เห็นๆอยู่ว่าเสี่ยวเชี่ยนใช้กำลังในครอบครัว ยังจะแสร้งทำเป็นภรรยาที่ว่านอนสอนง่าย?
คนที่คุยกับเสี่ยวเชี่ยนอยู่ถึงกับอึ้ง สายตาที่มองอวี๋หมิงหลางแปลกไปจากเดิม
หรือว่า หัวหน้าใหญ่เป็นพวกชอบใช้กำลังในครอบครัว เป็นผู้ชายเลวที่ชอบทำร้ายเมีย?
อวี๋หมิงหลางถึงกับเงยหน้าขอความเมตตาจากฟ้า ต่อไปเขาห้ามยั่วโมโหเมียอีกเด็ดขาด เธอทำเรื่องแย่ๆเสร็จยังจะแสร้งทำตัวน่าสงสาร!
เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้าทำสีหน้าหวาดกลัว ถามอวี๋หมิงหลางเสียงอ่อย
“ที่รัก คุณโกรธเหรอ?”
“เปล่า…” ใครจะกล้าโกรธ!
“ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดว่าคุณแข็งแรงกว่า อันที่จริงเป็นฉันต่างหากที่ทำ ฉันเป็นคนชกตาคุณเอง…ที่รัก ฉันพูดแบบนี้แล้วคุณพอใจหรือยังคะ?”
คนที่แวะมาคุยเพราะไปทางเดียวกันคนนี้ต้องอึ้งไปอีกครั้ง
คุณพระช่วย นี่เขามาอยู่ในเหตุการณ์อะไรเนี่ย?
หัวหน้าใหญ่วางอำนาจกับพี่สะใภ้ ‘ที่แสนบอบบาง’!
ดูท่าทางหวาดกลัวของพี่สะใภ้สิ ถึงกับต้องแสร้งพูดโกหก นี่ไม่ใช่เพราะอยากจะปิดบังความจริงที่หัวหน้าใหญ่ทำร้ายผู้หญิงเหรอ!
จากนั้นคนๆนี้ก็ทิ้งสีหน้าที่มองอวี๋หมิงหลางเป็นผู้ชายเลวๆไว้ แล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ละ เขาเดินไปด้วยไม่ได้อีกแล้ว รู้ความลับในครอบครัวของหัวหน้าใหญ่มากเกินไป ไม่แน่เกิดวันไหนหัวหน้าใหญ่อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเขาได้โดนเพิ่มเมนูฝึกแน่นอน
แต่ภาพลักษณ์หัวหน้าใหญ่ทำร้ายผู้หญิงได้ติดอยู่ในใจของคนๆนี้ไปแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งอยู่ๆเขาก็ได้เห็นเสี่ยวเชี่ยนออกคำสั่งกับอวี๋หมิงหลางจนหัวหมุน เขาถึงได้เปลี่ยนความคิด แต่นั่นก็เป็นเรื่องหลังจากนั้นอีกนานแสนนาน
“โอ๊ะ คนของหน่วยนายแรงดีใช้ได้เลยนะ ดูสิวิ่งเร็วมากเลย” เสี่ยวเชี่ยนมองไป คนๆนั้นวิ่งหายไปจากระยะสายตา
ไม่ให้วิ่งเร็วได้เหรอ กลัวถ้าวิ่งช้าจะรู้อะไรที่ไม่ควรรู้เข้าน่ะสิ วันดีคืนดีได้ถูกหัวหน้าใหญ่เก็บ
เสี่ยวเชี่ยนเชิ่ดหน้าขึ้น ไม่มีสีหน้าภรรยาเจี๋ยมเจี้ยมหลงเหลืออีกแม้แต่น้อย นางพญาเข้าสิงร่าง
อวี๋หมิงหลางเห็นท่าทางของเธอก็หมั่นเขี้ยวอยากเข้าไปบดจูบ นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอกนะ จัดชุดใหญ่ไปแล้ว
“พอใจยัง?” เขาเหล่มองเธอ เมื่อกี้ผู้หญิงบางคนสนุกมาก แต่งบทเอง กำกับเอง แสดงเอง ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายเลวได้สำเร็จ
“เฉยๆ” เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา สมน้ำหน้า รับมือกับคนที่ใช้อุปกรณ์สุ่มสี่สุ่มห้าแล้วยังเอาไปซ่อนเสียดิบดี มันต้องเจอแบบนี้!
