เมื่อเวลากลางคืนมาถึง ด้วยแสงไฟตามถนนและตามตึกอาคาร มันทำให้เมืองเจียง กลายมาเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
หลี่ จื่อเมิ่ง จอดรถไว้ที่มุมหนึ่งของสวนสาธารณะและมองไปที่สนามบาสเก็ตบอลที่อยู่ในสวนสาธารณะ: “ประธานเสี่ยว เฉิน เจียนไป่ กำลังเล่นบาสเก็ตบอลอยู่ที่นั่น!
เมื่อมองไปในทิศทางที่เธอบอก เสี่ยวหลัว ก็เห็น เฉิน เจียนไป่ ที่มีดวงตาเรียวเล็ก เขาไม่สูงเกินไปและสวมเสื้อกล้ามสายเดี่ยวสีดำ เขาคล่องแคล่วมากในสนาม แม้ว่าเขาจะตัวสูงปานกลาง แต่ความสามารถในการกระโดดของเขานั้นน่าทึ่งมาก เขาจัดการฝ่ายตรงข้ามที่สูงกว่าเขาได้อย่างง่ายดาย
หลี่ จื่อเมิ่ง กล่าวว่า“ทุกคนในสนามเป็นเพื่อนของเขา พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่ไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่ง สำหรับคนอย่างเขาที่อยู่ในสายงานนั้น เขาต้องการคนประเภทนี้เพื่อคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวในเจียงเฉิงตลอดเวลา ด้วยวิธีนี้เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่อาจสร้างความสนใจต่อสาธารณชนเกิดขึ้น เขาก็จะได้รับแจ้งทันที”
“เขาฉลาดมากเลยทีเดียว”
เสี่ยวหลัวยิ้มขณะที่เขาแสดงความคิดเห็น จากนั้นเขาก็เดินลงไปจากรถแล้วเดินตรงไปที่สนามบาส
หลี่ จื่อเมิ่ง รีบลงจากรถและตามเขาไป เธอสวมรองเท้าส้นสูง แต่เธอก็ยังคงเดินตามเสี่ยวหลัวมาทันได้ในเวลาไม่นาน
แสงสว่างบนสนามบาสเก็ตบอลนั้นสว่างมาก และแสงสะท้อนจากดวงจันทร์ มันก็ทำให้ที่นี่เป็นเหมือนกับตอนกลางวัน สนามบาสเก็ตบอลล้อมรอบไปด้วยมุ้งเหล็กที่ถูกทาสีด้วยสีเขียว และในสนามก็ถูกปูด้วยพื้นยางอย่างดี สำหรับคนรักบาสเก็ตบอลแล้วที่นี่คือสนามกีฬาในฝันเลยทีเดียว
ในขณะที่เสี่ยวหลัวกำลังจะเข้าใกล้ทางเข้า หลี่ จื่อเมิ่ง ก็พูดเตือนเขาด้วยเสียงเบาๆว่า “ประธานเสี่ยว ตอนนี้ เฉิน เจียนไป่ อยู่กับแก๊งของเขา เมื่อพวกเราเข้าไปถามเขา ฉันกลัวว่า … พวกเขาจะ … ”
“กลัวว่า พวกเขาจะทุบตีพวกเราเหรอ?”
มุมปากเสี่ยวหลัวยกยิ้มขึ้นเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ขณะที่เขาพูดประโยคที่อยู่ในความคิดของเธอ
“ช-ใช่.”
หลี่ จื่อเมิ่ง พยักหน้า เธอรู้สึกกังวลในเรื่องนี้มาก พวกคนเหล่านั้นตัวใหญ่มากและพวกเขาบางคนถึงกับมีรอยสัก พวกเขาดูเหมือนกับพวกอันธพาล เมื่อเห็นครั้งแรกเธอก็รู้ได้แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่ดีอะไร
“ฉันเข้าใจแล้ว.”
