ภาคที่ 2 บทที่ 154 โทเทมผู้พิทักษ์

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 154 โทเทมผู้พิทักษ์

เป็นไปตามแผน เผ่าคนเถื่อนยอมรับคำท้าแล้ว

เป็นไปตามที่ซูเฉินคาดการณ์ไว้ทั้งสิ้น

เพราะอย่างไรการกระทำเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายถึงความฉลาดอันใด เป็นเพียงวิถีของเผ่าคนเถื่อนเท่านั้น

แต่ตอนที่เผ่าคนเถื่อนตนหนึ่งกำลังจะพุ่งเข้ามา กลับมีอีกคนดึงเขาไว้ เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินสนใจยิ่ง

ประสาทรับเสียงของซูเฉินดีมาก

เขาได้ข้อมูลจากคำบางคำที่ลอยมาตามลมบ้าง

เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกคนหนึ่งยั้งตนไว่ก่อน

ซูเฉินรู้จากกู่ชิงลั่วว่าคนผู้นั้นคือตานปา

เป็นเผ่าคนเถื่อนที่ฉลาดเฉลียว ระแวดระวัง แต่ก็บ้าคลั่งอยู่ในที

ซูเฉินเริ่มเข้าใจ ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นสิ่งที่เขากังวลมาโดยตลอดก็เป็นได้ เผ่าคนเถื่อนที่ยอมใช้สมอง

บทสนทนาระหว่างตานปาและสหายทำให้เขาหายสงสัยโดยสิ้นเชิง

ตานปายอมตกลงรับคำท้าทาคุชา แต่คนอื่น ๆ ที่ชมการประลองต้องทิ้งระยะห่างออกจากการประลองเพื่อความยุติธรรม

หากมีมนุษย์หรือเผ่าคนเถื่อนคนใดพยายามยื่นมือเข้ายุ่ง จะหมายความว่ายอมแพ้ในทันที ทาคุชาจะจบลง และอีกฝ่ายสามารถถอยไปได้ทันที

ซูเฉินตอบตกลง

เดิมทีเขาก็ไม่คิดจะเล่นลูกไม้อันใดอยู่แล้ว หากแต่ท่าทีของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าตนต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่น

ดูท่าสิ่งที่ตานปาลงมือทำคงจะไม่ได้มาจากการชี้แนะของอาจารย์เพียงอย่างเดียวกระมัง

เมื่อสองฝ่ายตกลงกันแล้ว ซูเฉิน กู่ชิงลั่ว เฮ่ออวิ๋นตง ตานปา และเหมินตี้ย่านั่วต่างก็ถอยห่างออกไปทั้งหมด

คนทั้งหมดถอยออกไประยะหนึ่ง

จากสถานที่ที่พวกเขายืนอยู่ อย่างไรก็ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเคลื่อนที่ไปยังลานประลองได้แม้จะเคลื่อนกายเร็วที่สุดก็ตาม

เหลือเพียงคนสองคนอยู่ที่สมรภูมิเท่านั้น

คือหวังโต้วซานและเฟ้ยลาหลัว

ครั้งนี้เป็นหวังโต้วซานที่จะประลองกับอีกฝ่าย

ซูเฉินใช้เวลาเกลี้ยกล่อมทุกคนไปมาก

หวังโต้วซานและเฟ้ยลาหลัวตั้งท่าเตรียมสู้อยู่หน้าธง

เฟ้ยลาหลัวยิ้มหวังโต้วซาน เผยให้เห็นฟันขาวน่าขนลุก “ในที่สุดเผ่ามนุษย์อ่อนแอก็รวมความกล้ามาสู้กันตัวต่อตัวได้แล้วหรือ ? ดูท่าเจ้าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แต่ว่าเจ้าอ้วนเกินไป ! ความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่มีก้อนเนื้อมากหน่อยจึงได้มา”

หวังโต้วซานหัวเราะเหยียดหยาม “ไม่เห็นรู้ว่าเผ่าคนเถื่อนจะชอบพูดมากความเช่นนี้”

“ข้าเพียงแต่ให้เอ่ยลาเจ้าก่อนตายเท่านั้น” เฟ้ยลาหลัวกระโจนเข้าไป ไอสังหารพุ่งทะยาน

จากนั้นเขาก็ร้องตะโกนขึ้น “ตายเสีย !”

เขากู่ร้องแล้วก็ปล่อยหมัดที่ชโลมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา คลื่นพลังจากหมัดซัดตรงไปยังหวังโต้วซานด้วยความรุนแรง

หวังโต้วซานคลี่ยิ้ม

แม้จะต้องเผชิญหน้ากับหมัดน่าเกรงขามที่ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางเช่นนั้น หวังโต้วซานก็ตอบกลับการโจมตีนั้นด้วยการโจมตีของตนเอง

“ฮ่าห์ !”

