“อาเพียว ระวังคำพูดของคุณด้วย” หยูกังรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก อวี๋หมิงหลางยกมือห้ามหยูกังพูดต่อ
“เอกสารราชการระบุไว้ชัดเจน เฉินเสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้ช่วยที่เชิญมาจากภายนอก ถึงเธอจะเป็นภรรยาของผม แต่การมาของเธอในครั้งนี้มาพร้อมเอกสารอนุญาต”
“มีผู้ช่วยจากภายนอกเข้ามาเรื่องนี้พวกเราเข้าใจได้ แต่ถ้าผู้ช่วยคนนี้มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับหัวหน้าใหญ่ ผมก็ต้องถามให้ชัดเจน หากตอนพวกเราทำงานเกิดมีความเห็นต่างจะให้ฟังใครล่ะครับ?”
“คุณเป็นหัวหน้าทีม เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผมเน้นย้ำ เวลาทำงานคุณมีอำนาจตัดสินใจ เรื่องทางเทคนิคเฉพาะใครถูกก็ว่าไปตามถูก” อวี๋หมิงหลางวางตัวเป็นกลาง และไม่ได้แสดงความไม่พอใจอาเพียว
“ฟังจากที่หัวหน้าใหญ่พูด ความรู้ของเธอสู้พวกเราได้เหรอครับ? ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ ภรรยาของหัวหน้าใหญ่ยังไม่จบปริญญาโท ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษาที่ไม่ได้เรียนอยู่ในโรงเรียนทหาร” นี่คือสาเหตุที่อาเพียวไม่พอใจ
คนทำงานวิชาชีพเฉพาะเกลียดที่สุดคือการใช้เส้นสายเข้ามาแล้ววางอำนาจสั่งนู่นสั่งนี่
“ความรู้ความสามารถของเธอจะสู้พวกคุณได้ไหม คุณดูเองเดี๋ยวก็รู้” อวี๋หมิงหลางแอบจุดเทียนให้อาเพียวในใจ
“งั้นถ้าผมมีความเห็นแตกต่างกับภรรยาหัวหน้าใหญ่—”
“เรื่องงานว่าไปตามระเบียบค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพูด
พอได้ยินเธอพูดอาเพียวจึงเบนสายตาไปที่เธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน
“ไม่กล้าหรอกครับ ถ้าเกิดไปทำให้ภรรยาหัวหน้าใหญ่ไม่พอใจเข้า หัวหน้าใหญ่โกรธขึ้นมาจะทำไงครับ? เดี๋ยวจะหาเรื่องมาทำให้พวกเราลำบากใจ พวกเราสู้ไม่ได้หรอกนะครับ”
ปากพูดเหมือนไม่กล้า แต่สีหน้าท้าทาย เห็นอยู่ๆว่าอยากมีเรื่อง
เพิ่งมาก็ท้าทายกันขนาดนี้แล้ว หยูกังเริ่มร้อนใจ แต่เห็นอวี๋หมิงหลางดูนิ่งมาก เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้ ทำได้แค่มองเสี่ยวเชี่ยนกับอาเพียวที่เพิ่งเจอกันก็ตั้งแง่ใส่กัน
“ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ถ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม เห็นคุณเป็นแบบนี้ฉันนึกถึงสองสำนวน หึงหน้ามืด กับ อิจฉาตาร้อน ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเป็นการทะเลาะของพวกผู้หญิง? คุณน่ะอย่างน้อยๆก็จบดอกเตอร์ใช่ไหมคะ? ฉันรู้แค่ว่าการศึกษาทำให้คนก้าวหน้า ไม่ยักรู้ว่าเปลี่ยนเพศคนได้ด้วย” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
อาเพียวหน้าแดงด้วยความโกรธ
อีกสามคนในทีมจิตวิทยามีสองคนที่กลั้นไม่ไหวหลุดขำออกมา อีกคนหนึ่งก้มหน้ามองพื้นแสร้งทำเป็นกำลังครุ่นคิดบางอย่าง แต่ไหล่สั่นๆของเขากลับเป็นตัวฟ้องความรู้สึกของเขา
แค่คำพูดประโยคเดียวก็ทำหัวหน้าทีมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ ภรรยาของรักษาการหัวหน้าใหญ่เทพมาก!
