องทำการผ่าตัดให้ผู้ป่วยให้เสร็จ
วันนี้ข้าจะบอกวิธียืนหน้าเตียงผ่าตัดหรือนั่งยองกับพื้น สิ่งที่หมอทำล้วนเหมือนกันทั้งหมด เจ้าห้ามล้มลงหากสิ่งที่เจ้าทำอยู่ยังไม่เรียบร้อย แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอดทน” ในเวลานี้เฟิ่งชิงเฉินเข้มงวดและสงบอย่างมาก มีความน่าเกรงขามที่ทำให้คนเชื่อถือปรากฏ
นี่คืออำนาจของผู้มีอำนาจ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะตั้งใจฝึก” ซุนซือสิงได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของเฟิ่งชิงเฉิน เขาตั้งตัวตรงราวกับนักเรียนตัวน้อย
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ซุนซือสิงกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และฉลาด เหมือนกับหยกที่ยังไม่ได้แกะสลัก ตราบใดที่นางแกะสลักออกมาอย่างดี เขาจะต้องกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศอย่างแน่นอน และจะสำเร็จมากกว่านางอย่างแน่นอน
เพราะซุนซือสิงเป็นคนที่ทุ่มเทกับการแพทย์อย่างแท้จริง ไม่เหมือนนาง ครูที่สอนนางกล่าวว่านางมีพรสวรรค์ในการศึกษาแพทย์ แต่นางเป็นคนที่คิดมาก ฉะนั้นนางจึงไม่สามารถที่จะจะมุ่งความสนใจไปที่การเรียนแพทย์ทั้งหมด
นางสามารถกลายเป็นหมอที่ดีได้ แต่ไม่ใช่ผู้มีอำนาจ!
อาจารย์กล่าวถูกต้อง หากไม่มีกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะ อยู่ที่นี่นางคงไม่สามารถเป็นหมอที่เก่งได้ในระยะเวลาอันสั้น…
เฟิ่งชิงเฉินคำนวณเวลา และคาดว่าคนที่อยู่ด้านนอกคงกังวลอย่างมากแล้ว ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นดึงม่านออก นางเห็นเสด็จอาเก้าและคนอื่นๆ นั่งอยู่ตรงนั้นพอดี
ในมือตี๋ตงหมิงมีแก้วน้ำอยู่ และแก้วก็ดูเหมือนจะเป็นแก้วในห้องนาง ตี๋ตงหมิงคิดว่าที่เป็นจวนของตนจริงๆ ไม่ใช่แค่ตามสบายธรรมดา โชคดีที่ในห้องนางไม่มีของพิเศษอะไร
ส่วนเสด็จอาเก้าและคนอื่นๆ สามารถเห็นซุนซือสิงและเฟิ่งชิงเฉินที่สวมชุดแปลกประหลาดผ่านกระจก ส่วนซุนฮูหยินที่อยู่บนเตียงผ่าตัดนั้น?
เว้นแต่พวกเขาลุกขึ้นแล้วเดินมาข้างหน้าต่างจึงจะเห็น มิเช่นนั้นมองไม่เห็นหรอก และด้วยตำแหน่งฐานะของพวกเขา ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำเช่นนี้ เหยาหวาและซูหว่านอยากส่งนางกำนัลเข้าไปดู แต่เสด็จอาเก้านั้นน่าเกรงขามมากจนเกินไป ทำให้พวกนางทั้งสองไม่กล้าที่จะทำกระไรตามใจตน
เฟิ่งชิงเฉินหันกลับมา แล้วซ่อนรอยยิ้มอันเย็นชาเอาไว้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะรวบตัวคนทั้งห้าคนนี้ วันนี้ให้พวกเขาตากแดดให้พอ ดูสิว่าจะได้ผิวสีแทนหรือไม่
“อาจารย์ เรียบร้อยแล้ว” ซุนซือสิงพยักหน้าให้เฟิ่งชิงเฉินแสดงให้เฟิ่งชิงเฉินทราบว่าสามารถเริ่มการผ่าตัดได้แล้ว
“ซือสิง ดูให้ดี และในขณะเดียวกันจะต้องตั้งใจฟังสิ่งที่ข้ากล่าว ข้าต้องการเครื่องมือตัวไหน เจ้าจะต้องหยิบมาให้ไวที่สุด” เฟิ่งชิงเฉินไม่รีบเร่ง แต่หรี่ไฟในห้องลง . . .
