หลังจากนั้นอวี๋หมิงหลางได้ถามเสี่ยวเชี่ยนว่าทำให้ทีมจิตวิทยาที่เขาคัดสรรมาอย่างดียอมสยบได้อย่างไร เสี่ยวเชี่ยนตอบอย่างภาคภูมิใจว่า เคยดูสารคดีโลกของสัตว์เลี้ยงไหม?
เมื่อสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันเกิดการขัดแย้งเรื่องแย่งทรัพยากรแล้วจะทำไง?
ใครเก่งกว่าก็ได้เป็นพี่ใหญ่
การรับมือกับพวกปัญญาชนน่ะไม่ต้องใช้เหตุผลหรอก ไม่มีประโยชน์
ปากเก่งแค่ไหนก็ไม่สู้แสดงความสามารถออกมาให้ประจักษ์ พอประธานเชี่ยนลงมือก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เป็นมังกรมาเจอเธอก็ต้องยอมสยบ เป็นเสือก็กลายเป็นแมวเชื่อง มีความรู้ความสามารถอยู่ที่ไหนก็รอด
พี่หลางอึ้งกับความเก่งของเมียตัวเอง จากนั้นก็จับเธอกดลงบนเตียง แถมยังพูดจาประจบ เรื่องความรู้เฉพาะทางเมียเขาเก่งสุด ถ้าอย่างนั้นพี่หลางก็คิดว่าเรื่องอื่นก็ใช้หลักการนี้เหมือนกัน ใครเก่งกว่าก็ได้เป็นใหญ่
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนยกหินทับใส่เท้าตัวเอง ได้แต่ยอมรับว่าอวี๋หมิงหลางคือหมาป่าเจ้าเล่ห์ แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
ตอนนี้ทั้งทีมจิตวิทยาต่างทึ่งในความรู้ความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน ถึงเธอจะเพิ่งได้รู้ทำงานร่วมกับอาเพียวแค่ตอนช่วงเช้า แต่กลับวิเคราะห์นิสัยของอาเพียวออกมาได้อย่างแม่นยำ แถมยังรู้ว่าคนอย่างอาเพียวต้องรับมืออย่างไรถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ถึงจะปะทะฝีปากกันไปหลายครั้ง แต่เธอก็ยังคงวิจารณ์อย่างเป็นกลาง ไม่ทำลายผลงานของเขา ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเล่นงานจุดด้อยของเขาที่ทำตัวเข้ากับคนอื่นได้ยาก
ลำพังแค่เรื่องนี้คนในทีมอีกสามคนก็มองเสี่ยวเชี่ยนเปลี่ยนไปทันที
“งั้นหมอเฉินครับ เมื่อกี้ที่หมอเฉินถุยน้ำลายใส่ข้าว เพราะรู้นิสัยของลูกพี่ผมใช่ไหมครับ?” มีคนถามด้วยความเลื่อมใส
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า
“ไม่เกี่ยวค่ะ นั่นฉันทำไปเพราะหมั่นไส้ล้วนๆ สามีฉันเก่งขนาดนี้ฉันย่อมภูมิใจ แต่ฉันไม่ใช่พระเจ้า เจอคนทำตัวน่าหมั่นไส้ก็อยากจะ ‘เอาคืน’บ้าง พวกคุณคงไม่รังเกียจที่ฉันทำแบบนี้ใช่ไหมคะ?”
คำพูดตรงๆของเสี่ยวเชี่ยนสร้างรอยยิ้มให้คนในห้อง
และก็ถือการบอกขอบเขตความอดทนของตัวเองโดยใช้วิธีพูดอีกแบบ ตัดความกังวลของทุกคน
พวกเขากลัวหัวหน้าทีมที่แสนงี่เง่าพูดจาล่วงเกินเธอ กลัวจะถูกอวี๋หมิงหลางล้างแค้น เสี่ยวเชี่ยนจึงพูดให้เคลียร์ตรงนี้ไปเลย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยสร้างความเข้าใจให้คนของสามีเธอ วิธีนี้ใช้ออกมาได้เหมาะสมมาก
ด้วยเหตุนี้หลังจากอาเพียวกลับมาจากห้องน้ำพอเห็นทุกคนในห้องต่างคุยกันอย่างสนุกสนานเขาก็ถึงกับอึ้ง
ในใจเหมือนมีลมหนาวพัดผ่าน
เขาออกไปแค่ครู่เดียว ทำไมคนของเขาถูกเฉินเสี่ยวเชี่ยนซื้อไปได้?