เสี่ยวหลัวยกคิ้วขึ้นเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในสนาม
“ประธานเสี่ยว ระวังตัวด้วยนะคะ!”
หลี่ จื่อเมิ่ง เธอคิดในใจว่า เสี่ยวหลัวเขาคงจะไม่ใช่คนเลือดเย็นและใจร้ายเหมือนตอนที่เขาไล่คนงานมากกว่า 500 คน ออกหรอกนะ เพราะตอนนี้เขาดูเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นกันเองมาก
แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้เปลี่ยนความคิดของเธอไปในวินาทีต่อมา การแสดงออกของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วกลายไปเป็นความหวาดกลัว เสี่ยวหลัวเขาเดินไปที่สนามและคว้าลูกบาส ของคนพวกนั้นในขณะที่เกมยังดำเนินการอยู่ เขาถือลูกบาสเอาไว้ในแขนของเขา และหยุดการแข่งขันด้วยวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุด
โอ้วพระเจ้า! เขากำลังพยายามที่จะทำอะไร!
หลี่ จื่อเมิ่งตกใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเสี่ยวหลัว จะทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้ เขาไม่กลัวที่จะถูกคนอื่นทำร้ายเลยหรือยังไง
แน่นอนว่าหลังจากที่เสี่ยวหลัว เอาลูกบาสไป ชายทั้งแปดคนที่กำลังเล่นอยู่ ก็เข้ามาล้อมรอบตัวของเขาทันที อีกห้าคนที่อยู่ที่ขอบสนามก็มาด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเดียวกัน
เฉิน เจียนไป่ จ้องไปที่เสี่ยวหลัวอย่างเคร่งขรึม ขณะที่เขาถามเขาเสียงดังว่า“คุณกำลังทำอะไร อยากจะมีปัญหาหรือไง?”
คนอื่นๆก็จ้องมองเสี่ยวหลัวด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่มีความสุขกับการถูกขัดจังหวะโดยเขา
เสี่ยวหลัวโยนลูกบาสไปให้คนอื่น และพูดกับ เฉิน เจียนไป่ ด้วยรอยยิ้มว่า“ฉันเป็นประธานของ บริษัท หลัวฝาง คนปัจจุบัน ฉันอยากจะคุยกับคุณสักหน่อย”
“ประธานของบริษัท หลัวฝาง?”
การแสดงออกของ เฉิน เจียนไป่ เปลี่ยนไป ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจและการเย้ยหยัน “คุณต้องการที่จะพูดกับฉันเกี่ยวกับอะไร เรื่องของขนมปังของคุณทำให้คนตายหรือเปล่า?”
“ฉันไม่รู้ว่า คุณมีหลักฐานอะไร ที่คุณอ้างว่าขนมปังของเราฆ่าคน ด้วยข้อมูลที่อยู่ในมือของฉันนี้ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณสร้างข่าวปลอม และด้วยข่าวนั้นมันก็ทำให้ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของบริษัท หลัวฝาง เหตุผลที่ฉันมาหาคุณในวันนี้ ก็คือฉันหวังว่าคุณจะลุกขึ้นและชี้แจงในเรื่องนี้” เสี่ยวหลัว กล่าวอย่างจริงจัง
เฉิน เจียนไป่ จ้องมองไปที่เขา และพูดอย่างเย้ยหยันว่า“ถ้าฉันชี้แจงตามที่คุณบอก แล้วคุณจะให้ประโยชน์อะไรกับฉัน?”