หวังโต้วซานเองก็ตะโกนออกมาเช่นกัน จากนั้นส่งหมัดหนึ่งออกไป

แรงปะทะทำให้เกิดฝุ่นควันตลบคลุ้ง แสดงให้เห็นถึงความกระหายการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย

ตู้ม !

หมัดดั่งเหล็กของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน คลื่นพลังรุนแรงแผ่ออกมาจากจุดที่ปะทะกันเป็นกำลังมหาศาล

คลื่นพลังสะท้านปฐพีแผ่ออกทั่วทิศ พริบตาต่อมาคนทั้งคู่ก็กระเด็นออกไป

หวังโต้วซานกระเด็นไปราวกับภูเขาใหญ่ เมื่อร่างตกกระแทกพื้น พื้นดินเบื้องล่างก็สั่นสะเทือนโดยแรง

เทียบกันแล้วเฟ้ยลาหลัวนั้นดูปราดเปรียวกว่ามาก เขาหมุนตัวกลางอากาศ ใช้แรงส่งจากศัตรูให้เป็นประโยชน์กับตนเอง เมื่อเท้าแตะพื้นก็ไม่มีฝุ่นคลุ้งขึ้นมาสักเม็ด เผยให้เห็นความสามารถขั้นสูงในการควบคุมพลังของเขา

การแลกกระบวนท่ากันเมื่อคู่ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายมีพละกำลังเทียบเท่ากัน

เฟ้ยลาหลัวจ้องหวังโต้วซานเขม็ง นัยน์ตาร้อนแรงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดคิดไว้เล็กน้อย ดูท่าเจ้าจะไม่ได้อ้วนเพียงอย่างเดียว”

“เจ้าทิ้งประโยคสุดท้ายไว้แล้วไม่ใช่หรือไร ?” หวังโต้วซานเอ่ยเสียงดูถูก

เมื่อคนทั้งสองสบตากัน ไอสังหารหนักแน่นก็พุ่งสูงขึ้นกว่าเดิม

“อ๊ากกกก !”

พวกเขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกันแล้วพุ่งเข้าปะทะกันในพลัน เริ่มออกหมัดใส่อีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง เผยด้านดุร้ายป่าเถื่อนออกมาไม่ปิดบัง

คลื่นพลังรุนแรงจากหมัดของทั้งสองฝ่ายกระจายออกรอบทิศ ส่งผลให้ฝุ่นควันคลุ้งไปทั่วทั้งพื้นที่

กระทั่งตานปาที่เป็นเพียงผู้ชม อีกทั้งยังยืนอยู่ไกลออกไปยังอดประหลาดใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นเผ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน แต่มนุษย์ที่ใช้เพียงพละกำลังจากร่างกายประมือกับนักรบอารามแล้วยังยืนหยัดอยู่ได้เช่นนี้นั้นหาได้ยากนัก

แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้ตานปาจึงวางใจลงได้มาก

กลลับส่วนมากจะถูกหยิบออกมาใช้เมื่อฝ่ายหนึ่งมีกำลังด้อยกว่าอีกฝ่ายมาก แต่หากแข็งแกร่งถึงขั้นนี้คงไม่มีลูกไม้ซุกซ่อนอยู่กระมัง

มนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดท้านักรบอารามสู้ได้ ไม่แน่ว่าเพราะแข็งแกร่งเช่นนี้จึงมีความมั่นใจ ดังนั้นจึงคิดเริ่มทาคุชาก่อน

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ตานปาจะไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย

เผ่าคนเถื่อนนั้นไม่เกรงกลัวการต่อสู้ดุเดือดเลือดพล่าน แม้จะพ่ายแพ้ หากเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมแล้วพวกเขาก็จะยอมตายอย่างไร้ความเสียใจใด

เหมินตี้ย่านั่วที่ยืนอยู่อีกด้านพลันเอ่ยขึ้น “เจ้าอ้วนผู้นี้ทรงพลังนัก แต่หากคิดว่าจะสามารถเอาชนะนักรบเฟ้ยลาหลัวด้วยกำลังเพียงเท่านี้ก็คิดผิดแล้ว สำหรับเฟ้ยลาหลัวนี่ก็นับว่าเป็นการอุ่นเครื่องเท่านั้น”

