เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น “เสี่ยวซีซี จริงรึ ? จริง ๆ รึ ? เจ้าจะทำให้ข้าไม่สามารถลงจากเตียงไปได้ถึงสามวัน ข้านั้นตื่นเต้นนัก เจ้ารีบมาเร็วเข้า มา!”
เชียนอ้าวเซี่ยทำตัวออดอ้อนประหนึ่งตนเป็นสตรีงามหยดย้อย มู่เฉียนซีเห็นแล้วแทบจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปจับเขาทุ่มให้ล้มสักทีในทันใด
— ตูม! —
มู่เฉียนซีโยนบุรุษหน้าไม่อายผู้นี้ลอยกระเด็นออกไป
“เสี่ยวหง เจ้าเฝ้าเอาไว้ หากว่าเขายังกล้าที่จะมากวนข้า เผาได้เลย” มู่เฉียนซีออกคำสั่งกับเสี่ยวหง
“ขอรับ” เสี่ยวหงตอบรับอย่างแข็งขัน จากนั้นมันกล่าวอย่างดุดัน “เจ้าขยะเซี่ย เจ้ากล้าเข้ามาก็ลองดูเซ่!”
เดิมทีเสี่ยวหงสามารถนอนหลับยาวได้อย่างสบาย ๆ ในมิติ แต่เป็นเพราะเชียนอ้าวเซี่ย มันจึงต้องมายืนเป็นยามเฝ้าประตูใหญ่อยู่เช่นนี้ ช่างน่าคับแค้นใจยิ่งนัก
ด้วยเพราะมีเสี่ยวหงอยู่ แน่นอนว่าเชียนอ้าวเซี่ยจึงไม่กล้ามารบกวนมู่เฉียนซี เขาไม่อยากถูกเผาจนหัวโล้นและต้องไปเป็นพระ
“เสี่ยวซีซี พวกเขาออกเดินทางแล้ว”
ในที่สุดก็ได้ข่าวเสียที ทำให้ตัวเขามีข้ออ้างที่จะเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี เชียนอ้าวเซี่ยนั้นวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นประหนึ่งกำลังวิ่งเล่น มู่เฉียนซีพาเสี่ยวชีเดินออกมาแล้วกล่าวขึ้น “ดี พวกเราเองก็ออกเดินทาง”
มู่เฉียนซีและเชียนอ้าวเซี่ยเดินตามคนของราชวงศ์อิ๋นเหยียนไปตลอดทาง พวกเขาร่วมกันสะกดรอยตามคนของสำนักนอกนิกายแห่งแคว้นอิ๋นเหยียนเข้าไปในหุบเขาลำเนาไพร
เมื่อมู่เฉียนซีเห็นผลไม้สีทองที่ส่องแสงวาววับเข้านั้น นางก็รู้ทันทีว่าเรื่องสนุก ๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ผู้นำของสำนักนอกนิกายแห่งแคว้นอิ๋นเหยียนมองเห็นผลไม้นั่นแล้วรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก แต่น่าเสียดายนักที่เขาไม่ได้มีพลังจักรพรรดิระดับเก้า มิเช่นนั้นแล้วเขาจะมีโอกาสได้กลายเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิระดับเก้าเป็นไหน ๆ เขาจะได้ไม่ต้องยืมจมูกผู้อื่นหายใจ
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับท่านเจ้าสำนักด้วย ถ้าหากว่าท่านนำเอาผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไปมอบให้แก่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียน เช่นนั้นแล้วสถานะของสำนักเราในทั้งสำนักอวิ๋นเยียนจะต้องสูงขึ้นเป็นอย่างมากแน่นอน” ผู้อาวุโสอีกผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว หากว่าเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนสามารถกลายเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิได้ เช่นนั้นสถานะของสำนักอวิ๋นเยียนจะอยู่ในจุดที่ไม่มีผู้ใดสามารถมาทำให้เราสั่นสะท้านได้อย่างแน่นอน
เจ้าสำนักนอกนิกายแห่งแคว้นอิ๋นเหยียนกล่าวขึ้น “พวกท่านก็อย่าได้กล่าวเกินไปเลย ถึงต่อให้มีผลวิญญาณมหาจักรพรรดิก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถเลื่อนระดับขั้นกลายเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิได้อย่างเต็มร้อยส่วน”
เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งลอยเข้ามา “พวกเจ้าก็กล่าวเกินเลยไปมาก ผลวิญญาณมหาจักรพรรดิเป็นของพวกเจ้าหรือไม่นั้นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง”
เจ้าสำนักนอกนิกายแห่งแคว้นอิ๋นเหยียน—อวิ๋นเหิ้นเทียน กล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “พวกเจ้าสำนักเจินอู่และสำนักเฟยชิงก็อยากจะเข้ามาผสมโรงด้วยหรืออย่างไร ? หากว่าให้ท่านเจ้าสำนักใหญ่รู้เข้าว่าพวกเจ้าแย่งชิงผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไป พวกเจ้าคิดว่าท่านเจ้าสำนักใหญ่จะปล่อยพวกเจ้าไปเช่นนั้นรึ ?”
