“หืม? แม้แต่พวกโจรก็ยังสร้างเงาแห่งจิตวิญญาณ” ฟางฉีอุทานขณะบิน “พวกเขานี่ช่างเป็นโจรระดับสูงจริงๆ”
“พวกเขามาที่นี่เพิ่งปล้นเจ้า!” หลิวหนิงหยุนจ้องหน้าฟางฉี “เจ้าพาท่านผู้บังคัยมาด้วย และท่ายทำให้พวกมันตกใจ!”
ยิ่งพูดก็ยิ่งอายเธอพบว่าฟางฉีมีความแข็งแกร่งห่างกับเธออยู่มาก เธอแอบลังเลที่จะคุยกับเขาเล็กน้อย
ฟางฉีหยักไหล่ “เจ้าต่อว่าข้าได้ตรงไปตรงมามาก เอาจริงข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี้แหละหนีไปคนเดียว!”
“ได้ไง!”
“ร้ายกาจ!” สาวกของกลุ่มหนานหัวสบถทันที
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการหลบหนีได้หน้าตาเฉยเช่นนี้!”
ฟางฉีกลอกตา “ทำไมคนในกลุ่มเจ้าช่างบ่นเป็นคนแก่ชวนน่าเบื่อ!”
“เจ้าพูดอะไร!?”
“เจ้าต้องการกระตุ้นเราหรือ?”
“…”
พวกเขาพ้นออกจากกองโจรได้ ขณะเดินทางมายังร้านพวกเขาแอบทะเลาะกันไปมา ฟางฉีไม่ได้สนใจมันเท่าไรนัก เขาเลือกที่จะเมินและพาพวกเขาไปถึงร้านไวๆ
ถนนดูสะอาดสะอ้านทางเดินปูด้วยหินสีขาวตัดกับการตกแต่งร้านที่ดูประณีตมีการออกแบบที่ดูแตกต่างซึ่งสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็รและเหล่าสาวกจากสองกลุ่มที่ไม่เคยมาเยื่อนที่นี่มาก่อน
“ผู้คนไม่ได้รับอนุญาตให้บินเหนือท้องฟ้าใช่มั้ย?” สาสกคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าไม่รู้” ฟางฉีตอบ “ข้าพร้อมจะสู้กับใครก็ตามที่พยายามหยุดข้า!”
สาวกหลายคนสะอึกเล็กน้อย
หวังปู่เต๋าที่ยืนอยู่ข้างหลังทำหน้านิ่ง เขาคิดในใจว่าคงไม่มีใครกล้าจะหยุดเขาแน่นอนหลังจากที่ได้รู้ข่าวว่าเจ้าเด็กคนนี้ทำลายคนจากตระกูลฉินฮงหลินอย่างราบคาบ
“ไงท่าน!”
“สวัสดีท่านหัวหน้าสมาคม!”
เมื่อเดินเข้ามาในร้านเหล่าสมาิกก็เอ่ยทักทายทำให้บรรกาศเป็นมิตรและดูไม่เกร็ง
สาวกจากกลุ่มหนานหัวรู้สึกประหลาดใจ เนื่องด้วยพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “ศิษย์พี่ลี่ในนี้มันใหญ่มาก!”
“หืม .. ข้อตกลงของที่นี่แปลกมา!”
“มันเป็นเหมือนอีกโลก!” มีคนกำลังตะลึงงัน
ซูโมที่ยืนอยู่ลังเคาน์เตอร์ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกลุ่มคนข้างหลังฟางฉี “หัวหน้า ..”
“โอ้!” ฟางฉีแตะที่หัวโมน้อย “ข้าลืมแนะนำพวกเขา พวกเขาเป็นเพื่อนใหม่ ข้าเจอพวกเขาตอนที่เดินทางออกจากเมือง!”
ซูจิพึมพำ “ไม่อยากจะเชื่อ!”
“แม้แต่ปีศาจเก่ายังมีเพื่อน ..” รวนหนิงพูดเบาๆ
“ช่างเป็นมิตรภาพที่ดี .. อย่างไม่น่าเชื่อ”
พวกเธอลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีโดยเฉพาะรวนหนิงที่รีบลุกอย่างไวพร้อมเดินไปหยิบถ้วยบะหมี่พลางพูดว่า “หญิงสาวคนที่อยู่ข้างหน้านั้นสวยมาก ..”
ซูเหยาพูดว่า “นั่นสิ เธอดูดี ..”
ซียื้อหันมอง “เขาหลอกล่อเธอจากที่ไหนสักแห่งแน่ .. ข้ารู้สึกเหมือนเคยเห็นนางมาก่อนที่ไหนสักแห่ง”
ดวงตาที่สวยงามคู่หนึ่งกำลังจ้องมองฟางฉีด้วยสายตาอันเยือกเย็น “ใครเพื่อนเจ้า .. หลงตัวเอง!”
ฟางฉีหันไปจองเธอและพูดใหม่อีกครั้ง “ขออภัย ข้าจะแนะนำใหม่อีกครั้ง เธอคนนี้ไม่ใช่เพื่อนข้าเธอมากับข้าด้วยเหตุผลที่ว่าเธอพ่ายแพ้การประลอง!”
หลิวหนิงหยุนทำหน้านิ่ง เธอเกือบจะสติแตกด้วยความโกรธ!