จิ๊บจ๊อย เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน—เสียงจากใจหมาทหารผู้ซื่อสัตย์ที่ทำอวดดีได้แค่เฉพาะตอนอยู่บนเตียง
เสี่ยวเชี่ยนเชื่อว่างานที่ตัวเองได้มาทำนั้นเป็นงานสบาย อย่างไรเสียจุดประสงค์ของเธอก็แค่มาดูว่าหน่วยงานลึกลับที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนนี้เป็นอย่างไร—แน่นอนว่านี่ก็เป็นแค่คำพูดสวยหรู อันที่จริงแล้วสิ่งที่เธออยากมาดูก็คือหัวหน้าใหญ่ของหน่วยลึกลับแห่งนี้เวลาทำงานเป็นอย่างไร
ทั้งสองคนเดินตามกันเข้าไปในหน่วย เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ทันทีว่าผู้ชายที่เดินนำหน้าเธอมีท่าทางเปลี่ยนไป
แตกต่างจากตอนทำตัวทะเล้นเวลาอยู่ที่บ้าน พอย่างก้าวเข้าสู่พื้นที่ของตัวเองแล้วเขาก็มีมาดขรึมขึ้นมาทันที ถ้ามองข้ามตาเขียวๆที่แอบน่าขำบนใบหน้าของเขาไป นี่คือผู้ชายที่มีมาดน่าเกรงขามมากคนหนึ่ง
อันที่จริงนี่เป็นท่าทางปกติของเขาตอนทำงาน
เสี่ยวเชี่ยนเดินตามอวี๋หมิงหลางเข้าไป ระหว่างทางเจอทหารหลายคน แต่ทุกคนต่างสายตาไม่ว่อกแว่ก พวกเขาได้รับการแจ้งจากเบื้องบนมาแล้วว่าจะมีผู้ช่วยจากข้างนอกเข้ามาช่วยงาน จึงไม่แสดงแววตาสงสัยเสี่ยวเชี่ยน เพียงแค่ทำความเคารพอวี๋หมิงหลางตอนเขาเดินผ่าน ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบของที่นี่
อวี๋หมิงหลางพาเธอไปยังห้องประชุมที่ใช้เป็นการเฉพาะ ในนั้นทีทีมจิตวิทยารออยู่ก่อนแล้ว
หน่วยรบพิเศษมีทีมจิตวิทยาเป็นของตัวเอง มีหน้าที่ดูแลสุขภาพจิตของคนในหน่วย การมาของเสี่ยวเชี่ยนจึงกลายเป็นสีสันในหมู่สีเขียว
เธอลองนับคร่าวๆ นอกจากพลาธิการหยูกังที่เคยเจอแล้ว มีอีกสี่คนที่เธอไม่เคยเจอ อายุท่าทางไม่เกินสามสิบ แต่ยศไม่ต่ำ อายุเท่านี้ได้ยศขนาดนี้การศึกษาไม่ต่ำแน่นอน
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองพลางเดาอย่างรวดเร็ว ในสี่คนนี้มีสามคนที่จบปริญญาโท อีกหนึ่งคนน่าจะระดับปริญญาเอก ช่วงหลายปีมานี้ทางกองทัพส่งเสริมเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก คนพวกนี้น่าจะจบสาขาจิตวิทยาจากโรงเรียนทหาร เนื้อหาที่เรียนแตกต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไป ด้านที่พวกเขาเน้นก็เช่น จิตวิทยาอาชญากรรม จิตวิทยาบำบัด เป็นต้น
เสี่ยวเชี่ยนเองก็เคยเรียนจิตวิทยาอาชญากรรมมาบ้าง แต่อย่างไรเสียนั่นก็ไม่ใช่สาขาหลักของเธอ ดังนั้นจึงต้องทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนที่นี่
อวี๋หมิงหลางทำการแนะนำอย่างคร่าวๆ จากนั้นพวกเขาก็นั่งลงเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ
