บทที่ 156 เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง (2)
หวังโต้วซานพุ่งร่างใหญ่ราวภูเขากระโดดเข้าใส่เฟ้ยลาหลัว ภาพมายารูปกระเรียนขาวฉายชัดให้เห็นอยู่เบื้องหลัง
“ฝ่ามือพันปักษา !”
สิ้นเสียงคำรามลั่น ฝ่ามือของหวังโต้วซานก็ถูกซัดออกไปยังเฟ้ยลาหลัว ทิ้งภาพไล่หลังนับไม่ถ้วนเอาไว้
เดิมทีฝ่ามือพันปักษานั้นเป็นเพียงวิชาโจมตีธรรมดาหนึ่งของสายเลือดกระเรียนหิมะ แต่เมื่อควบรวมกับพละกำลังมหาศาลของหวังโต้วซานแล้วกลับรุนแรงกว่าระเบิดเหมันต์สนั่นพสุธาของเขาเสียอีก
ที่น่ากลัวว่าคือเขาเลือกเปิดใช้พลังตนในเวลานี้ ยิ่งเสริมพลังการโจมตีให้รุนแรงกว่าเดิม
เฟ้ยลาหลัวรู้สึกถึงกระแสพลังกดดันหนักหน่วงจนเขาแทบหายใจไม่ออก ราวกับมังกรโบราณพลันตื่นขึ้นจากการหลับใหล
เขารู้ตัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ดังนั้นจึงรวมพลังแล้วคิดจะโต้กลับการโจมตีของหวังโต้วซาน หมาป่าโลกันตร์กระโดดหมุนเวียนอยู่ที่แขนเขา จากนั้นมันก็พุ่งตัวออกไปปะทะเข้ากับฝ่ามือพันปักษาของหวังโต้วซาน ก่อให้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้น
พริบตาต่อมา เฟ้ยลาหลัวก็กระเด็นไป ก่อนที่ร่างจะร่วงกระแทกพื้นราวกับดาวตก ทิ้งหลุมหนึ่งไว้บนพื้น ก่อนที่ร่างเขาจะกลิ้งหลุน ๆ กระเด็นออกไปอีก
จากนั้นร่างยักษ์คล้ายขุนเขาของหวังโต้วซานลอยเข้ามา
เฟ้ยลาหลัวซัดฝ่ามือกระแทกพื้น ยืมแรงนั้นส่งร่างตนขึ้นฟ้า หลบร่างหวังโต้วซานได้อย่างทันท่วงที
ตู้ม !
ฝุ่นควันตลบคลุ้งไปทั่ว คลื่นพลังจากร่างยักษ์ของอีกฝ่ายซัดใส่ร่างเฟ้ยลาหลัว
“ตายเสีย !”
หวังโต้วซานร้องตะโกนแล้วพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ฝ่ามือยักษ์ซัดไปทางเฟ้ยลาหลัวอีกครา ตอนนี้หวังโต้วซานทุ่มสุดแรง กลิ่นอายดุดันที่แผ่ออกจากร่างมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
ผัวะ !
ฝ่ามือหนึ่งปะทะเข้าหน้าเฟ้ยลาหลัว ส่งผลให้ร่างเขาหมุนคว้างกระเด็นไป
เขากระอักเลือดสด ๆ ออกมา
เฟ้ยลาหลัวตกใจ
ตานปาชะงักไป
เหมินตี้ย่านั่วเองก็ตกตะลึง
มนุษย์ผู้นี้สามารถใช้พละกำลังตนทำให้นักรบอารามบาดเจ็บได้งั้นหรือ ?
เฟ้ยลาหลัวโกรธเกรี้ยวขึ้นในพลัน
“ไอ้บัดซบ !!!”
คลื่นพลังคล้ายเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นจากร่างเขาทันที
หวังโต้วซานเห็นดังนั้นแล้วก็หัวเราะ “หือ ? เจ้าคิดจะใช้พลังที่ได้มาจากอารามพลังต้นกำเนิดแล้วหรือ ?”
หวังโต้วซานรู้ดีว่าที่ผ่านมาเฟ้ยลาหลัวใช้เพียงวิชาธรรมดาของเผ่าคนเถื่อนเท่านั้น ยังไม่ได้ใช้พลังที่ได้มาจากอารามพลังต้นกำเนิด
แต่ฝ่ามือเมื่อครู่ได้ทำลายความหยิ่งยโสของเฟ้ยลาหลัวไปจนสิ้น ด้วยเขารู้ดีว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้ารับมือไม่ง่ายอย่างที่เคยคิด
เปลวเพลิงเริ่มลุกโชนขู่คำราม คลื่นพลังต้นกำเนิดเริ่มหมุนเวียนวน
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใช้เพียงความแข็งแกร่งในร่างปะทะกันอีกต่อไป พวกเขาดึงพลังจากรอบข้างมาใช้ด้วยเช่นกัน
ทั่วร่างของเฟ้ยลาหลัวปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงพลังต้นกำเนิด จากนั้นร่างเขาก็เริ่มขยายออก กลายเป็นดูบึกบึนสูงใหญ่มากขึ้น
จากนั้นเขาก็คำรามออกมา “เจ้าอยากเห็นพลังของอารามใช่หรือไม่ ? ย่อมได้ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นด้วยตาของเจ้าเอง ! มาเลย โลกันตร์คลั่ง !”