“…”
คนอื่นมองโลกในแง่ดี .. มาเป็นเพื่อนกันเถอะ
ขณะเดียวกันหวังปู่เต๋าผู้มีท่าทางมีน้ำใจ ประสบการณ์สอนให้เขาทำสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและราบรื่นมากขึ้น “เราจะไม่รู้จักกันเลยหากไม่มีการต่อสู้ในครั้งนั้นฟางฉีมีทักษะที่ดี โอ้! ร้านเจ้าคนเยอะเหลือเกิน ..”
เขารีบเปลี่ยนตัวข้อทันที
รวนหนิงรู้สึกไม่พอใจนักที่เธอต้องมาคอยจัดการร้านแทนฟางฉีจนทำให้เธอแทบไม่มีเวลาไปจัดการกับร้านของตัวเอง เธอเดินไปหาหลิวหนิงหยุนและแอบกระซิบว่า “อย่าโกรธเลย ปีศาจเก่าก็นิสัยแย่แบบนี้แหละ ..”
เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฟางฉีถูกคนอื่นๆ มองในแง่ลบ!
“เอ่อ ..” ก่อนที่เธอจะพูดอะไรไปมากกว่านี้เธอหันไปเจอสายตาาพิฆาต
“ฉันพูดผิด เขาช่างหล่อและรวยมาก!” เธอกลับคำพูดทันที
หลิวหนิงหยุนสูดดมและได้กลิ่นหอมหวล หลังจากไล่ล่ามาทั้งวันและต่อสู้อันหนักหน่วงกับฟางฉีตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและหิวอย่างมาก กลิ่นอาหารชวนให้ท้องร้อง
เธอมองไปที่หญิงสาวที่แต่งตัวด้วยชุดสีแดงพลางเอ่ยถาม “มีอะไรอยู่ในถ้วยนั่นน่ะ? กลิ่นหอมมาก!”
สาวกคนอื่นของกลถ่มหนานหัวต่างหันไปจ้องมองถ้วยบะหมี่เช่นกัน
“นี่เป็นร้านของข้าซึ่งมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูตรพิเศษขาย” ฟางฉีเชิญชวน “เจ้าต้องการสักชามมั้ยละนางฟ้าแห่งหนานหัว?”
“นางฟ้าแห่งหนานหัว?” ปผู้คนในร้านเอียงคอมองเธอด้วยความประหลาดใจในฉายา
“เธอเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมแห่งหนานหัวใช่มั้ย?”
“ได้ยินมาว่าเธอสามารถทำความเข้าใจในแสงสวรรค์ของหนานหัวตั้งแต่วัยเยาว์และไม่มีใครเทียบเทียมได้! ”
“ตัวจริงเธอช่างสวยและสง่างามจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะมาเยือนยังเมืองครึ่งของเรา!”
พวกเขาต่างรุมมองเธอราวกับว่าเธอเป็นของหายาก!
หลิวหนิงหยุนนั่งอยู่บนโซฟาพึมพำ “เพียงแค่ได้ยินชื่อก็คิดตามสิ่งที่ได้ยินแล้วหรอ ..”
แต่ก่อนอื่นใดฝั่งหวังปู่เต๋านั้นเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยบะหมี่ “ข้าไม่เคยลองชิมอะไรที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย ช่างเป็นอาหารจานเด็ดจริงๆ”
ทันใดนั้นความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังปู่เต๋า “หืม .. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!”
“อะไรหรอ? ท่านผู้บังคับบัญชา” หลิวหนิงหยุนขมวดคิ้วเมืองเห็นหน้าเขา “มันไม่ดีหรือ?”
“ไม่!” หวังปู่เต๋าอุทาน “ไม่น่าเชื่อบะหมี่ถ้วยนี้ช่วยชำระพลังงานทางจิตวิญญาณของข้า เหลือเชื่อจริงๆ”
“อะไรนะ!?” สาวกจากหนานหัวลุกขึ้นจากที่นั่งทันที
“ข้าจะกินบะหมี่!” นางฟ้าหนานหัวตะโกนขึ้น
“ซู้ดดดดด! หืมมันอร่อยมาก!”
สิบนาทีต่อมาเธอเดินมาพร้อมถ้วยในมือ “นี่ท่าน! ข้าขออีกชาม!”
ฟางฉีมองหน้าเธอ เธอเขินหน้าแดง
“ลูกค้าแต่ละคนสามารถกินได้เพียงวันละถ้วยเท่านั้น” ฟางฉีตอบกลับ
ขณะเดียวกันชายชราผมขาวคนหนึ่งนั่งลงพร้อมถ้วยบะหมี่
หวังปู่เต๋ามองเขาขึ้นๆ ลงๆ “นั่นท่านคือศิษย์พี่โม!”
โมเทียนชิงเงยหน้า “อ้าว! ผู้บังคับบัญชาหวังปู่!”
“ดีใจที่ได้พบเจ้าที่นี่!”
“ศิษย์พี่โมท่านเป็นลูกค้าประจำที่นี่หรือ?” หวังปู่เต๋าเอ่ยถามไถ่
โมเทียนชิงทำหน้าเขิยอาย “พี่อาวุโสยูคังชานลากข้ามาที่นี่เพื่อเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ เขาเพิ่งหัดเล่นและพวกเราเพิ่งเข้าร่วมสมาคม .. แล้วเจ้าละมาที่นี่เพื่อเล่นเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพหรือ!?”