เจ้าสำนักเฟยชิงกล่าวอย่างโหดเหี้ยม “ขอเพียงพวกเจ้าทุกคนล้วนตายอยู่ที่นี่ นั่นก็ได้แล้ว!” — ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
สิ้นเสียงของเจ้าสำนักเฟยชิง คนของสำนักของเขาที่ซุ่มรออยู่รอบด้านก็ปรากฏตัวออกมา
ครานี้เพื่อที่จะกำจัดเจ้าสำนักนอกนิกายแห่งแคว้นอิ๋นเหยียน พวกเขาทั้งสองสำนักนั้นได้ส่งคนระดับยอดฝีมือออกมาทั้งหมด
คนเหล่านั้นจะฆ่าเสียให้สิ้นไม่ให้เหลือรอดไปแม้แต่คนเดียว เพราะหากทันทีที่มีข่าวนี้เล็ดลอดออกไป ความโกรธเกรี้ยวของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนนั้นมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถแบกรับไว้ได้ไหว
อวิ๋นเหิ้นเทียน “ให้ตายเถอะ! พวกเจ้าอยากเป็นศัตรูกับสำนักอวิ๋นเยียนนักรึ ?”
เจ้าสำนักเจินอู่ “เมื่อฆ่าพวกเจ้าแล้ว ถึงตอนนั้นก็บอกไปว่าพวกเจ้าถูกนักฆ่าเทพมรณะสังหารสิ้น เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนก็จะไม่สงสัยพวกเราเป็นแน่”
มู่เฉียนซีที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดฟังคํากล่าวของพวกเขาได้อย่างถนัดชัดเจน ดวงตาของนางฉายแววเย็นชา หากคิดจะให้เสี่ยวชีเป็นแพะรับบาป ก็ต้องมาดูกันว่าพวกเขานั้นมีความสามารถนี้หรือไม่
อวิ๋นเหิ้นเทียน “ถึงต่อให้พวกเจ้าได้ผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไปก็ไร้ประโยชน์ เหตุใดพวกเจ้าจึงโง่งมนัก เพียงเพราะผลวิญญาณผลเดียว ถึงกับคิดที่จะล่วงเกินสำนักนอกนิกายอย่างพวกเราและท่านเจ้าสำนักใหญ่ หาเรื่องนำหายนะมาสู่ตนเองด้วยเล่า ?”
เจ้าสำนักเจินอู่ “แล้วใครบอกว่าพวกเราไม่มียอดฝีมือจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า ? พวกเรานั้นทำความรู้จักกับจักรพรรดิแห่งภูตผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่ง เขาเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ณ ทุ่งน้ำแข็ง ทันทีที่พวกเรามอบสิ่งล้ำค่านี้ให้แก่เขา หลังจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นที่พึ่งอันแข็งกล้าของพวกเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นกลัว”
“หึ ๆ” เชียนอ้าวเซี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขากระซิบกระซาบ “เสี่ยวซีซี คนที่พวกเขาพูดถึงนั้น คงไม่ใช่ตัวประหลาดขนขาวที่ถูกเจ้าฆ่าตายไปนั่นหรอกกระมัง”
สำนักเจินอู่คิดที่จะพึ่งพาตัวประหลาดขนขาวนั่นไปสู่ความรุ่งเรือง เกรงว่าแม้จะถึงเวลาที่พวกเขาตายไปแล้วก็คงจะยังคิดไม่ถึงว่าตัวประหลาดขนขาวถูกสังหารตายไปที่ทุ่งน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไป ก็ไม่อาจลุกขึ้นมาผงาดได้
“อวิ๋นเหิ้นเทียน “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเตรียมการมาตั้งแต่แรก พวกเราคงทำได้เพียงใช้กำลังตัดสินกันเสียแล้ว”
ทันใดนั้นอวิ๋นเหิ้นเทียนชิงโจมตีก่อนเพื่อความได้เปรียบ
— ตูม! —
เสียงดังสนั่นลั่นขึ้นมา ทั้งสองฝ่ายได้เปิดศึกขึ้นแล้ว สำนักเจินอู่และสำนักเฟยชิงนั้นเตรียมพร้อมกองกำลังที่มีทั้งหมดของตน ส่วนอวิ๋นเหิ้นเทียนนำมาเพียงคนที่ตนไว้ใจเป็นที่สุดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าความสามารถของพวกเขาจะไม่เลว แต่ทว่าก็ไม่อาจที่จะต้านทานการเข้าสู้แบบหมุนเวียนหรือการต่อสู้ที่หมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันเข้ามาสู้อย่างต่อเนื่องได้
อวิ๋นเหิ้นเทียนตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากลับตัวตอนนี้ยังทัน!”