“ไม่มี!” เสี่ยวหลัวพูดตอบอย่างราบเรียบ “คุณเป็นคนที่ผิด การแก้ไขข้อผิดพลาดเป็นความรับผิดชอบของคุณ ฉันปฏิบัติต่อคุณอย่างจริงใจแล้ว โดยที่ไม่ฟ้องร้องคุณในข้อหา ใส่ร้ายชื่อเสียงของบริษัทเรา”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉิน เจียนไป่ ก็ไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่หัวเราะออกมาเสียงดังแล้วพูดว่า“คุณพูดว่านี่เป็นความรับผิดชอบของฉันงั้นเหรอ? คุณเป็นคนที่น่าสนใจมาก ฉันแนะนำให้คุณไปตรวจสมองที่โรงพยาบาลนะ ว่าสมองของคุณมันยังอยู่ดีไหม ถ้ามันพังขึ้นมาคุณจะดูเป็นคนโง่” จากนั้นเขาตะโกนบอกเพื่อนๆของเขา“ไม่ต้องไปสนใจเขา มาต่อกันเถอะ”
กลุ่มคนแยกย้ายกันไปและดำเนินการแข่งขันต่อ
หลี่ จื่อเมิ่ง ดึงตัวของเสี่ยวหลัว ให้กลับออกมาจากสนาม แล้วพูดอย่างประหม่าว่า “ประธานเสี่ยว รอจนกว่าพวกเขาจะเล่นจนจบเถอะ”
ดูเหมือนเสี่ยวหลัวจะเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เสี่ยวหลัวเขาหลังกลับและเดินออกไปอย่างเงียบๆ
หลี่ จื่อเมิ่ง ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอคิดในใจว่า: ขอบคุณพระเจ้า ที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้น
แต่ก่อนที่เธอจะสามารถถอนหายใจได้สำเร็จ เสี่ยวหลัวที่เดินออกไปก็ก้มลงและหยิบลูกบาสเก็ตบอลซึ่งอยู่ข้างๆตาข่ายเหล็กขึ้นมา จากนั้นเขาก็ขว้างลูกบาสไปที่ เฉิน เจียนไป่ ซึ่งกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศเพื่อดังค์ลูกบาสเข้าห่วง โดยไม่มีการแจ้งเตือน
ฟิ้ว….
หลี่ จื่อเมิ่ง อ้าปากค้าง เธอตกใจมาก ตอนนี้มันราวกับว่าเวลากำลังชะลอตัวลงสำหรับเธอ ขณะที่เธอมองตามลูกบาสที่อยู่ในมือของเสี่ยวหลัว พุ่งเข้าไปชนกับหัวของ เฉิน เจียนไป่ พลังของผลกระทบนั้นมันมหาศาลมหาศาลมาก เฉิน เจียนไป่ ผู้ที่กำลังดังค์ พุ่งตงลงไปกระแทกพื้น พร้อมกับส่งเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวออกมาในทันที
มันจบแล้ว!
นี่เป็นความคิดเดียวที่เหลืออยู่ในใจของเธอ
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสี่ยวหลัวจะทำสิ่งนี้ ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น? เขาไม่รู้หรือไงว่าพวกคนกลุ่มนั้นเป็นพวกเดียวกัน?
เฉิน เจียนไป่ พยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นและส่ายหัวที่กำลังมึนของเขา จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ เพื่อหาว่าใครที่เป็นคนที่ทำ ในไม่นานเขาก็เจอคนทำ เพราะเสี่ยวหลัวที่เป็นคนทำมันกำลังโบกมือให้กับเขาอยู่
เขาออกตัวพุ่งไปที่เสี่ยวหลัวในทันที จากนั้นเขาก็คำรามอย่างโหดเหี้ยมว่า“ไอเหี้…ย แกต้องการอะไรห่ะ!”
“ฉันว่าฉันบอกคุณแล้วนะ ว่าฉันต้องการพูดกับคุณ” เสี่ยวหลัว พูดอย่างไม่รีบร้อนอะไร
“ต้องการพูดกับฉัน ฮ่าๆ .“เฉิน เจียนอัน โกรธมาก จนเขาเริ่มหัวเราะ วินาทีต่อมาดวงตาของเขากลายเป็นแข็งกร้าว”คุยกับ แม่มึงสิ!”