“หมอเฉินครับผลไม้นี่ของหมอ ผู้หญิงกินผลไม้เยอะๆผิวสวยนะครับ” หมอตี๋เอาผลไม้ของตัวเองให้เสี่ยวเชี่ยน
เปรี้ยง อาเพียวสะเทือนใจ
ไอ้สองคนนั้นดีกับเฉินเสี่ยวเชี่ยนยังไม่เท่าไร แต่หมอนั่นทำไมเอากับเขาด้วย นายเป็นคนของฉันนะโว้ย! ทำไม ‘ทรยศ’ ฉัน?
อาหารของหน่วยรสชาติใช้ได้ แถมแต่ละมื้อยังมีผลไม้ให้ เดิมหมอตี๋ไม่ชอบกินผลไม้อยู่แล้วปกติจะยกให้อาเพียว วันนี้พออาเพียวเห็นผลไม้ที่ควรจะเป็นของตัวเองถูกเอาไปให้เสี่ยวเชี่ยน เขาก็สะเทือนใจมาก
ปกติเสี่ยวเชี่ยนกินไม่เยอะอยู่แล้ว กินนิดหน่อยก็อิ่ม แต่พอเห็นสีหน้าของอาเพียวเธอก็ไม่ถือสาที่จะกินเยอะหน่อย กินอย่างเอร็ดอร่อยต่อหน้าต่อตาอาเพียว จากนั้นก็หันไปยิ้มแย้มกับหมอตี๋
“หวานมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เปรี้ยง!
อาเพียวรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่ากลางหัวอีกรอบ นี่เขาถูกทีมเขี่ยทิ้งเหรอ!
“ยืนทำอะไรน่ะรีบมากินข้าวสิ กินเสร็จยังต้องรีบทำงานต่อ เหลือแค่นายแล้วนะ” หมอตี๋พูดกับอาเพียวพร้อมพูดเสียดแทงใจอาเพียวไปหนึ่งที
หมดกัน ซี้ฉันก็ถูกเฉินเสี่ยวเชี่ยนซื้อตัวไป ชีวิตทำไมมันเศร้าขนาดนี้…
อาเพียวมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างสงสัย ผู้หญิงคนนี้ใช้เวทมนตร์คาถาอะไร เขารู้สึกได้เลยว่าหลังจากที่เขาออกไปเข้าห้องน้ำแค่ไม่กี่นาที คนในทีมก็มีท่าทีเปลี่ยนไปกับเฉินเสี่ยวเชี่ยน
“หัวหน้าอาเพียว…” เสี่ยวเชี่ยนกินข้าวเสร็จนั่งพิงพนักกินผลไม้อย่างสบายใจ
“ทำไม?” อาเพียวเหล่มองผลไม้ในมือเสี่ยวเชี่ยนอย่างไม่พอใจ ผลไม้ของหมอตี๋มันควรต้องเป็นของเขาสิ
“พ่อหรือแม่คุณมีสักคนที่เป็นคนเก่งมากๆใช่ไหมคะ?”
“แค่กๆ!” อาเพียวสำลักเกือบพ่นข้าวในปากออกมา สมาชิกในทีมขยับหนีด้วยความรังเกียจ
“ลูกพี่ทำไมกินสกปรกแบบนี้ ทำไมใช้จมูกกินข้าว!”
อาเพียวไออยู่หลายที จากนั้นก็หันไปค้อนขวับให้คู่หูคู่ฮาสองคนนั้น
“พวกนายใครปากเปราะเอาเรื่องครอบครัวฉันไปพูด?”
