“เขาเป็นคนต่างชาติ ไม่เข้าใจเรื่องพิธีแต่งงานพวกนี้หรอก ไปจ้างคนเขียนได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว ช่างเถอะ มา เรามาคล้องแขนดื่มเหล้ากันดีกว่า~”
อวี๋หมิงหลางเทเหล้าลงแก้ว คล้องแขนดื่มเหล้าพร้อมเธอ ภรรยาผมคือเสี่ยวเชี่ยน รักกันตลอดไป
พระจันทร์เต็มดวงสาดส่องแสงจันทร์ลงบนคู่รักที่โอบกอดกันหลังดื่มเหล้าเสร็จ ชุดแต่งงานถูกปลดออกทีละชิ้น แสงจันทร์สีทองส่องประกายงดงามยามค่ำคืน
พระจันทร์ดวงเดียวกัน แสงจันทร์สาดส่องลงบนสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากเสี่ยวเชี่ยนเป็นพันลี้ ที่ริมแม่น้ำ ชายชุดขาวยืนอย่างโดดเดี่ยว เงาของเขาสะท้อนลงบนผืนน้ำ
ในมือของเขามีขลุ่ยไผ่ เป่าเพลงดอกไม้สวยจันทร์เต็มดวง เดิมควรจะบรรเลงเพลงรักโบราณที่ใช้เวลาแต่งงาน หรืออาจเป็นเพราะคนเป่ามีเรื่องที่อยากพูดแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ ทำให้เพลงที่บรรเลงออกมานั้นมีกลิ่นอายความเศร้าเจือปนอยู่
ข้างกายเขามีเหล้าดอกไม้แกะสลักที่ตอนนี้เหลือเพียงไหเปล่า
เหล้าดอกไม้แกะสลักที่ถูกเก็บเอาไว้หลายปีได้ถูกเอาออกมา แต่ไม่รู้เลยว่าเบบี๋เชี่ยนของเขาจะได้ดื่มเหล้าที่เป็นสัญลักษณ์ความรักของพ่อนี้หรือเปล่า
เขาไม่อยู่ข้างกาย แต่เหล้าของเขาถูกเอาไปมอบให้แล้ว ตอนขอบคุณพ่อแม่ ขอแค่มีเหล้าของเขาอยู่ก็เท่ากับเขาได้อยู่ด้วย
เท่าที่เขาวิเคราะห์นิสัยของอวี๋หมิงหลาง หมอนั่นรักเสี่ยวเชี่ยนมาก ไม่มีทางพลาดขั้นตอนไหนแน่นอน เวลานี้คงกำลังทำพิธีผูกผมชดเชยให้เบบี๋เชี่ยนอยู่แน่ๆ
พอนึกถึงเบบี๋เชี่ยน จังหวะเพลงก็ไวขึ้นมาหน่อย
จบไปหนึ่งเพลง ชีอวี่เซวียนวางขลุ่ย จากนั้นก็เงยหน้าหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ!”
ไม่ได้เพื่ออะไร แต่เพราะเขานึกถึงของขวัญแต่งงานที่เขาให้ไป คำอวยพรที่เขาเขียนเองกับมือ
หึหึ งานแต่งของลูกสาวมันคือชีวิตของพ่อแม่ ไม่มีเขาไปร่วมด้วยแล้วมันจะสำเร็จเหรอ? คำอวยพรนั่นเขาเขียนให้เบบี๋เชี่ยนเองกับมือ โดยเฉพาะคำสุดท้าย ขอร่วมเป็นพยาน! มันแสดงให้เห็นถึงสถานะของเขา ในเมื่อเบบี๋เชี่ยนชอบ เขาก็จะฝืนเขียนคำอวยพรให้ ยอมรับการแต่งงานของเธอกับหมาทหารชุดเขียวนั่นชั่วคราว ถ้าไอ้หมอนั่นกล้ารังแกเบบี๋เชี่ยนของเขาล่ะก็ เขาจะเอาคำอวยพรกลับมาฉีกทิ้ง การแต่งงานถือเป็นโมฆะ!
เพอร์เฟค!