ครึ่งแรกของการประชุมอวี๋หมิงหลางกับพลาธิการอยู่ด้วย เพื่ออธิบายเรื่องคดีให้ฟัง พอถึงช่วงที่ต้องถกประเด็นในด้านเฉพาะ ทีมจิตวิทยาก็จะดำเนินการกันเอง อวี๋หมิงหลางกับพลาธิการก็จะออกไป ยกเวลาให้กับทีมผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนมาเสี่ยวเชี่ยนคิดตลอดว่าเธอแค่จะมาดูสามีสุดหล่อของเธอ ไม่ได้คิดจะมาแย่งผลงานใครหรือโอ้อวดตัวเอง
ตามความคิดของเธอหน้าที่ของเธอนั้นแทบไม่มีอะไร แต่หลังจากอวี๋หมิงหลางอธิบายงานของทีมนี้ให้ฟัง เสี่ยวเชี่ยนก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที
ดูเหมือนเธอจาะพาตัวเองมาอยู่ในที่ที่ไม่ควรมาเสียแล้ว
เมื่อวานที่เธอขอผู้บัญชาการมาที่นี่ก็แค่ไม่อยากออกแรงทำงานมากมาย แถมยังจะได้ใกล้ชิดสามีตัวเองด้วย อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่ทีมตำรวจอาชญากรรม แค่คิดดูก็รู้ไม่มีทางเจอคดีที่ซับซ้อนถึงกับให้เธอต้องเข้าร่วมด้วย ฆ่าเวลาไปวันๆก็พอ
แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาได้จังหวะเหมาะเจาะ มิน่าเมื่อวานพอผู้บัญชาการได้ยินว่าเธอขอมาที่นี่ก็มีท่าทางคิดหนักก่อนอนุญาต
อยากจะถอนตัวตอนนี้คงไม่ได้แล้ว ในเมื่อมานั่งอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องจัดการเรื่องให้เสร็จแล้วถึงไปได้
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าคนที่เธอสงสัยว่าจบปริญญาเอกทำไมถึงได้เอาแต่มองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ก่อนประชุมพลาธิการได้แนะนำทุกคน เสี่ยวเชี่ยนจึงได้รู้ว่าคนที่วุฒิการศึกษาสูงสุดคนนั้นมียศเป็นรองแค่อวี๋หมิงหลางกับหยูกัง มีฉายาว่าอาเพียว เป็นหัวหน้าทีมจิตวิทยา
ใช้ผู้ช่วยจากภายนอกที่การศึกษาไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาก็น่าหงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว แถมผู้ช่วยคนนี้ยังเป็นภรรยาของหัวหน้าใหญ่อีก มันก็ยากที่จะไม่ให้พวกเขาคิดไปในทางไม่ดี
“…เรื่องราวก็ประมาณนี้ ภารกิจที่เบื้องบนมอบหมายให้พวกเราหลักๆคือวิเคราะห์บุคลิกตัวตนของผู้ต้องหา นี่ก็เป็นโอกาสที่พวกเราขอมาจากเบื้องบน สิ่งสำคัญคือการหาลักษณะเด่นทางด้านจิตใจของผู้ต้องหาในคดีนี้พร้อมทั้งทำการสรุป ต่อไปมันจะมีส่วนช่วยในการคัดเลือกทหารหน่วยรบพิเศษและเพื่อให้เรามีความทันสมัยมากขึ้น อาเพียว ทีมของพวกนายต้องให้ความร่วมมือกับหมอเฉิน เวลาที่เหลือก็ยกให้ทีมของพวกนายแล้วนะ อาเพียว มีอะไรจะถามอีกไหม?”
หยูกังพูดจบก็เตรียมออกจากห้องประชุมพร้อมอวี๋หมิงหลาง
หัวหน้าทีมจิตวิทยาไม่มองเสี่ยวเชี่ยนเลยแม้แต่น้อย ถามอวี๋หมิงหลางด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เรียนหัวหน้าใหญ่ ผมมีคำถามครับ”
“เชิญพูด” อวี๋หมิงหลางรักษามาดเวลาทำงาน
“หมอเฉินมาเข้าร่วมทีมของเรา มาในฐานะผู้ช่วยหรือฐานะภรรยาของหัวหน้าใหญ่ครับ?”
กลิ่นดินระเบิดโชยมารุนแรงขนาดนี้ ถ้าจะให้มองข้ามก็ยาก