ภาคที่ 2 บทที่ 155 เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง (1)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 155 เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง (1)

คลื่นพลังรุนแรงถูกซัดออกไปด้วยแรงเคลื่อนมหาศาล

ก่อนที่คลื่นพลังสีแดงนั่นจะเริ่มแผ่อยู่ตามพื้นคล้ายกับดอกไม้กำลังเบ่งบาน

ท่ามกลางคลื่นพลังดุดันนั้น ร่างยักษ์ของหวังโต้วซานก็ถูกกระแทกจนลอยไป เสื้อผ้าถูกพลังทะลวงจนฉีกขาดลอยหายไปกับลม อีกทั้งยังถูกแรงระเบิดจนไขมันกระเด็นหายไปเป็นก้อน จนเห็นเพียงเนื้อชุ่มเลือดเท่านั้น

บนร่างหวังโต้วซานไม่มีจุดใดไม่บาดเจ็บ

“โบร๋ววว !”

หมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิตเงยหน้าส่งเสียงหอนกู่ร้องยินดีกับชัยชนะ จากนั้นก็เลือนหายไป พร้อม ๆ กับอักขระบนร่างเฟ้ยลาหลัวที่ค่อย ๆ จางลง

เฟ้ยลาหลัวย่างกรายเข้าไป “มนุษย์ เจ้ารอดจากหมาป่าโลกันตร์พิโรธของข้ามาได้นับว่าแข็งแกร่งไม่น้อย ทว่า……”

หากแต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดฝีเท้าแล้วจ้องหวังโต้วซานอย่างไม่เชื่อสายตาตน

เจ้าอ้วนนั่นยืนขึ้นมาแล้ว

ก้อนเนื้อแหลกเหลวบนร่างฟื้นคืนกลับเป็นผิวเนื้อเรียบลื่นดังเดิมอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเจ้าของร่างยังดูเหมือนมีพลังมากขึ้น ท่าทางกระหายอยากการต่อสู้มากขึ้นไปอีก

“วิชาเมื่อครู่มันน่าเอามาโอ้อวดถึงขั้นนั้นเลยหรือ ?” หวังโต้วซานหัวเราะ “เจ้าหนู ต้องพยายามให้มากอีกหน่อยนะ !”

เฟ้ยลาหลัวบิดคอ นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้น “น่าสนใจดีนี่ ! ดูท่าเจ้าจะอึดไม่น้อย ยิ่งทำให้การต่อสู้ครั้งนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก !”

พูดแล้วร่างเขาก็กระโจนขึ้นฟ้า โทเทมหมาป่าโลกันตร์ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังอีกครา ครั้งนี้แทนที่มันจะเป็นตัวปล่อยการโจมตีออกมา มันกลับไหลมาหลอมรวมอยู่ที่แขนของเขาแทน

เฟ้ยลาหลัวปล่อยหมัดออกไป

พลังหมัดส่งเสียงหวีดหวิว เขารวบรวมพลังที่หมุนเวียนวนอยู่รอบฝ่ามือ ก่อนจะปล่อยคลื่นพลังคล้ายกระแสน้ำซัดกระหน่ำออกไป

คลื่นพลังจากหมัดนี้ซัดเข้าใส่ศัตรูราวกับคลื่นในท้องสมุทร

หวังโต้วซานเงื้อแขนขึ้นข้างหนึ่ง เตรียมป้องกันการโจมตีนั้นด้วยความมั่นใจ

เขาอาจไม่ดุดันเท่าเฟ้ยลาหลัว แต่ก็มีจิตใจมั่นคงและกล้าหาญนัก

หากหมัดของเฟ้ยลาหลัวนั้นเหมือนกับพายุกลางมหาสมุทร เช่นนั้นการตั้งรับของหวังโต้วซานก็เหมือนกับโขดหินกลางสมุทรที่ไม่อาจมีผู้ใดโค่นล้มได้ ไม่ว่าคลื่นลมจะรุนแรงถึงเพียงไหนก็ไม่อาจสั่นไหวหินผานี้ได้

“ช่าง…… ทรงพลังจริง ๆ!” เฟ้ยลาหลัวส่งหมัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ความตื่นเต้นเร่าร้อนในดวงตายิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ความตื่นเต้นนี้เกิดจากการที่เขาได้พบกับคู่ต่อสู้อันแข็งแกร่ง

เผ่าคนเถื่อนไม่กลัวคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง !

เผ่าคนเถื่อนโอบกอดคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง !

ยามเผชิญกับคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง เผ่าคนเถื่อนมีเพียงต้องแข็งแกร่งกว่าก็เท่านั้น !!!

“โบร๋ววว !”

โทเทมผู้พิทักษ์หมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิตปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงหอนดังสนั่น จากนั้นทะเลเพลิงก็ลุกโชนออกมาจากร่างของมัน

พริบตานั้น ความเร็วของเฟ้ยลาหลัวก็ถูกดันขึ้นจนถึงขีดสุด เขาซัดพลังหนึ่งใส่หวังโต้วซาน จากนั้นใช้หมาป่าโลกันตร์พิโรธแล้วตะโกนลั่น “ข้าเริ่มจะเสพติดการต่อสู้ครั้งนี้เสียแล้ว ! มนุษย์เอ๋ย เจ้าแข็งแกร่งจริง ๆ! ปัดป้องต่อไปเล่า ! แสดงความแข็งแกร่งออกมาให้มากกว่านี้ ให้ข้าได้ดับความกระหายอยากเสียหน่อย !”

ระหว่างที่โจมตีออกไปเรื่อย ๆ เขาก็ยังคงตะโกนออกมาไม่หยุด

ทุดหมัดและการโจมตีที่ส่งออกมารุนแรงกระทั่งทลายหินผาได้

เห็นเช่นนี้กระทั่งเฮ่ออวิ๋นตงยังอดรู้สึกสะท้านสะเทือนในใจไม่ได้

นักรบอารามมีนิสัยดุดันเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ ?

ท่ามกลางแรงซัดแรงระเบิดที่ถูกปล่อยออกไปไม่ยั้ง กำลังของเฟ้ยลาหลัวในตอนนี้นั้นมีมากกว่ามนุษย์ผู้เชี่ยวชาญพลังหลายคนมามัดรวมกันเสียอีก

หากแต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่อีกฝ่ายมี

เฮ่ออวิ๋นตงรู้ดีว่าเฟ้ยลาหลัวยังไม่เผยพลังที่แท้จริงที่เขาได้รับมาจากอารามพลังต้นกำเนิด

หวังโต้วซานยังหาจังหวะโต้กลับไม่ได้ ทำได้แต่ปัดป้องเท่านั้น

ตู้ม !

อีกหนึ่งการโจมตีอันดุดันปะทะเข้ากับฝ่ามือตั้งรับของหวังโต้วซาน คลื่นพลังดุดันบ้าคลั่งส่งร่างหวังโต้วซานให้กระเด็นไป ร่างเขาเซไปมาเล็กน้อยก่อนจะร่วงลงกับพื้น กระอักเลือดสด ๆ ออกมาคำใหญ่

ตอนนี้บาดแผลบนร่างเขาไม่เบาบางไปกว่าของผีเยวี๋ยนหงหรือชีเว่ยเยี่ยนเลย

นับเป็นบาดแผลอันตรายถึงชีวิต !

“ฮ่า ๆ ๆ!” เฟ้ยลาหลัวหัวเราะเมื่อเห็นหวังโต้วซานล้มลง

เขายกนิ้วโป้งปาดมุมปากตนท่าทางดูถูกแล้วเอ่ยขึ้น “ในที่สุดก็ทนไม่ได้แล้วหรือ ? ถือว่าเป็นการตอบแทนในการทำให้ข้าได้สนุกสมใจเช่นนี้ ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าอย่างรวดเร็วก็แล้วกัน”

หวังโต้วซานค่อย ๆ คลุกคลานและลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง

จากนั้นก็บิดคอดังกร๊อบแล้วเอ่ยขึ้น “หมายเลขศิษย์ของข้าคือหมายเลข 11”

“เจ้าว่าอะไรนะ ?” เฟ้ยลาหลัวหยุดมือในพลัน

“ข้ามีนามว่าหวังโต้วซาน เป็นศิษย์ปี 9 แห่งสถาบันมังกรซ่อนเร้น ได้อันดับที่ 6 ในการประลองสิ้นปี…… แต่ครั้งนี้ข้าได้อันดับที่ 10 เท่านั้น แต่นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้าไม่ใช่คนที่แกร่งที่สุดในสถาบัน อันดับยังได้ไม่ถึง 10 อันดับแรกเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเหตุใดจึงเป็นข้าที่มาท้าทาคุชากับเจ้าได้ ?”

เฟ้ยลาหลัวเริ่มหรี่ตาลง

“เจ้าคิดจะพูดอะไร ?”