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซุนซือสิงมาที่ห้องผ่าตัดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าทุกอย่างในห้องนี้ช่างน่ามหัศจรรย์อย่างมาก ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติสามารถนึกภาพขึ้นมาได้
“อาจารย์ ท่านเก่งมาก ท่านคิดค้นขึ้นมาได้อย่างไร?” เสาไฟเหล่านั้นเป็นหลอดใหญ่หุ้มหลอดเล็ก และมีรูเล็ก ๆ เต็มไปทั่ว ในรูมีไม้กั้นเล็กๆ หากเอาออกมาก็จะสามารถปรับความสูงต่ำได้
“ห้องผ่าตัดอื่นๆ กำลังจะสร้างเสร็จ หากเจ้าชอบ ข้าจะมอบให้เจ้าห้องหนึ่ง” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา
ทุกอย่างในห้องผ่าตัดนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันโดยนาง ไม่ได้ต้องการให้สวยงาม เน้นให้ใช้งานได้จริง
“ซือสิง เจ้าพร้อมหรือยัง?” เฟิ่งชิงเฉินนั่งลงและถามอย่างจริงจัง
“พร้อมแล้วขอรับอาจารย์” ซุนซือสิงยังคงประหม่าเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าให้เฟิ่งชิงเฉินเห็น
เฟิ่งชิงเฉินไม่บังคับเขา ท่าทีของซุนซือสิงดีกว่านางในตอนนั้นอย่างมาก “เช่นนั้น มาเริ่มกันเลย”
เฟิ่งชิงเฉินปลดกระดุมเสื้อของซุนฮูหยินแล้วหยิบมีดผ่าตัดออกมา
แม้ว่าซุนซือสิงจะเคยชินกับมัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินแทงคนที่มีชีวิต หลีกเหลี่ยงไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังมีชีวิตอยู่นี้เป็นแม่ของเขา เขาจะไม่กังวลได้อย่างไร วินาทีที่เฟิ่งชิงเฉินลงมีด เขาอยากจะหยุด แต่เขากลับตะลึงต่อแววตาที่สงบและเคร่งขรึมของเฟิ่งชิงเฉิน
ซุนซือสิงสามารถมองเห็นอวัยวะภายในผ่านทางแผลที่เปิดอยู่ เขาขาอ่อนอย่างมาก
เฟิ่งชิงเฉินเตรียมช่องท้องผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว นางเงยหน้าและกล่าวด้วยความดุดันว่า “ซุนสือสิง ตั้งสมาธิอย่างเหม่อลอย มีดผ่าเลขสาม”
“โอ้ ขอรับ” ซุนซือสิงรีบหยิบมีดจากถาดผ่าตัดแล้วส่งดานคมของมีดให้เฟิ่งชิงเฉิน สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเริ่มจริงจัง “ซุนซือสิง สติของเจ้าไปไหน? ความเป็นมืออาชีพของเจ้าไปไหน? แม้แต่มีดเจ้าก็ถือไม่เป็นแล้วหรือ? หากว่าเจ้าไม่สามารถตั้งสติได้ ก็ออกไปเดี๋ยวนี้”
เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยพูดกับซุนซือสิงด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดเช่นนี้มาก่อน ซุนซือสิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองเขาและหยุดพูด นางหยิบมีดผ่าตัดมาเอง แต่ไม่ได้รับมีดผ่าตัดของซุนซือสิง