เขากำหมัดแน่น และส่งกำปั้นขวาของเขา เข้าไปทักทายที่ใบหน้าของ เสี่ยวหลัว ในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ จื่อเมิ่ง อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เธอปิดตาของเธอด้วยมือของเธอ เพราะเธอกลัวมากที่จะเห็นภาพของเสี่ยวหลัวที่ถูกทุบตีจนเป็นเยื่อกระดาษ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะผ่านไปนานมากเพียงใด แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงของร่างของเสี่ยวหลัวที่กระทบพื้น เลย ดังนั้นเธอจึงขยับมือของเธอออกไปอย่างช้างๆ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น
เธอตะลึงงันในทันที เพราะเธอกำลังเห็น ท่านประธานเสี่ยว ของเธอกำลังหยุดหมัดของ เฉิน เจียนไป่ อยู่…
มือซ้ายของเขาไขว้หลัง ขณะที่มือขวาของเขายื่นออกมาเพื่อหยุดกำปั้นของ เฉิน เจียนไป่ การเคลื่อนไหวของเสี่ยวหลัวนั้นสง่างามและท่าทางของเขาก็ผ่อนคลายมาก ราวกับว่าเรื่องที่เขาทำนี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากสำหรับเขา
ใบหน้าของ เฉิน เจียนไป่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะสลัดกำปั้นของเขาออกจากฝ่ามือของเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัว จ้องมองไปที่เขาอย่างเฉยชาและถามว่า“เราจะคุยกันได้หรือยัง?”
“พูดคุยแม่มึงสิ! แกเชื่อไหมว่าฉันคนนี้จะทำให้ชื่อเสียงของ หลัวฝาง ของแกพังพินาศลงไปอย่างสมบูรณ์ และมันจะไม่มีใครไปที่ร้านของแกเพื่อซื้อขนมปังอีกเลย” เฉิน เจียนไป่ รู้สึกโกรธมากที่เสี่ยวหลัวทำให้เขาขายหน้าเช่นนี้
เสี่ยวหลัวปล่อยเขา จากนั้นเขาก็นำมือของเขาล้วงลงในกระเป๋าของเขาและ กดที่ปากกาบันทึกเสียงอย่างลับๆ จากนั้นเขาถามว่า“คุณหมายความว่า คุณได้รายงานข่าวเท็จโดยจงใจที่จะหลอกลวงทุกคนในเจียงเฉิง ให้คิดว่ามีสารพิษอยู่ในขนมปังและทำให้คนตายงั้นเหรอ”
เฉิน เจียนไป่ เขาคิดว่าเสี่ยวหลัวกำลังกลัว ดังนั้นเขาจึงสบประมาทอย่างดูถูก พร้อมกับพูดว่า“ฉันเขียนทุกอย่างตามที่ฉันต้องการ เมื่อฉันพูดว่าขนมปังของแกฆ่าคน ขนมปังของแกก็จะต้องฆ่าคน เมื่อฉันพูดอะไรมันก็จะกลายเป็นความจริง! แค่ข่าวเพียงข่าวเดียวจากฉัน มันก็มีอำนาจในการตัดสินชะตากรรมของ บริษัท ของแกแล้ว ในเมื่อแกมายืนอยู่ต่อหน้าฉัน แกจะต้องเคารพฉันเหมือนกับว่าแกเป็นหลานชายของฉัน เข้าใจแล้วใช่ไหม! หากแกทำให้ฉันไม่มีความสุข ฉันก็จะเผยแพร่เรื่องราวในวันพรุ่งนี้โดยบอกว่าพนักงานคนหนึ่งของแกติดเชื้อไวรัส และผสมเลือดของเขาลงไปในแป้งที่แกใช้ทำขนมปัง ลองดูสิว่าใครจะมาทำธุรกิจกับแกอีก หลังจากที่ข่าวนี้ออกไป!”