หวังโต้วซานบิดไหล่คลายเส้น “ข้าไม่เคยเต็มที่กับการต่อสู้มาก่อน…… เพราะไม่เคยมีการต่อสู้ใดมีค่ามากพอ”

จากนั้นก็เงยหน้าจ้องเฟ้ยลาหลัวเขม็ง

สายลมพัดผ่านผมเขาจนสะบัดยุ่งเหยิง

หวังโต้วซานใช้นิ้วโป้งชี้อกตน “เมื่อ 4 ปีก่อนข้าหนักเพียง 180 จิน แต่ตอนนี้ข้าหนัก 580 จินแล้ว”

เฟ้ยลาหลัวเบิกตากว้าง

“กินให้อ้วนขึ้นมากเช่นนี้ภายในเวลา 4 ปีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ข้าจึงรักและหวงแหนไขมันพวกนี้มาก กระทั่งตอนประลองก็ยังไม่ยอมนำออกมาใช้ แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน”

ระหว่างที่เขาพูด คลื่นพลังมหาศาลกว่าเก่าก็แผ่ออกมาจากร่าง บาดแผลทั้งหลายที่มีก่อนหน้าหายไปไม่เหลือรอย คล้ายกับไม่เคยมีบาดแผลใดมาก่อน

จากนั้นหวังโต้วซานก็คลี่ยิ้ม “วันนี้ข้าจะขอมอบไขมันนับร้อยจินที่ข้าประคบประหงมมาตลอดหลายปีให้กับเจ้า !”

ตู้ม !

ร่างยักษ์ของเขาพลันพุ่งเข้าใส่เฟ้ยลาหลัว แผ่กลิ่นอายเฉียบคมดุดันยิ่ง

ตานปาและเหมินตี้ย่านั่วที่เห็นภาพนี้อยู่จากที่ไกลเปลี่ยนสีหน้าไปในพลัน

ถูกโจมตีหนักหน่วงถึงขั้นนั้น เหตุใดมนุษย์ผู้นี้จึงทำท่าราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อนได้ นี่มันเป็นพลังฟื้นฟูบ้าอะไรกัน ?

ตานปาเหลือบมองซูเฉิน

ซูเฉินจึงเอ่ยตอบเสียงเรียบ “โต้วซานมีวิชาพิเศษที่สามารถเปลี่ยนไขมันเป็นพลังชีวิตได้ แต่ปกติแล้วเขามักใช้เพียงน้ำหนักกับความสามารถในการฟื้นฟูเดิมของตนเองในการต่อสู้เท่านั้น ดังนั้นในยามปกติหากนำเขามาเทียบกับพวกข้าจึงไม่นับว่าเก่งกาจอันใด แต่ยามใดที่เขาไม่คิดรักไขมันในร่างอีกต่อไปก็จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด…… ข้าขอบอกเลยว่าเตรียมตัวมาดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง”

ในเมื่ออีกไม่นานก็ต้องรู้กันแล้ว ซูเฉินจึงไม่คิดมาก บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ไปเสียเลย

นัยน์ตาตานปาฉายแววเข้าใจ “ดังนั้นเจ้าจึงมั่นใจมาท้าทาคุชาพวกข้า ?”

“แกะน้อยย่อมไม่ท้าสิงโตประลอง” ซูเฉินตอบ “ใครก็ตามที่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ได้ย่อมมีกลยุทธ์ลับเป็นของตน”

“เช่นนั้นเจ้าเล่า ? นอกจากวางแผนและปรุงยาแล้วยังทำสิ่งใดได้อีก ?” ตานปาเอ่ยถาม

ซูเฉินหัวเราะ “เมื่อทาคุชารอบนี้จบลง เจ้าจะได้รู้คำตอบในรอบต่อไปเอง”

ตานปาชะงักไป “เจ้าจะท้าต่อหรือ ?”

“ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการพวกเจ้าได้อย่างไร ? วิธีนี้เป็นวิธีสังหารพวกเจ้าที่ดีที่สุดแล้ว”

“ไม่แน่ว่าอาจเป็นพวกเจ้าที่ถูกพวกข้าสังหาร” เหมินตี้ย่านั่วคำรามต่ำ

ซูเฉินยักไหล่ “ใครจะรู้เล่า ? แต่อย่างน้อยข้าก็มั่นใจในผลการประลองรอบนี้นัก”

พูดจบ ทั้งตานปาและเหมินตี้ย่านั่วก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

กระแสน้ำได้หมุนเวียนเปลี่ยนผันอีกครา