แต่ทว่าชีอวี่เซวียนผู้ตกอยู่ในห้วงความคิดที่ตัวเองว่าดีแต่กลับไม่กล้าไปเผชิญความจริงกับเสี่ยวเชี่ยน เขาไม่ได้สังเกตเลยว่า ตรงจุดที่ห่างออกไปไม่ไกลมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเขาอยู่!”
“เห็นยัง หมอนั่นแหละ!”
คนที่อยู่แถวนั้นสองคนกระซิบกันแล้วชี้มาทางชีอวี่เซวียนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงริมน้ำ
“ฉันก็แอบมองอยู่นานแล้ว! หมอนี่ตอนแรกทำลับๆล่อๆอยู่ตรงริมน้ำ เมื่อกี้เห็นดื่มเหล้าอยู่คนเดียว สักพักก็เป่าเพลงประหลาดๆ ตอนนี้ยังเงยหน้ามองฟ้าหัวเราะเสียงดังอีก ฉันสงสัยว่ามันจะ—”
สองคนมองหน้ากันแล้วพูดออกมาพร้อมกัน
“เป็นบ้า!”
มีปัญหา โทรหาตำรวจ 110จัดไป!
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมาอาข่าโทรหาศาสตราจารย์ชี พอได้ยินเสียงแปลกๆลอดเข้ามาในโทรศัพท์จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“บอสทำอะไรอยู่อะคะ?”
“เพิ่งลงจากรถตำรวจ”
“ดึกขนาดนี้ยังมีคดีต้องทำอีกเหรอคะ?” สมกับเป็นบอสจริงๆ ไปที่ไหนก็ยุ่งตลอด
“ไม่ใช่ พวกเขาสงสัยว่าฉันเป็นบ้า หาว่าฉันจะกระโดดน้ำ”
“…!!!”
ชีอวี่เซวียนพูดอย่างไม่ถือสา “การรักษาความปลอดภัยของประเทศเรานี่ดีนะมีคนร้องเรียนก็รีบมาเลย”
อาข่ามองบน นี่บอสเธอไปทำอะไรไว้เนี่ยถึงได้ถูกร้องเรียน?
“เอาของไปให้หรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ—จะว่าไปนะคะบอส กระดาษที่บอสเขียนยัดไว้ในไหเหล้านั่นมันหมายความว่าอะไรอะคะ? พรุ่งนี้เกิดประธานเชี่ยนถามฉันขึ้นมาฉันจะได้ตอบได้ ถ้าเขารู้ว่าบอสเป็นคนให้ต้องไม่อยากรับไว้แน่นอน”
“คำอวยพร! ถ้าฉันไม่ร่วมยินดี การแต่งงานของพวกเขาก็เป็นโมฆะ!” ชีอวี่เซวียนพอนึกถึงตรงนี้ก็ภูมิใจมาก ไม่เห็นเหรอว่าตอนท้ายเขียนไว้ว่าไง?
นี่แหละสถานะของเขา!
นี่แหละเกียรติของเขา!
“นี่มันหน้าไม่อายชัดๆ! บอส พวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีทะเบียนสมรส มีการจัดพิธีอย่างถูกต้อง ถึงวันนี้เสี่ยวเฉียงจะมีงานด่วนไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงฉลอง แต่ญาติๆเพื่อนๆของพวกเขาก็ร่วมอวยพรกันหมดแล้ว ถือว่าขั้นตอนก็ครบหมด ทุกคนต่างยอมรับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน แล้วใครเขาต้องการการยอมรับจากบอส?”
นิสัยที่เพิ่มบทให้ตัวเอง ตัดสินใจเอาเองฝ่ายเดียว แถมยังคิดว่าดีเลิศเลอเพอร์เฟค บอสไปติดเชื้อมาจากใครเนี่ย?
อาข่าคิดในใจ เอาแค่ความคิดของบอสในตอนนี้ มีคนสงสัยว่าเขาเป็นบ้าแล้วเรียกตำรวจมาจับก็ไม่แปลกหรอก
“เธอจะเข้าใจอะไร! ตามธรรมเนียมโบราณ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยการแต่งงานก็เป็นโมฆะ ตอนนี้ฉันก็แค่ฝืนใจยอมรับ หลังจากนี้ก็ต้องดูพฤติกรรมหมาฮัสกี้หนังเขียวนั่น ถ้ามันทำตัวไม่ดีล่ะก็ ฉันจะเอาคำอวยพรนั่นกลับมา การแต่งงานไม่เป็นผล!”
