บทที่ 239
บอดี้การ์ดพวกนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือของตระกูลจ้าว

กลับคิดไม่ถึงว่า ต่อหน้าหยางเฟิง กลับไม่ได้เรื่องขนาดนี้

ในเวลาเดียวกัน

หยางเฟิงหัวเราะเย้ย เดินไปหาจ้าวช่าวหลงทีละก้าว

เห็นหยางเฟิงเดินมา จ้าวช่าวหลงพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัวว่า “ไอ้น้อง คุณคิดอยากทำอะไร? ผมเป็นคุณชายตระกูลจ้าว คุณกล้าทำร้ายผม ตระกูลจ้าวไม่ปล่อยคุณไปแน่….”

ปัง

ไม่รอให้จ้าวช่าวหลงพูดเสร็จ หยางเฟิงตบใบหน้าเขาอย่างรุนแรงหนึ่งที

ทันใดนั้น ฟันในปากจ้าวช่าวหลงหลุดออกมาหลายซีก

“คุณกล้าทำร้ายผม?”

จ้าวช่าวหลงจ้องมองหยางเฟิง ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

เขากล้าลงมือทำร้ายตน?

เขาไม่เกรงกลัวตระกูลจ้าวหรือ?

ปัง

หยางเฟิงไม่ตอบจ้าวช่าวหลง ลงมอตบอีกครั้ง

ตบลงไปในครั้งนี้ ใบหน้าของจ้าวช่าวหลงบวมนูนขึ้นมาในทันที ราวกับหัวหมู

“คุณไม่ต้องเข้ามา…”

เวลานี้ จ้าวช่าวหลงหวาดกลัวแล้ว

คนตรงหน้าคนนี้ ราวกับเป็นคนบ้าคนหนึ่ง

คนที่แม้แต่ตระกูลจ้าวก็ไม่เกรงกลัว ทั่วทั้งจินหลิงมีไม่กี่คน

ปัง

หยางเฟิงไม่รอช้า ลงมือตบครั้งที่สามอย่างรุนแรง

ปัง

ทันใดนั้น

จ้าวช่าวหลงกระโจนพุ่งลอยออกไป

ร่างกายของเขาหล่นกระทบพื้นอย่างแรง เส้นเอ็นกระตุกไปทั้งกาย

หยางเฟิงเดินไปหา มองดูเขาอยู่อย่างสูงส่ง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ตบครั้งที่สามนี้ เพียงแค่ต้องการสั่งสอนคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

จ้าวช่าวหลงลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก โกรธโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณตายแน่ คุณต้องตายแน่ คุณกล้าทำร้ายผม ทั่วทั้งจินหลิงไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้”

หยางเฟิงหัวเราะ ไม่สนใจไม่แยแสเลยสักนิด

จู่ๆเข้าก็พูดขึ้นมาว่า “ใช่ เมื่อกี้เหมือนคุณจะพูดว่าจะหักขาทั้งคู่ของผม ให้ผมเป็นเหมือนอย่างสุนัขใช่หรือไม่?”

“คุณคิดอยากทำอะไร?”

ได้ยินแบบนี้ สีหน้าจ้าวช่าวหลงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ

ความคิดที่น่าหวาดกลัว ผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่รู้ตัว

“ไม่ได้คิดอยากทำอะไร ผมแค่เพียงรู้สึกว่าคำเสนอแนะของคุณไม่เลว”

“อืม?”

จ้าวช่าวหลงอึ้งไปทันที

ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว หยางเฟิงยกเท้าฟาดเตะลงไป

แล้วก็ได้ยินเสียงกระดูกหัก ขาทั้งคู่ของจ้าวช่าวหลง หักลงในทันที

จากนั้น

อ้าก

เสียงกรี๊ดร้องเจ็บปวดอย่างบีบหัวใจ ดังออกมาจากปากของจ้าวช่าวหลง

“ขาของข้า ขาของข้า”

จ้าวช่าวหลงคิดไม่ถึงว่า หยางเฟิงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ หักขาทั้งคู่ของเขาหักจริงๆ

เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น ร้องเรียกอยู่อย่างไม่หยุด

หยางเฟิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “คุณคิดว่าตระกูลจ้าวของพวกคุณเก่งกาจมากไม่ใช่หรือ? ตอนนี้คุณสามารถไปตามคนมาได้เลย ผมรอคุณ”

พูดเสร็จ หยางเฟิงหันหน้าเดินจากไป

“ที่รัก”

เย่เมิ่งเหยียนเดินมาหา สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

หยางเฟิงตบไหล่ของเธอเบาๆ พร้อมยิ้มหัวเราะพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เราทานข้าวกันก่อน อย่าให้ขยะบางอย่าง รบกวนเวลาทานข้าวของพวกเรา”

ได้ยินแบบนี้ เย่เมิ่งเหยียนพยักหัวอย่างว่าง่าย

สำหรับเย่เมิ่งเหยียน ฟ้าถล่มลงมาก็มีหยางเฟิงรับไว้ เธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น

จากนั้น ทั้งสองคนนั่งลง แล้วก็ทานอาหารกันต่อ

จ้าวช่าวหลงคุกเข่าอยู่บนพื้น มองดูหยางเฟิงกับเย่เมิ่งเหยียนทานอย่างเอร็ดอร่อย รู้สึกอับอายอย่างที่สุด

เขากัดฟัน สีหน้าโหดเหี้ยม

ดิ้นรนอยากจะลุกขึ้นมา แต่เจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ ทำให้เขาไม่สามารถยืนขึ้นมาได้

เวลานั้น จ้าวช่าวหลงรู้สึกหมดหวัง

เขารู้ว่า ขาทั้งคู่ของตนถูกหยางเฟิงทำร้ายจนพิการแล้ว

ต่อให้ต่อไปสามารถรักษาได้ ก็จะต้องมีผลข้างเคียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เขากัดฟันหยิบมือถือออกมา โทรหาหมายเลขโทรศัพท์ของคนคนหนึ่ง

“พ่อ ผมถูกทำร้ายอยู่ที่เหม่ยเหว้ยเซวียน พอรีบมาช่วยผมด้วย”

“หากพ่อมาช้า ตระกูลจ้าวเราก็จะต้องขาดคนสืบตระกูลแล้ว”

จ้าวช่าวหลงพูดผ่านโทรศัพท์ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น จากนั้นก็กดวางสาย