อวี๋หมิงหลางลงไปรับไห่เจาและถือโอกาสแวะซื้อกระดาษทิชชู่ด้วย
เขาเดินถือทิชชู่หนึ่งแพ็คออกมาจากร้านขายของชำแล้วเดินไปยังป้อมยามหน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็มองซ้ายมองขวา
ไห่เจาสะกิดบ่าอวี๋หมิงหลาง “จงใจ?”
คนตัวเบ้อเริ่มยืนอยู่ตรงหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นหมายความว่าไง?
หัวหน้าใหญ่ที่แสนเก่งกาจของหน่วยรบพิเศษ แม้แต่ผู้ร้ายที่ปลอมตัวเป็นอย่างดีก็ไม่อาจเล็ดรอดสายตาไปได้ มีเหรอจะจำเขาไม่ได้?
อวี๋หมิงหลางยิ้มฮี่ๆให้ “นี่ถ้านายไม่พูดฉันยังคิดว่าคนเร่ร่อนที่ไหนมาโผล่หน้าหมู่บ้านนะเนี่ย เกือบให้ยามสงเคราะห์น้ำให้ขวดนึงแล้ว”
“พอเลย!” ไห่เจาตอบโต้อย่างหมดแรง
อวี๋หมิงหลางแกล้งล้อเล่นกับไห่เจา แต่ก็โทษเสี่ยวเฉียงไม่ได้หรอก
เพิ่งไม่เจอกันสองวัน แต่ไห่เจาดูโทรมลงไปมาก หนวดเคราขึ้นเต็มคาง เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหล้า เสื้อผ้ายับยู่ยี่เหมือนใบผักดอง ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง
“เพื่อน ไหนว่ามาซิสองวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น? จึ๊ๆ ดูหัวดิ นี่ทรงฟ้าผ่ากลางหัวเหรอ!” อวี๋หมิงหลางเอามือไปลูบหัวไห่เจา พอไหว ยังไม่มันเท่าไร ไม่มีรังแคร์ แค่ยุ่งเหยิง
“จะอะไรได้เล่าก็คนตระกูลอวี๋อย่างพวกนายนี่ไง ไม่ต้องมาซ้ำเติมกันเลย”
สองวันที่ผ่านมาไห่เจาอยู่อย่างยากลำบาก
เมาหัวราน้ำ กว่าจะอยู่มาจนถึงเวลาที่เสี่ยวเชี่ยนนัดได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“ทำตัวจะผูกคอตายที่ต้นไม้ต้นนี้ให้ได้ ยัยผู้หญิงป่าเถื่อนใจดำนั่นมีดีตรงไหน?”
อวี๋หมิงหลางได้ฟังเรื่องจากเสี่ยวเชี่ยนแล้ว ถึงอวี๋หมิงซีจะเป็นพี่สาวของเขา แต่เขาก็ไม่พอใจเรื่องที่มองน้ำใจของคนอื่นเป็นสิ่งไม่มีค่า เรื่องนี้เขาอยู่ข้างไห่เจา ไม่ขออยู่ข้างผู้หญิงใจดำอย่างอวี๋หมิงซี
ไห่เจาฝืนยิ้ม
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้ยึดติดขนาดนี้ ถึงได้มาหาเมียนายที่เป็นเหมือนเทพนี่ไงล่ะ”
คิดอยู่สักพักไห่เจาก็ถามขึ้นมาอีก
“ถ้าเมียนายเป็นตายก็ไม่ชอบนาย นายจะยอมผูกคอตายอยู่ที่ต้นไม้ต้นนี้ไหม หรือจะเปลี่ยนไปต้นอื่น?”
“ถามอะไรไร้สาระ นอกจากเขาแล้วใครหน้าไหนฉันก็ไม่เอา”
“ขนาดนายยังทำตัวยึดติด แล้วกล้าดียังไงมาสอนไม่ให้ฉันผูกคอตายใต้ต้นไม้ต้นนี้?”
