บทที่ 285 เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
“นั่นมันเสียงอะไรน่ะ?”
ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่บริเวณท่าเรือ ถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงครวญครางดังออกมาจากหน้าจอ
อยู่ดีๆ ทำไมถึงมีคนส่งเสียงร้องออกมาอย่างนั้น?
“โอ๊ะ ข้าเข้าใจแล้ว มันคงเป็นเสียงร้องไห้ของพวกหลินเป่ยเฉินนั่นเอง” ใครคนหนึ่งพูดออกมาเสียงดัง
เสียงร้องไห้อย่างนั้นหรือ?
นับว่าเป็นเสียงร้องไห้ที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
บนหน้าจอในขณะนี้กำลังแสดงให้เห็นว่าเรือรบหมาป่าไฟกับเรือรบร้านขายอัญมณีหลิวไคได้เคลื่อนเข้ามาเผชิญหน้ากันแล้ว
เพียงพริบตาเดียว ระยะห่างระหว่างเรือทั้งสองลำก็เหลือไม่กี่สิบวา
เข้าสู่ระยะต่อสู้
การต่อสู้เริ่มต้นอีกครั้ง
หัวใจของกลุ่มคนดูเต้นด้วยความลุ้นระทึกไปพร้อมๆ กัน
ในการแข่งขันก่อนหน้านี้ ซูเสี่ยวหยานสามารถทำคะแนนได้ดีกว่าโจวเค่อ ยามอยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง ผู้คนมักเรียกขานนางว่าเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาประจำเมืองร่วมกับหลิงเฉินและคังซานเสว่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของชื่อเสียง พละกำลัง หรือระดับพลังยุทธ์ ซูเสี่ยวหยานล้วนแต่มีความสูงส่งมากกว่าโจวเค่อ
แล้วหลินเป่ยเฉินจะสามารถเอาชนะนางอย่างง่ายดายได้หรือไม่?
ไม่กี่อึดใจต่อมา ภาพการต่อสู้ก็ปรากฏขึ้น
แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ เรือรบร้านขายอัญมณีหลิวไคไม่ได้ใช้กลยุทธ์เดิมจากครั้งที่แล้ว
เพราะเมื่อเรือรบทั้งสองลำแล่นเข้ามาอยู่ในระยะต่อสู้ ไป๋ชินหยุนก็เดินไปหยิบสมอเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นมาเหวี่ยงเหนือศีรษะอยู่ประมาณ 4-5 รอบ ก่อนที่นางจะโยนมันข้ามไปที่เรือหมาป่าไฟ
กลุ่มคนดูเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
สมอเหล็กนั้นมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 400 ชั่ง
เมื่อรวมเข้ากับสายโซ่ที่ติดอยู่กับสมอเหล็กนั้นแล้ว ก็จะได้น้ำหนักรวมถึง 2,000 ชั่ง แทบเป็นไปไม่ได้ที่เด็กสาวตัวเล็กๆ จะสามารถโยนมันออกไปได้ไกลหลายสิบวา
แต่ไป๋ชินหยุนกลับสามารถทำได้ไม่มีปัญหา
สมอเหล็กลอยละล่องข้ามน้ำทะเลตกลงไปยังดาดฟ้าเรือหมาป่าไฟ สายโซ่ส่งเสียงดังแกรกกราก แล้วตะขอเหล็กบนสมอก็ยึดตัวเข้ากับกราบเรืออย่างแน่นหนา เกิดเป็นสะพานสายโซ่เชื่อมต่อระหว่างเรือทั้งสองลำ
“ให้ตายเถอะ”
บรรดาคนดูได้แต่อุทานออกมาไม่รู้ตัว
มีคนจำนวนมากไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็น
เด็กสาวคนนี้มีขนาดร่างกายไม่ได้ใหญ่โตมากไปกว่าสมอที่นางโยนออกไป แล้วนางไปเอาเรี่ยวแรงมหาศาลมาจากที่ไหนกัน?
บรรดาอาจารย์จากสำนักกระบี่ชื่อดังต่างก็พากันชะงักงันไปอีกครั้ง
“ข้อมูล ส่งข้อมูลของเด็กคนนี้มาให้ข้าเร็วเข้า”
“นางชื่ออะไร? ไป๋ชินหยุนใช่ไหม? ทำไมถึงได้แข็งแรงขนาดนี้?”