อาข่ามองบน ช่างเถอะ ปล่อยให้บอสคิดเองเออเองไปแล้วกัน ขนาดประธานเชี่ยนยังไม่อยากจะแล ของส่งไปในนามของเธอ ถ้าบอกว่าบอสให้ล่ะก็ไหเหล้าถูกทิ้งดิ่งไปแล้ว
“บอสคะ ไม่ต้องเรียกรุ่นพี่กลับมาดูอาการให้บอสจริงๆเหรอคะ? ตอนนี้ฉันสงสัยว่าบอสเป็นโรคหลงผิด ฉันได้ยินว่าช่วงนี้รุ่นพี่มาแถวเอเชียบ่อยด้วยนะคะ”
“รุ่นพี่เธอใช้ชีวิตอิสระจนชินแล้ว เธอดูแลเบบี๋เชี่ยนให้ดีก็พอ ช่วงนี้อาจมีเรื่องกวนใจเขาบ้าง ระวังอย่าให้เขาไม่สบาย”
“บอสรู้อะไรมาเหรอคะ?” อาข่าพอได้ยินบอสพูดแบบนั้นก็จริงจังขึ้นมาทันที หรือประธานเชี่ยนจะถูกคุกคามอีกแล้ว?
“คนที่หมาทหารหนังเขียวนั่นจับตัวไปจะต้องส่งผลกับเบบี๋เชี่ยนแน่นอน ต่อไปเธอต้องระวังให้ดี”
“ทำไมเบื้องบนไม่ให้บอสตรวจสอบคนๆนี้ล่ะคะ? ในเมื่อเป็นภัยบอสก็ลุยเองเลยสิคะ อย่าให้ประธานเชี่ยนทำ”
“ฉันไปไม่เหมาะ เบื้องบนมาขอร้องฉันตอนจับคน ฉันไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้จับได้แล้ว ต้องดำเนินการสอบสวนคนๆนั้น ฉันไม่ได้ถือสัญชาติประเทศนี้ไม่สะดวกไปเข้าร่วมด้วย เรื่องนี้ถือเป็นความลับ เบบี๋เชี่ยนของฉันเก่ง สามารถเข้าไปทำงานได้ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่ทหาร”
พอพูดถึงเบบี๋เชี่ยนเขาก็ภูมิใจสุดๆ เขาช่วยสนับสนุนก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่เก่งจริงทางกองทัพไม่มีทางยอมตกลง นี่คือเด็กเก่งที่เขาไม่ต้องเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย
“แต่ว่าตอนนี้ประธานเชี่ยนไปช่วยจัดการคดีแบบนี้ได้เหรอคะ?”
“จับคนได้แล้ว ต่อไปเป็นเรื่องการสอบสวน ศึกษาสภาพจิตใจของคนๆนี้ ถือเป็นการวิจัยอย่างหนึ่ง มันก็ไม่ควรมีอันตรายอะไรหรอก แต่เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น…เอาเป็นว่าเธอดูแลเบบี๋เชี่ยนให้ดีก็แล้วกัน ครั้งนี้เขาอาจให้หมาทหารหนังเขียวของเขาออกหน้าแทน”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้มีเรื่องที่ประธานเชี่ยนของฉันจัดการไม่ได้ อีกอย่าง ทำไมบอสเอาแต่เรียกว่าหมาทหารหนังเขียว ถ้าประธานเชี่ยนได้ยินต้องโมโหแน่”
“โมโหเลย โมโหไปเรื่อยๆเดี๋ยวเขาก็ชินเอง” ชีอวี่เซวียนหัวเราะแล้ววางสาย
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า คืนนี้พระจันทร์กลมสวยจริงๆ เบบี๋เชี่ยนของเขาน่าจะมีความสุขมากสินะ ส่วนหมาทหารหนังเขียวที่อยู่ข้างกายเธอ…
อืม มองข้ามโดยอัตโนมัติ!