เจอกันครั้งแรกก็พ่นไฟใส่กันขนาดนี้ พลาธิการเห็นแล้วก็ร้อนใจ ส่งสายตาหาอวี๋หมิงหลาง ต้องการให้เขาออกหน้าควบคุมสถานการณ์
ทันใดนั้นอวี๋หมิงหลางก็ยืนขึ้น
“เรื่องภายในทีมของพวกคุณจัดการกันเองแล้วกัน ผมขอตัวก่อน ในหน่วยยังมีงานอีกมาก”
พลาธิการปาดเหงื่อทั้งๆที่ไม่มีเหงื่อ แบบนี้คือ…ชิ่ง?
ขนาดคนเป็นสามียังถอย ถ้าเขาพูดอะไรไปก็คงไม่เหมาะ ครั้นแล้วหยูกังจึงรีบเดินตามอวี๋หมิงหลางออกไป
“ดูท่าข่าวลือจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด” คำพูดของหัวหน้าทีมแฝงความนัย
ความหมายคือ ภายในหน่วยลือกันว่ารักษาการหัวหน้าใหญ่กับภรรยารักกันดีมาก พอได้มาเห็นวันนี้กลับดูไม่เป็นแบบนั้น
หัวหน้าใหญ่ไม่เห็นออกหน้าแทนเลยไม่ใช่เหรอ?
อวี๋หมิงหลางฝีเท้าหยุดชะงัก
เขาได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คนเรียนจิตวิทยาควรรู้ว่าข่าวลือคือการเออออตามความคิดคนอื่น พวกเราสนแต่ความจริงที่มีหลักฐานอ้างอิงเชื่อถือได้ ซึ่งจุดนี้ก็เหมือนกับกฎของทหาร ทุกอย่างว่าไปตามระเบียบ และมันก็คือหน้าที่และความรับผิดชอบ”
อีกสามคนพยักหน้า แอบสงสารหัวหน้าทีมที่โกรธจนหูแดงหน้าแดง
หัวหน้าแพ้แล้วนะครับ!
ไปท้าทายความรักของพวกเขา บอกว่าไม่เห็นรักกันดีเหมือนข่าวลือ แต่อีกฝ่ายกลับตอบว่าสามีของตัวเองทำงานว่าไปตามกฎ ถูกอีกฝ่ายข่มเรื่องจรรยาบรรณเข้าให้แล้ว
อวี๋หมิงหลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น ก่อนออกจากประตูเขาก็ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนผู้ไม่แพ้พูดเสริม
“ได้ยินว่าการเรียนของโรงเรียนทหารไม่เหมือนกับสถาบันภายนอก ดังนั้นความเข้าใจของหัวหน้าอาเพียวจึงไม่เหมือนกับพวกฉัน—งั้นปัญหาก็มาแล้วล่ะค่ะ ตกลงว่าคุณลดระดับความสามารถตัวเอง หรือว่าคุณเป็นตัวแทนของคนที่ระดับความสามารถเท่าฉันกันคะ?”
วางใจได้ ผู้หญิงคนนี้เอาไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีทางเสียเปรียบ
อวี๋หมิงหลางไม่ต้องหันไปก็พอรู้ว่าสีหน้าของอาเพียวเป็นแบบไหน
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาเรื่องความรู้สึกเวลาถูกเสี่ยวเชี่ยนเถียงกลับชนิดที่หาเหตุผลไปแย้งไม่ได้
“ไม่ใช่นะครับ พวกเราที่เหลือยังปกติดี หัวหน้าทีมของพวกเราเป็นกรณีพิเศษ สวัสดีครับหมอเฉิน ผมชื่อต้าหลี่!”
“ผมชื่อจื่อหยางครับ!”
สมาชิกในทีมอีกสามคนพากันแนะนำตัว
อาเพียวโกรธจนหน้าแดงมองเสี่ยวเชี่ยน “ผมจะว่าไปตามกฎแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร!”
เสี่ยวเชี่ยนผายมือ “แบบนั้นดีที่สุดค่ะ”
พอปิดประตูก็ไม่ได้กลิ่นดินระเบิดจากข้างในแล้ว แต่หยูกังก็ยังไม่สบายใจ เขารีบสาวเท้าเข้าไปหาอวี๋หมิงหลางแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง
“ให้ผมเรียกคนอื่นๆในทีมไปคุยไหม?”