พ่อของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่เก่งที่สุดในประเทศ เคยผ่าตัดเปิดกะโหลกที่อาการหนักมากเป็นเคสแรกของประเทศ เป็นไอดอลในใจของอาเพียวเสมอมา
“พวกเราไม่ได้พูดนะ!” คู่หูคู่ฮาทำหน้าน้อยใจ มีใครพูดเรื่องนี้ที่ไหนกัน
อาเพียวครุ่นคิด หรือรักษาการหัวหน้าใหญ่จะเอาไปพูด?
ไม่น่านะ นอกจากเรื่องงานแล้ว เขาก็ไม่ค่อยได้คุยกับหัวหน้าใหญ่เท่าไร เขารู้แค่ว่าหัวหน้าใหญ่มีบารมีมากในหน่วย ผลงานยาวเป็นหางว่าว ทำภารกิจที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้สำเร็จมาแล้วมากมาย—ตอนนี้รู้เพิ่มอีกอย่าง ได้เมียเป็นผู้หญิงกวนประสาท
ในเมื่อรักษาการหัวหน้าใหญ่ไม่รู้เรื่องครอบครัวของเขา แล้วผู้หญิงน่ารำคาญที่ถุยน้ำลายใส่ข้าวคนอื่นนี่รู้ได้ยังไง?
“ฉันลองวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้นิสัยคุณเป็นแบบนี้ดู ดูจากนิสัยขวานผ่าซากของคุณแล้ว ตัดเรื่องความเป็นไปได้ที่จะมีความทรงจำอันเลวร้ายในวัยเด็กไปได้เลย ถ้าอย่างนั้นสาเหตุที่ทำให้คุณกลายเป็นคนมีบุคลิกแบบที่หก มีความเป็นไปได้ว่าจะมาจากการต้องการเป็นที่ยอมรับจากพ่อ ดูท่าฉันจะทายถูกสินะคะ ได้รับคำชมจากคนเก่งๆคงเป็นเป้าหมายของคุณสินะคะ?”
คำพูดนี้ของเสี่ยวเชี่ยนทำอาเพียวหน้าแดงก่ำ ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะถูกพูดแทงใจดำเข้า
“คุณ คุณ ไม่ได้พูดถูกทั้งหมดหรอก”
หาเหตุผลมาปฏิเสธไม่ได้ เถียงไม่ออก
เสี่ยวเชี่ยนเอาเมล็ดผลไม้ทิ้งลงถังขยะ เช็ดมือ แล้วพูดอย่างสบายๆ
“พี่ชาย ตั้งใจทำงานนะ รอถึงวันที่พี่ได้พิสูจน์ตัวเอง คนเก่งๆอย่างฉันอาจจะยอมรับในตัวพี่ขึ้นมาก็ได้”
“พูดเกินไปแล้วนะ!” อาเพียวเถียงสู้เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ ทำไมผู้หญิงคนนี้หน้าด้านแบบนี้ กล้าพูดว่าตัวเองเก่งด้วย!
หมอตี๋คีบเนื้อยัดใส่ปากอาเพียว แล้วตบบ่าเขา
“ต่อไปอย่าต่อปากต่อคำกับหมอเฉินดีกว่านะ”
อาเพียวเกือบสำลัก เขามองเพื่อนซี้ของตัวเองอย่างน้อยใจ “เขาซื้อตัวนายไปแล้วเหรอ?”
“โง่น่า ฉันปกป้องนายอยู่นะเนี่ย”
คนมีตาต่างมองออก หมอเฉินนี่ระดับเทพ ไม่ใช่แค่เก่งเรื่องาน ยังรู้จักวางตัวให้เข้ากับคนอื่นได้ง่ายๆ ทิ้งอาเพียวชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น คิดจะสู้กับหมอเฉินก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวเอง
หมดกัน โลกนี้มันอะไรกัน อาเพียวก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเซ็งๆ จนกระทั่งหมอตี๋คีบน่องไก่ที่เหลือไว้ให้ เขาจึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
ช่วงบ่ายพวกเขาทำงานกันต่อ หลักคือศึกษาและวิเคราะห์ชีวิตที่ผ่านมาของผู้ต้องหาคนนี้ พอได้รู้ว่าคนๆนี้เลวร้ายขนาดไหนทุกคนต่างก็อึ้ง