“ถ้ายังไม่มีใครหาข้อมูลมาให้ข้าอีก ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ารอดชีวิตแน่”
อาจารย์ใหญ่หลายคนถึงกับรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ไม่ได้แล้ว
ส่วนบริเวณที่นั่งของคนจากกระทรวงกลาโหม หนึ่งในผู้บังคับบัญชาระดับสูงจากหน่วยนักรบเมฆาสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่
เมื่อเปรียบเทียบกับสำนักกระบี่อื่นๆ แล้ว เด็กสาวผู้นี้มีความเหมาะสมกับกองทัพมากที่สุด
เพราะนางมีพละกำลังร่างกายแข็งแกร่ง เหมาะสมสำหรับการสู้รบในศึกสงคราม ซึ่งบางครั้งไม่สามารถรอให้ระดับพลังลมปราณฟื้นฟูกลับขึ้นมาได้ มีแต่ต้องสู้ต่อไปด้วยเรี่ยวแรงในร่างกายเท่านั้น
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเราจะมองข้ามเด็กคนนี้มาตลอด”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นยานคางของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างกายผู้บังคับบัญชา
ส่งผลให้คนที่ได้ยินรู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ
ทุกครั้งที่ผู้บังคับบัญชาได้ยินเสียงนี้และได้เห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของชายหนุ่มผู้นั้น ผู้บังคับบัญชาก็จะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ทั้งๆ ที่ในอดีตผู้บังคับบัญชาคนนี้เคยติดตามหลินจิ้นหนานออกรบเหนือจรดใต้ ได้เห็นยอดฝีมือมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับนายทหารที่มีความใจดำอำมหิต ฆ่าคนไม่ต่างจากผักปลา แต่ทุกครั้งที่ผู้บังคับบัญชาพบหน้าบุรุษหนุ่มผู้นี้ เขาก็มักจะขนลุกเกรียวเสมอ
ตัดกลับไปที่ภาพบนหน้าจอถ่ายทอดสด
“วูบ!”
ฮันปู้ฟู่ทะยานออกไปข้างหน้าเหมือนลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง
เส้นผมสีดำของเขาปลิวไสวไปด้านหลัง สง่างามและว่องไวราวกับเป็นเสือดาวตัวหนึ่ง
ไป๋ชินหยุนเมื่อโยนสมอออกไปแล้ว นางก็ไม่ได้เหนื่อยหอบหรือมีเหงื่อออกสักหยดเดียว เด็กสาวคว้าดาบใหญ่ประจำกายและใช้วิชาตัวเบาไต่ไปตามสายโซ่ที่เชื่อมต่อระหว่างลำเรือ
ความเร็วของเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสี่คนจัดอยู่ในระดับน่ากลัวมาก
มวลอากาศรอบลำเรือทั้งสองปั่นป่วนขึ้นมาทันที
การต่อสู้ที่แท้จริงเกิดขึ้นแล้ว
มี่หรู่หยานเป็นคู่ต่อสู้ของซูเสี่ยวหยาน หัวหน้ากลุ่มหมาป่าไฟ
เด็กสาวทั้งสองนางชักกระบี่ออกมาห้ำหั่นกัน ประกายไฟแลบแปลบปลาบ
ฮันปู้ฟู่สามารถพัวพันหวังซีหลงได้อย่างสูสี
เยว่หงเซียงจับคู่ต่อสู้อยู่กับหลิวเยว่หนาน
ไป๋ชินหยุนตวัดดาบใหญ่เล่นงานหลินผินและหวังหยานหู่ในเวลาเดียวกัน
การต่อสู้ผ่านไปหลายกระบวนท่า
“เจ้าเด็กพวกนี้เสียสติกันไปแล้วหรืออย่างไร?”
“มี่หรู่หยานเลือกเป็นคู่ต่อสู้ของซูเสี่ยวหยาน นับว่านางมั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้ว ฝีมืออย่างนางไม่ใช่คู่มือของซูเสี่ยวหยานเด็ดขาด”
“เพราะแบบนี้เองใช่ไหม ลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามถึงได้ส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างนั้น…?”
บรรดาคนดูเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
พวกเขาคาดเดาผลการต่อสู้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน
แต่ทว่า โฉมหน้าของผู้ชนะกลับไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคาดคิด
มี่หรู่หยานระเบิดพลังสายลมออกมาได้อย่างน่ากลัว ดูเหมือนว่านางจะเลื่อนระดับพลังขึ้นได้อีกหนึ่งขั้น กระบี่ที่ใช้จึงมีความว่องไวยิ่งกว่าพายุ เมื่อผนวกเข้ากับความแข็งแกร่งของพลังลมปราณ ซูเสี่ยวหยานจึงได้แต่รับมือพลางล่าถอยพลาง และเพียงไม่นาน กระบี่ในมือของนางก็เริ่มปัดป้องอย่างสะเปะสะปะ…
“เจ้ามีฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ซูเสี่ยวหยานชักกระบี่กลับคืนมา หลบหนีไปทางด้านหลังลำเรืออย่างรวดเร็ว
มี่หรู่หยานไม่ตอบรับคำใด นางสะกิดเท้าลงบนพื้นเรือและลอยตัวขึ้นไปตามสายลม ติดตามคู่ต่อสู้ไม่ห่างกาย
ซูเสี่ยวหยานได้แต่ล่าถอยเพื่อถ่วงเวลาให้สมาชิกร่วมกลุ่มมาช่วยเหลือ นางล้มเลิกแผนการที่จะเอาชนะมี่หรู่หยานไปนานแล้ว
ข่าวดีก็คือซูเสี่ยวหยานเห็นว่าหลินเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่บนแท่นสังเกตการณ์ที่เรือของตนเองอยู่เหมือนเดิม ดูเหมือนว่าข่าวที่เฉาพั่วเถียนแอบนำมาบอกเมื่อคืนนี้จะแม่นยำใช้ได้ หลินเป่ยเฉินเป็นโรคกลัวทะเล เขาไม่กล้าข้ามมาเพราะกลัวจะตกน้ำตาย
แต่ในไม่ช้า ซูเสี่ยวหยานก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เพราะนางพบว่าสมาชิกกลุ่มของตนเองต่างก็พ่ายแพ้ไปหมดแล้ว
บัดนี้ นางถูกฝ่ายศัตรูล้อมกรอบมาจากทุกด้าน
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?”