“ไม่จำเป็น”อวี๋หมิงหลางตอบอย่างแทบไม่ต้องคิด
หยูกังมองอารมณ์ในตอนนี้ของอวี๋หมิงหลางไม่ออก อวี๋หมิงหลางผู้มีหน้านิ่งเย็นชาดุจน้ำแข็ง ถ้าเขาไม่อยากแสดงอารมณ์ใครก็ยากจะเดา
“ตำแหน่งพวกงานใช้สมองแบบนั้นจะมีการใช้อารมณ์กันบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ปล่อยพวกเขาจัดการกันเอง ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง”
ถ้าคนทำงานประเภทนั้นเอาแต่ยิ้มแย้มใส่หน้ากากเข้าหากันแบบนั้นสิน่ากลัว ทีมจิตวิทยาของเขาเป็นทีมที่มากความสามารถ การศึกษาสูง จะทำตัวข่มบ้างในสถานการณ์แบบนี้ย่อมไม่แปลก คนเป็นหัวหน้าอย่างเขาไม่เข้าไปแทรกแซงจะเป็นการดีที่สุด
หยูกังพยักหน้า “อันที่จริงเป็นหน่วยอื่นก็คงเหมือนกัน พอเจอกับคนใหม่ที่เข้ามามากน้อยก็ย่อมมีตั้งแง่กันบ้าง ผมก็แค่เป็นห่วงน้องสะใภ้จะรับไม่ได้ เพราะยังไงอายุเขาก็ยังน้อยอยู่”
“ไม่หรอก ถ้าเขารับไม่ได้ก็ให้ถอนตัว ในเมื่อเขามาแล้วก็ต้องให้หาวิธีอยู่ให้ได้”
หยูกังมองอวี๋หมิงหลางหัวจรดเท้าแล้วพูดด้วยความสงสัย “หัวหน้าคงไม่ได้คิดจะล้างแค้นที่น้องสะใภ้ต่อยก็เลยไม่ยุ่งหรอกนะ?”
ถึงอวี๋หมิงหลางเป็นตายก็ไม่ยอมรับว่าถูกเสี่ยวเชี่ยนต่อยตาเขียว แต่มีเหรอจะปิดบังดวงตาอันเฉียบคมของหยูกังได้
อวี๋หมิงหลางเหล่มองหยูกัง “นายคงไม่ได้ดูถูกความสามารถของเมียฉันหรอกนะ? ถ้าเขาไม่เก่งแล้วใครเก่ง? ฉันขอบอกนายไว้ก่อนเลย เดี๋ยวทีมนั้นจะต้องทึ่งในความสามารถของเมียฉันจนนายต้องเรียกพวกเขามาปรับทัศนคติ เมียฉันไม่ธรรมดานะจะบอกให้”
พูดจบอวี๋หมิงหลางก็เดินออกไปอย่างองอาจ
หยูกังมองตามเขาไปสักพักถึงได้สติ
อวี๋หมิงหลางไม่ได้ไม่แคร์เสี่ยวเชี่ยน แต่เขาเชื่อในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยนมากกว่า
ผู้ช่วยที่ถูกส่งมาจากภายนอก ถ้าอยากจะได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่ใช้วิชาชีพขั้นสูงแบบนี้ก็ห้ามอ้างภูมิหลังหรือใช้เส้นสาย
ดูเหมือนเย็นชา แต่ถ้าคิดดูดีๆ นี่กลับเป็นวิธีที่ถูกต้องที่สุด ถ้าอวี๋หมิงหลางออกหน้าช่วยเสี่ยวเชี่ยน แบบนั้นต่อไปไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสร้างผลงานมากแค่ไหน คนอื่นๆก็ยังคงไม่เลิกคิดเรื่องเสี่ยวเชี่ยนใช้เส้นสาย
สามีภรรยาคู่นี้…
หยูกังอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เสี่ยวเชี่ยนตามมาถึงที่นี่แล้วได้จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานเป็นกรณีพิเศษ พอมาดูท่าทีของอวี๋หมิงหลางในตอนนี้ ในใจก็นึกชื่นชมคู่นี้
นี่มันคู่สร้างคู่สมยอดเพชรในตำนาน สองคนนี้รู้ใจกันสุดๆ ใครก็แทรกกลางไม่ได้!