เมื่อเจอกับคนที่จิตใจโหดร้ายอำมหิตแบบนี้ คู่หูก็ขอแสดงความคิดเห็นหน่อย
“ถึงแม้การพูดแบบนี้จะไม่เหมาะเพราะงานที่พวกเราทำอยู่ แต่ผมอยากจะหั่นคนเลวระยำนี่ให้เป็นชิ้นๆเลยจริงๆ ในประวัติการก่อคดี มีเด็กผู้หญิงที่อายุแค่ไม่กี่ขวบด้วย ทำลงได้ยังไง? ตัดสินโทษตายยังน้อยไปเลยด้วยซ้ำ!”
“ใช่ๆ! มันฆ่าไปตั้งกี่ชีวิตแล้ว เหยื่อตั้งหลายคนที่เป็นเด็ก เอาไปยิงให้ตายยังเมตตามันมากไปเลยด้วยซ้ำ!”
ความฉลาดและความเลือดเย็นของผู้ต้องหาคนนี้นับว่าหาได้ยากมาก
ไม่เพียงแต่จะทำการฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น คนร้ายคนนี้ยังมีมันสมองในเรื่องการหลอกเอาทรัพย์ ความผิดที่เขาได้ทำจับไปยิงเป็นสิบๆครั้งก็ยังไม่พอชดใช้หลายชีวิตที่ตายไป คนๆนี้ฉลาดเป็นกรด กระทำการได้แนบเนียนมาก
เนื่องจากถูกแฉเรื่องหลอกเอาเงิน ตำรวจจึงบุกไปจับถึงบ้าน แต่คนร้ายพอได้ยินเสียงก็หนีไป ทางตำรวจเจอรูปถ่ายในคดีฆาตกรรมก่อนๆ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างตกใจเป็นอย่างมาก
มีแต่รูปถ่ายของเหยื่อติดเต็มฝาผนัง!
จากหลักฐานที่เจอในบ้านก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนๆนี้เป็นฆาตกรในหลายๆคดี เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก!
และเนื่องจากความโหดเหี้ยมอำมหิตของคนๆนี้สร้างผลกระทบเป็นอย่างมาก เบื้องบนจึงให้ความสำคัญและใช้มาตรการตามจับข้ามมณฑล จะปล่อยให้ปีศาจในร่างมนุษย์ไปทำชั่วไม่ได้อีกเด็ดขาด
ขณะเดียวกันการศึกษาตัวบุคคลๆนี้ก็ได้กระทำการกันอย่างลับๆ งานด้านจิตวิทยาในประเทศนี้ยังอยู่ในช่วงระยะแรกเริ่ม คนที่มีบุคลิกพิเศษแบบนี้จึงเหมาะมากที่จะนำมาศึกษาวิจัย เป็นประโยชน์มากต่อการศึกษาเรื่องยีนของผู้กระทำความผิด
ช่วงวันแรกๆของการศึกษาจะเน้นไปที่ชีวิตของคนๆนี้ตั้งแต่เด็กจนโต ถ้าตัดเรื่องความไม่พอใจเล็กๆน้อยๆเมื่อเช้าทิ้ง หลังเสร็จงานตอนบ่าย นอกจากอาเพียวที่ยังวางมาดไม่ชอบเสี่ยวเชี่ยน คนอื่นๆรวมถึงหมอตี๋ที่รับมือยากที่สุดต่างทึ่งในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน
พอเลิกงานแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็ไปหาอวี๋หมิงหลาง เขาไม่อยู่ในห้องทำงานเธอจึงไปถามคนอื่นจึงได้รู้ว่าเขาอยู่ในสนามฝึก ซึ่งก็คือที่ที่ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับเสี่ยวเชี่ยน
เธอปฏิเสธคนถูกถามที่แสดงน้ำใจจะนำทางไปให้อย่างมีมารยาท เสี่ยวเชี่ยนเดินไปที่สนามฝึกตามลำพัง
เวลานี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว ตรงสนามฝึกมีเสียงตะโกนของเหล่าทหารกล้า บรรยากาศชวนปลุกเร้าอารมณ์
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เข้าไปหาอวี๋หมิงหลาง เธอยืนดูอยู่ด้านนอก
ผู้ชายของเธอยืนอยู่บนแท่น มองทหารสองคนกำลังสู้กัน ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าแบบที่เสี่ยวเชี่ยนน้อยครั้งจะได้เห็น
ดูภูมิใจ พอใจ ชื่นชม สายตาที่เขามองทหารทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ทหารทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นทหารที่เขาคัดมาเองกับมือ ถือเป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
ในที่สุดทหารสองคนนั้นก็สู้กันเสร็จ คนชนะดูภูมิใจมากตะโกนถามอวี๋หมิงหลางเชิงอวด
“หัวหน้าใหญ่ ผมชนะแล้ว! ตามสัญญา เย็นนี้ต้องเพิ่มอาหารให้กลุ่มผมใช่ไหมครับ?”