พูดแล้วก็ส่งสายตายุแหย่ไปทางซูเฉิน

เหมินตี้ย่านั่วยังไม่ลืมว่าซูเฉินเคยปั่นหัวพวกเขามาก่อนจะเข้าซากโบราณ โม่หลี่ฮั่นเองก็สั่งไว้ว่าให้สังหารซูเฉินก่อน

หากไม่ใช่เพราะตอนนี้กำลังท้าทาคุชากันอยู่ เขาก็คงพุ่งเข้าไปสังหารมนุษย์อ่อนแอพวกนี้ให้สิ้นไปแล้ว

ซูเฉินส่งเสียงหัวเราะยันกลับไปให้เหมินตี้ย่านั่ว “งั้นหรือ ? แต่สำหรับเจ้าอ้วนของเรา นี่ยังไม่นับว่าเป็นการอุ่นเครื่องเลยด้วยซ้ำ”

ใบหน้าเหมินตี้ย่านั่วพลันทะมึนลง “โอ้อวดไร้ยางอาย !”

ซูเฉินตอบกลับได้เจ็บแสบ “อ้าว นี่รู้จักใช้คำสำบัดสำนวนด้วยหรือ ?”

กู่ชิงลั่วยั้งปากไม่ทัน เผลอหัวเราะคิกออกมา

เหมินตี้ย่านั่วยังอยากต่อปากต่อคำอีก หากแต่ตานปาหยุดเขาไว้ “อย่าไปปะทะคารมกับพวกมนุษย์เลย พวกเขาเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้นัก สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงสังหารพวกเขาเสีย !”

เหมินตี้ย่านั่วพยักหน้ารับฟังก่อนจะถอยออกมา

ทันใดนั้นสถานการณ์บนสนามประลองก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

อาจเพราะเขาเริ่มเบื่อการใช้กำลังต่อสู้กันตรง ๆ เพียงอย่างเดียวแล้ว เมื่อสองฝ่ายแยกออกจากกัน เฟ้ยลาหลัวก็ตะโกนกู่ร้องออกมาทันที อักขระบนร่างเขาเริ่มส่องสว่างออกมา

ครั้งนี้ไม่เหมือนเผ่าคนเถื่อนที่ซูเฉินเคยสังหารมาก่อน ทั่วทั้งร่างเฟ้ยลาหลัวพลันเปล่งแสงออกมาในคราเดียว

ควันสีโลหิตเริ่มกำจายออกมาจากอักขระบนร่างกายเฟ้ยลาหลัว กลุ่มควันเริ่มก่อเป็นรูปร่าง กลายเป็นภาพอยู่เหนือหัวเฟ้ยลาหลัว

หมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิต !

อักขระโทเทมของเผ่าคนเถื่อนนั้นมีรูปแบบเป็นระบบ เมื่อถึงจุดหนึ่งจะขยายออกกลายเป็นโทเทมที่สมบูรณ์ รู้จักกันในนาม โทเทมผู้พิทักษ์

เมื่อครั้งที่ยังไม่มีอารามพลังต้นกำเนิด โทเทมผู้พิทักษ์นั้นถือเป็นตัวแทนความแข็งแกร่งของเผ่าคนเถื่อน พวกเขาหมายจะเสริมความแข็งแกร่งและพละกำลังตนเองด้วยสิ่งนี้

หากแต่เผ่าคนเถื่อนส่วนมากจำต้องมีพลังเทียบเท่าได้กับด่านกลั่นโลหิตเสียก่อนจึงจะสามารถสร้างโทเทมผู้พิทักษ์จนสมบูรณ์ได้ แต่เฟ้ยลาหลัวที่มีขั้นพลังอยู่ด่านก่อเกิดลมปราณกลับสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย

หมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิตขนาดยักษ์เอนหัวไปด้านหลังแล้วส่งเสียงหอนดัง คล้ายกับภาพที่เกิดขึ้นยามตระกูลสายเลือดชั้นสูงเปิดใช้พลังจากสายเลือด แต่ก็ยังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่

กลุ่มควันรูปหมาป่าโลกันตร์และกลิ่นอายดุดันที่แผ่ออกมาเผยให้เห็นว่าพลังมหาศาลกำลังจะปะทุขึ้น..

เริ่มมีควันออกมาจากทวารทั่วร่างเหมินตี้ย่านั่ว ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบขมุกขมัวเต็มไปด้วยกลุ่มควัน มองอันใดไม่เห็นชัด

“ตายเสียมนุษย์เอ๋ย ! หมาป่าโลกันตร์พิโรธ !”

หมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิตที่ฉายอยู่บนท้องฟ้าพลันส่งเสียงหอนดังก่อนจะกระโจนเข้าใส่