…
“ทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
นั่นคือคำถามที่เหล่าคนดูอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน
พวกเขาเห็นฮันปู้ฟู่ซัดกระบี่ของหวังซีหลงหลุดลอยออกไปจากมือ เยว่หงเซียงกระโดดฟันกระบี่เพียงไม่กี่ครั้ง หลิวเยว่หนานก็ต้องโยนกระบี่ในมือทิ้ง เพื่อยกมือขึ้นมาห้ามเลือดบนบาดแผลที่ข้อมือ ไป๋ชินหยุนใช้สันดาบยักษ์ของนางกระแทกเข้าใส่หลินผินกับหวังหยานหู่ต่อเนื่องติดๆ กันจนพวกเขากระอักเลือดออกมาจากปาก…
สมาชิกทั้ง 3 คนจากเรือร้านขายอัญมณีหลิวไค ได้แสดงฝีมือที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พวกเขาใช้เวลาเพียงพริบตาเดียว ก็สามารถจัดการสมาชิกกลุ่มหมาป่าไฟของซูเสี่ยวหยานหมดสิ้น
และซูเสี่ยวหยานผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มก็ถูกมี่หรู่หยานโจมตีต่อเนื่องจนต้องล่าถอยไปยืนจนมุมเพียงลำพัง!
กล่องเหล็กทั้ง 4 ทิศถูกเปิดออก กุญแจที่อยู่ในนั้นถูกหยิบออกมาแล้ว
ซูเสี่ยวหยานเจ็บใจแทบบ้าคลั่ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะมีมี่หรู่หยานยืนขวางหน้าอยู่ทั้งคน คู่ต่อสู้ที่เดิมทีซูเสี่ยวหยานมองว่าสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย บัดนี้ พวกเขากลับกลายเป็นหุบเหวที่นางไม่อาจข้ามผ่านไปได้เสียแล้ว!
ในที่สุด ซูเสี่ยวหยานผู้อยู่ในสภาพหมดเรี่ยวแรง ก็ได้แต่ยืนมองธงประจำเรือหมาป่าไฟถูกฮันปู้ฟู่ดึงลงมาจากเสากระโดงเรืออย่างง่ายดาย!
พ่ายแพ้!
ซูเสี่ยวหยานรู้สึกเหมือนตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
นางอยากจะตอบโต้กลับ อยากจะจุดไฟเผาเรือร้านขายอัญมณีหลิวไคให้จมลงไปใต้ทะเลเสียเดี๋ยวนี้ แต่ถึงแม้ว่าเรือทั้งสองลำจะอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่วา ทว่า สิ่งที่นางต้องการมันกลับเป็นไปไม่ได้…
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ซูเสี่ยวหยานหาคำตอบไม่ได้จริงๆ
แม้แต่กลุ่มคนดูก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน
รวมไปถึงคณะอาจารย์จากสถาบันกระบี่ชื่อดัง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษา ต่างก็ตกอยู่ในอาการพิศวงงงงวย
มี่หรู่หยาน ไป๋ชินหยุน เยว่หงเซียง และฮันปู้ฟู่ มีฝีมือเก่งกาจถึงขนาดนี้ได้อย่างไร!
ฝีมือของเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสี่คนในการต่อสู้ครั้งนี้ มีความเลิศล้ำกว่าในข้อมูลที่พวกเขาได้มาหลายเท่า
สมาชิกกลุ่มของหลินเป่ยเฉินทำงานอย่างมีระเบียบแบบแผน
ใช้เวลาในการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาสามารถทำได้อย่างไร?
เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นในจิตใจของทุกผู้คน
โดยเฉพาะในกลุ่มที่นั่งของคณะอาจารย์จากสถาบันกระบี่ชื่อดัง บัดนี้ พวกเขาต่างก็พูดคุยกันด้วยบรรยากาศที่เร่าร้อน
ทุกคนพบว่าปึกกระดาษที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ไร้ประโยชน์ ไม่มีข้อมูลใดจะสอดคล้องกับความเป็นจริงที่สายตาของพวกเขาพบเห็นเลยสักนิดเดียว