อวี๋หมิงหลางมองไห่เจาด้วยสายตาเห็นใจ
“ถึงเมียฉันจะเป็นคนที่ดูเย็นชาภายนอก แต่เรื่องความรักฉันว่าเมียฉันมีจิตใจเมตตากว่าอวี๋หมิงซีเยอะ”
อวี๋หมิงหลางไม่ได้ตั้งใจจะชมเมียตัวเอง
อยู่ข้างนอกเสี่ยวเชี่ยนทำตัวโหดแค่ไหน แต่กับคนรอบตัวเธอก็ดีด้วยมากเท่านั้น
อวี๋หมิงหลางเป็นคนที่ได้เข้าใกล้หัวใจเธอมากที่สุด เธอใจกว้างกับเขามาก ต่อให้วันแต่งงานเขาต้องออกไปทำภารกิจ หลังจากนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้คิดแค้นเขา เรื่องนี้อวี๋หมิงหลางจะจดจำไปตลอดชีวิต
แต่อวี๋หมิงซีไม่เหมือนกัน จะกับใครก็ทำตัวเหมือนกัน ไม่ยินดียินร้าย ไม่เปิดใจกับใครทั้งนั้น
จะว่าสุดโต่งเหรอก็ไม่ใช่
เหมือนกับว่าเธอเย็นชากับทุกคน มีชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง กับคนในครอบครัวก็รักษาระยะห่างไม่มากไม่น้อยเกินไป
ไห่เจาเลือกใครไม่เลือก จะเลือกจีบผู้หญิงเลือดเย็นแบบนี้ให้ได้ ขนาดอวี๋หมิงหลางที่เป็นแฝดน้องยังรู้สึกสงสารไห่เจา
“เห้อ เขาเป็นคนยังไงไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือชอบก็คือชอบ”
…
“ชอบก็คือชอบ”
คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของเสี่ยวเชี่ยนหลังจากนั้นสองชั่วโมง
ภายในห้องที่อยู่ข้างหลังเสี่ยวเชี่ยนมีเสียงร้องไห้อย่างคนเสียสติของไห่เจาดังลอดออกมา
อวี๋หมิงหลางมองเธอ เมียของเขาขังตัวเองอยู่กับไห่เจาในห้องถึงสองชั่วโมง ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับไห่เจาไปบ้าง พอเสี่ยวเชี่ยนออกมาพูดแค่ประโยคนี้ก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนาของไห่เจา
“ถ้าคุณไม่ไปเป็นแม่หมอก็น่าเสียดายนะ ผมไม่เคยเห็นไห่เจาร้องไห้เลยตั้งแต่เด็กจนโต”
นี่เมียเขาทำอะไรกับไห่เจากันแน่?
“ฉันทำให้เขาได้ระบายความรู้สึกแย่ๆออกมา อย่าไปรบกวนเขา ไปเถอะ ออกไปซื้อของกินกัน”
เสี่ยวเชี่ยนชวน
ไห่เจามีแรงกดดันภายในใจมาก เสี่ยวเชี่ยนจึงใช้โอกาสนี้ให้เขาได้ระบายออกมา เพื่อไม่ให้ไห่เจารู้สึกอายเธอจึงออกมาข้างนอก
“คุณได้ข้อสรุปบ้างหรือยัง?” พอออกมาข้างนอกอวี๋หมิงหลางก็ถามเสี่ยวเชี่ยน
“ข้อสรุป? ก็บอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ชอบก็คือชอบ” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหนือความคาดหมายนิดหน่อยกับคำตอบ แต่ก็รู้สึกว่าคำตอบมันก็ควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
อัตราการชอบอย่างแท้จริงของคนแอบรักมีน้อยมาก ก็เหมือนกับที่เธอเคยยกตัวอย่างไป หลายคนหลงใหลของสิ่งหนึ่งที่ตัวเองซื้อไม่ได้ แต่พอซื้อกลับมาได้กลับมีน้อยคนที่ชอบมันจริงๆ หลังจากหมดความตื่นเต้นแล้วความเบื่อก็เข้ามาแทนที่
แต่ก็ไม่ตัดคนที่ชอบจริงๆทิ้ง เปอร์เซ็นต์มีน้อยมาก ไห่เจาเป็นหนึ่งในนั้น
“คุณแน่ใจเหรอ?”