เจ้าสำนักเจินอู่กล่าวตอบ “ข้านั้นทนมามากพอแล้ว เดิมทีสำนักเจินอู่ของพวกเราเป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นอิ๋นเหยียน แต่พวกเจ้า เจ้าพวกลูกหมา! เป็นเพราะพวกเจ้านั้นเลียแข้งเลียขาประจบสอพลอ จึงทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนคอยปกป้องสนับสนุน ทำให้พวกเจ้าได้กลายเป็นสำนักที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในแคว้นอิ๋นเหยียน สำนักของพวกเรานั้นโดนพวกเจ้ากดขี่อยู่ตลอดมา ในที่สุดวันนี้ก็ถึงเวลาที่ข้าจะได้ล้างแค้นเสียที” “สำนักเจินอู่ของพวกเจ้าทะเยอทะยานนัก สมควรตาย!”
— ครืน! —
พวกเขาต่อสู้กันดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นคาวโลหิตในอากาศนั้นก็เข้มคลุ้งข้นเคล้าเรื่อย ๆ เช่นกัน
คนของทางฝั่งอวิ๋นเหิ้นเทียนสิ้นลมไปไม่น้อย ทว่าทางฝั่งของสำนักเจินอู่เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก อวิ๋นเหิ้นเทียนที่เปรียบเสมือนลูกธนูที่พร้อมจะพุ่งโจมตีศัตรูก็ได้งัดท่าไม้ตายออกมา เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“เหยี่ยวคลั่งสังหาร!”
พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งระดับในชั่วพริบตาเดียว เขากล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธสุดทน “ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะต้องลากพวกเจ้าทั้งหมดทุกคนตายไปด้วย!” — ฟึ่ม! ฟึ่ม! —
“รีบถอยไปเร็ว!”
“อ๊าก…!”
— ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก! —
ภายใต้พลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ คนของสำนักเจินอู่และสำนักเฟยชิงล้มร่วงกราวลงไปทุกคน ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นตายกันหมดเกลี้ยง ทว่าก็ไม่มีแรงที่จะสู้ต่อไปสักเท่าไรแล้ว — ปึก! —
อวิ๋นเหิ้นเทียนที่ได้ใช้พลังจนหมดสิ้นทรุดลงกับพื้น พวกเขาเหล่าคนในสำนักกล่าวขึ้นอย่างตระหนกตกตื่น “ท่านเจ้าสำนัก!”
“ข้ายังไม่ตาย นำผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไปแล้วจงรีบไปจากที่นี่เสีย!”
“ขอรับ”
ทว่าเมื่อพวกเขากําลังจะนำเอาผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไป คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้บุกเข้ามาฉวยเอาผลวิญญาณมหาจักรพรรดิไป
พวกเขากล่าว แววตาเจือความปวดร้าว “จักรพรรดิอิ๋น ต่ำช้านัก!”
จักรพรรดิอิ๋น “ข้านั้นให้ความสำคัญที่กลยุทธ์ มันดีกว่าพวกเจ้าที่ใช้เพียงแต่กำลังมากมายนัก ผลวิญญาณมหาจักรพรรดินี้เป็นของข้าแล้ว อย่างน้อยข้าคงได้มอบมันให้แก่ผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิผู้หนึ่งเพื่อให้เขาปกป้องแคว้นอิ๋นเหยียนของข้า เมื่อถึงตอนนั้นแคว้นเฉียนเซี่ยหรือทั้งทวีปเซี่ยโจวก็ล้วนแต่เป็นใต้หล้าของข้า ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”
จักรพรรดิอิ๋นนั้นมีความทะเยอทะยานยิ่งนัก เชียนอ้าวเซี่ยเผยอรอยยิ้มเย้ยหยัน “เสี่ยวซีซี เจ้าคนผู้นี้กำลังฝันกลางวันอยู่ พวกเราจะเข้าไปจัดการให้ฝันอันสวยงามของพวกเขาแตกสลายลงหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คนกลุ่มนี้ที่จักรพรรดิอิ๋นพามาด้วยเป็นพวกที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็ยังอันตรายมาก ข้านั้นไม่เชื่อว่าสามสำนิกายครึ่งระดับใหญ่แห่งแคว้นอิ๋นเหยียนเหล่านั้นจะไร้ซึ่งการตอบโต้”
เป็นดั่งที่มู่เฉียนซีคาดไว้ไม่มีผิด ท่ามกลางความเกรี้ยวโกรธ ทั้งสามสำนักล้วนระเบิดพลังที่ก่อกำเนิดใหม่ขึ้นมา
ครานี้พวกเขาเปรียบเสมือนรถที่วิ่งในรางเดียวกัน มุ่งไปยังจุดหมายเดียวที่จักรพรรดิอิ๋น
“จักรพรรดิอิ๋น เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
.
.
.