“แน่นอน! ผมพูดคำไหนคำนั้นเสมอ!” คำตอบของอวี๋หมิงหลางสร้างความครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เสี่ยวเชี่ยนเห็นภาพตรงหน้าก็สนุกตามไปด้วย คนหนุ่มพวกนี้ยังมีจิตใจที่ทะเยอทะยานอยู่ในตัว อวี๋หมิงหลางเป็นกันเองกับพวกเขามาก ดูออกเลยว่าเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนอื่น ขอแค่มีความสามารถมากพอ ใครก็เป็นพี่น้องกับเขาได้ ไม่ได้มีการถือตัวตามยศแบบระบบในอดีต
เดิมอวี๋หมิงหลางดูการประลองเสร็จก็ควรจบงานตรงนี้แล้ว เขาอยากกลับบ้านพร้อมเสี่ยวเชี่ยน แต่พอเงยหน้าก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ไม่ไกลกำลังยิ้มให้เขาอยู่ อวี๋หมิงหลางมองข้ามกลุ่มทหารตรงหน้าสบตากับเธอ เขารู้สึกว่าอากาศดูสดชื่นกว่าปกติมาก
ทหารคนที่ชนะสังเกตเห็นสายตาของหัวหน้าใหญ่คนที่เขาเลื่อมใสดูเปลี่ยนไปจึงมองตามสายตาของอวี๋หมิงหลาง พอเห็นสีสันที่อยู่ริมสนามฝึกจึงตะโกนบอกทุกคน
“ทุกคนอย่าทำหัวหน้าใหญ่เสียเวลา ไม่เห็นเหรอว่าพี่สะใภ้มาแล้ว?”
คนหนุ่มชอบหาอะไรสนุกๆทำกันเสมอ มีคนร่วมสมทบทันที
“ใช่ หัวหน้าใหญ่อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน คืนนี้มีภารกิจต้องทำ ไม่รู้ว่าอดีตแชมป์ศิลปะป้องกันตัวในตอนนั้นจะแข้งขาอ่อนเพราะแบบนี้หรือเปล่า?”
“ฮ่าๆ!”
เดิมนี่เป็นแค่การล้อเล่นขำๆ แถมคนที่แซวก็เป็นหัวหน้าเล็กสองคน ซึ่งก็คือคนที่ประลองกันเมื่อครู่
หากเป็นตอนปกติอวี๋หมิงหลางก็แค่ยิ้มๆแล้วปล่อยผ่าน แต่วันนี้ไม่ได้
ไม่เห็นเหรอว่าคนสวยของเขายืนมองอยู่ตรงนั้น?
ครั้นแล้วเขาจึงวอร์มมือ ยิ้มพลางประกาศสงครามกับหัวหน้าเล็กที่พูดว่าเขาแข้งขาอ่อนคนนั้น
“จะอ่อนไม่อ่อนลองดูกันสักตั้งไหมล่ะ?”
ทหารคนอื่นๆพากันส่งเสียงเชียร์ ได้ยินกิตติศัพท์ความเก่งของหัวหน้าใหญ่มานาน แต่ยังไม่เคยเห็นกับตา
หัวหน้าเล็กที่เพิ่งชนะเมื่อครู่ถึงกับลังเล เขาเคยได้ยินความเก่งของอวี๋หมิงหลางมามาก
“ถ้านายชนะฉันได้ ทีมของนายจะได้เพิ่มอาหารหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะควักตังค์ออกเอง เป็นไง?”
อวี๋หมิงหลางพูดโดยสายตาไม่ละจากเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนยิ้มพลางมองเขากับลูกน้องท้าประลองกัน
“หัวหน้าสู้กับหัวหน้าใหญ่เลย! หนึ่งอาทิตย์เลยนะ!”