“แน่นอน วิธีรักษาที่ฉันใช้กับเขาก็คือมองข้ามอดีต อยู่กับปัจจุบัน ขุดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ปล่อยไปตามธรรมชาติ ในใจของเขามีพี่เสี่ยวซีอยู่จริงๆ”
นี่แหละคือเรื่องน่าเศร้า
“แล้วต่อไปคุณจะเอาไงต่อ?” เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงแฝดพี่ผู้เลือดเย็นของอวี๋หมิงหลาง เขาจึงต้องถาม
“ก็ปล่อยให้มันเป็นไป—พรุ่งนี้ฉันไม่ไปที่หน่วยนะ นายบอกตารับขี้หงุดหงิดในทีมฉันให้ด้วย”
“ตารับขี้หงุดหงิด?”
“อาเพียวไง ตาคนที่เหมือนระบบขับถ่ายไม่ดีน่ะ”
“คุณจะไปไหน?”
“ฉันจะดูคอนเสิร์ตของพี่เสี่ยวซี”
“เรื่องลาน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่เท่าที่ผมรู้จักอาเพียว เขาจะยิ่งไม่พอใจคุณเพราะเรื่องนี้”
เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองเขา “ดังนั้น นายไม่อยากให้ฉันลา?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ผมแค่อยากบอกว่า ตอนกลับมาทำงานถ้าอาเพียวทำไม่ดีกับคุณ คุณก็เพลาๆมือหน่อยนะ สั่งสอนนิดหน่อยก็พอ อย่าเอาให้ถึงขั้นพิการล่ะ หน่วยผมยังต้องการคนแบบนี้อยู่”
อวี๋หมิงหลางเป็นหัวหน้าใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาดูคนเป็น ถ้าอาเพียวกล้าเล่นงานเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนก็กล้าเล่นแรงกลับ เมียเขาไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้น
“อืม เห็นแก่หน้านายหรอกนะ ฉันจะเพลาๆมือกับน้องชายคนนี้หน่อยก็แล้วกัน อันที่จริงไม่ว่ายังไงถึงน้องชายคนนี้จะชอบมีความคิดเพี้ยนๆ แต่ก็ไม่ใช่คนเลว ก็แค่เป็นคนตรงเกินไป กล้าแม้กระทั่งกับเมียหัวหน้าใหญ่ ก็แสดงว่าเป็นคนที่กล้าพอตัว แถมยังขี้อิจฉาด้วย ไว้ฉันจัดการอีกแค่สองครั้งก็เอาอยู่แล้ว”
อวี๋หมิงหลางจุ๊บเธอ เขากับเธอมีทัศนคติในการปฏิบัติต่อคนอื่นที่เหมือนกัน แต่เขาแปลกใจอยู่เรื่องหนึ่ง
“ทำไมเรียกว่า ‘ตารับขี้หงุดหงิดล่ะ’”
“…เซ้นส์ฉันบอกว่าเขาเป็นรับ ฉันยังไม่ได้เล่นงานเรื่องที่นายไม่ช่วยปกป้องฉันเลยนะ””
“ก็ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณสู้พวกเขาได้ รอตอนที่คุณเจอเรื่องที่รับมือไม่ได้ก่อนแล้วผมจะช่วยเอง”
เสี่ยวเชี่ยนเบ้ปาก “รู้ดีจริงๆ บนโลกนี้มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ฉันรับมือไม่ได้ พรุ่งนี้รอดูเถอะว่าฉันจะจัดการอวี๋หมิงซีที่รับมือยากที่สุดในบ้านยังไง!”
มั่นใจแบบนี้นี่แหละ ของจริง!
“อ่อ แล้วเรื่องสะกดจิตแบบแทรกซึมคราวก่อนคุณจัดการได้?” อวี๋หมิงหลางเบรกเธอด้วยเรื่องนี้
เสี่ยวเชี่ยนโมโหไล่ทุบเขาทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะอย่าหนี!”
พอทั้งสองคนซื้อของกลับมาไห่เจาก็ไปแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนส่งข้อความหาเขา นัดให้พรุ่งนี้ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน ไห่เจาแทบจะตอบกลับในทันที
ไม่ไป