“ใช่ๆ! เอาเลยๆ!”
เสียงยุเริ่มดังมากขึ้น ถึงขนาดที่พากันตะโกนว่าสู้เลยอย่างเป็นจังหวะ บวกกับน่องไก่ยั่วๆที่จะได้เพิ่มทั้งอาทิตย์ หัวหน้าเล็กก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที เพื่อน่องไก่ของพวกพ้อง สู้โว้ย!
แรงฮึกเหิมทำเพื่อน่องไก่ของลูกทีมนั้นน่าอัศจรรย์ก็จริง แต่มีเหรอจะเอาชนะผู้ชายที่อยากอวดสาวได้?
ไม่กี่นาทีต่อมาหัวหน้าเล็กก็ถูกอวี๋หมิงหลางจับกดพื้นอัดจนหน้าฟกช้ำเขียวปูด อวี๋หมิงหลางปัดมือลุกขึ้นยืน หันไปมองเสี่ยวเชี่ยนเหมือนเด็กขอรางวัล พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เขาก็พอใจสุดๆ รีบเดินเข้าไปหาเธอ
หัวหน้าเล็กที่ถูกอวี๋หมิงหลางอัดจนหมดสภาพนอนหงายมองท้องฟ้าที่กำลังจะมืดลงอย่างหมดหวัง
ในใจเกิดความคิดอยู่อย่าง น่องไก่ที่ตอนแรกได้มา ตอนนี้หายไปแล้วสินะ…
ห้ามมองข้ามแรงต่อสู้ของผู้ชายที่อยากทำอวดสาวเด็ดขาด และก็ห้ามยั่วยุผู้ชายแบบนี้ นี่คือผลจากการท้าทายที่ต้องแลกด้วยน่องไก่
ฝนไม่ตกมาหลายวันแล้ว คืนนี้อากาศอบอ้าว แต่มีคนสองคนที่ได้เลิกงานพร้อมกันเป็นครั้งแรก เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางเดินเคียงข้างกันไปโดยไม่รู้สึกว่าอากาศร้อน เขาภูมิใจสุดๆที่ตัวเองชนะ ทั้งสองคนมองตาหวานซึ้ง
นอกจากคำพูดที่เขาพูดว่า มาแล้วเหรอ เสี่ยวเชี่ยนตอบกลับไปว่า อืม จากนั้นก็ไม่มีการสนทนาอะไรกันอีก
แต่ตอนนี้ภาษาใจส่งถึงกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย เดินเคียงข้างกันไปต่างสัมผัสได้ถึงความหวานที่โอบล้อมรอบตัว ทำให้วันที่อากาศร้อนอบอ้าวดูไม่ร้อนจนเกินไป คล้ายกับได้ความเย็นจากน้ำแข็งไสกลิ่นผลไม้ แค่เห็นก็สดชื่นหัวใจ ความรู้สึกของคนรักกันชวนให้หัวใจชุ่มฉ่ำอยู่เสมอ คนรอบกายต่างพากันอิจฉา
เมื่อกลับถึงบ้านอวี๋หมิงหลางก็ไม่ต้องวางมาดขรึมอีกต่อไป ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังก้มตัวเปลี่ยนรองเท้า เขาก็ทนไม่ไหวจับเธอกดกับกำแพงแล้วจูบ เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างนอกเขาอยากทำแบบนี้แทบขาดใจ
ถ้าไม่มีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่น่ารำคาญมาขัดจังหวะคนหน้าด้าน เขายังคิดจะไปต่อที่เตียงด้วยซ้ำ!
“ไห่เจา มีไรวะ? อ่อ รอเดี๋ยวนะ”
อวี๋หมิงหลางยื่นโทรศัพท์ให้เสี่ยวเชี่ยน เธอรับมาคุยสักพักแล้วตบบ่าอวี๋หมิงหลาง
“ลงไปรับเพื่อนนายขึ้นมาหน่อย”
“มีเรื่องเหรอ?” อวี๋หมิงหลางฟังดูก็รู้ว่าเพื่อนสนิทเขามาหาครั้งนี้ไม่ได้มาชวนกินเหล้าคุยสารทุกข์สุขดิบธรรมดา
“อืม กันชาบูของเขามาตั้งเยอะ วันนี้ถึงเวลาใช้คืนแล้ว”
ทำอะไรไว้ช้าเร็วก็ต้องชดใช้!