เมื่อเฟ้ยลาหลัวคำรามคำนั้นออกมา เปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นจากร่าง เฟ้ยลาหลัวกลายเป็นลูกบอลเพลิงยักษ์ในพริบตา
เปลวเพลิงนั้นไม่แผดเผาร่างเขาแม้แต่น้อย หากแต่หวังโต้วซานที่อยู่ห่างเขาราว 10 จั้งกลับสามารถสัมผัสถึงความร้อนระอุได้
สีหน้าหวังโต้วซานเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเฟ้ยลาหลัวที่เกิดใหม่จากเปลวเพลิง
การใช้พลังต้นกำเนิดประเภทไฟหรือน้ำแข็งนั้นเห็นได้ทั่วไป แต่ก็คล้ายกับยามใช้ทักษะลูกไฟ เป็นการโจมตีที่ต้องมีพลังควบคุมสูง
หากแต่วิชาที่สามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นลูกไฟมีชีวิตได้เช่นนี้นักไม่ค่อยมีให้เห็นนัก
อีกทั้งหากอีกฝ่ายมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาตลอดเช่นนี้ แล้วเขาจะต่อสู้ต่อไปอย่างไร ?
เจ้านั่นมีไฟปกคลุมทั่วร่าง กลายเป็นโล่เพลิงไป หากจะต่อยมือก็จะถูกไฟเผา อีกทั้งยังอาจถูกสวนกลับอีกด้วย
แต่นี่ล่ะคือเผ่าคนเถื่อน !
เผ่าคนเถื่อนนั้นไม่ชอบใช้วิชาซับซ้อนอย่างทักษะลูกไฟหรือกระสุนพลังต้นกำเนิด พวกเขามักใช้วิชาเรียบง่ายที่สุดเพื่อเพิ่มความแกร่งให้ตนเอง
นั่นคือการใช้พลังต้นกำเนิดมาโอบร่าง รวมพลังไฟและพลังกายเข้าด้วยกัน กลายเป็นพละกำลังมหาศาล
เรียบง่าย ตรงจุด และโจมตีได้รุนแรง !
เฟ้ยลาหลัวเริ่มใช้หินพลังต้นกำเนิดที่นำติดตัวมาด้วยเช่นกัน
แม้เปลวเพลิงจากอารามพลังต้นกำเนิดจะทรงพลัง แต่ก็กินพลังต้นกำเนิดมาก เผ่าคนเถื่อนใช้พลังต้นกำเนิดในการเพิ่มความแกร่งให้ร่างกายไปเสียมาก ดังนั้นจึงไม่เหลือพลังต้นกำเนิดกักเก็บไว้ในร่างมากนัก ซึ่งเฟ้ยลาหลัวก็ไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวเข้าซากโบราณมาเลยเว้นเสียแต่หินพลังต้นกำเนิด 10,000 ก้อนไว้ใช้ยามต่อสู้
สำหรับเขา หินเหล่านี้คือสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญมากที่สุด
ทันใดนั้นเฟ้ยลาหลัวก็คำรามขึ้น “หมาป่าโลกันตร์พิโรธ !”
เป็นหมาป่าโลกันตร์พิโรธ
หากแต่ทะเลเพลิงกลับหลอมรวมเข้ากับหมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิต มันคล้ายกับจะกลายเป็นมังกรไฟ เหินผ่านอากาศพุ่งเข้ามายังหวังโต้วซาน
เปลวเพลิงบ้าคลั่งจากหมัดพุ่งเข้าล้อมร่างหวังโต้วซาน คลื่นพลังส่งร่างกระเด็นไป ได้กลิ่นเนื้อไหม้โชยไปทั่ว
“ตายเสีย !”
เฟ้ยลาหลัวปล่อยหมัดดุดันออกไปราวสิบหมัดในคราเดียว
หมัดแกร่งดั่งเหล็กกล้าที่มีเปลวเพลิงโอบรอบพุ่งขึ้นฟ้า ครั้งนี้เปลวเพลิงโอบล้อมรอบพื้นที่ประลองในพลัน
คนอื่น ๆ เห็นเพียงว่ามีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น !
คลื่นลมจากหมัดพุ่งเข้ามา ยิ่งพัดเป่าให้เปลวเพลิงยิ่งลุกโชน หมาป่าโลกันตร์เนตรโลหิตกลายเป็นก้อนเปลวเพลิงยักษ์ ส่งเสียงหอนลั่นดุดันยิ่ง
ท่ามกลางไฟโลกันตร์บ้าคลั่ง ทั่วทั้งร่างหวังโต้วซานเต็มไปด้วยแผลไหม้หลายจุด
ถึงตอนนี้ใช้ท่าเกราะไปก็ไร้ผล ด้วยเจอพลังซัดอำนาจรุนแรงมันก็ย่อมทลายไม่ว่าเกราะใดในพริบตา
กระทั่งร่างกายทรงพลังของเขายังไม่อาจทานทนกับเปลวเพลิงร้อนระอุนี้ได้ ผิวหนังเขาเริ่มกลายเป็นเถ้า
ไขมันที่เขาสั่งสมมานานแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิต ช่วยให้หวังโต้วซานฟื้นฟูจากบาดแผลได้เร็วขึ้น หากแต่เมื่อเปลวเพลิงยังโหมอยู่เรื่อยเช่นนี้หมายความว่าเขาก็ต้องทนรับความเจ็บปวดบ้าคลั่งนี้ต่อไป
“อ๊ากกก !” หวังโต้วซานส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา
“เอาเลย ร้องเลย กู่ร้องตะโกนแล้วตายไปเสีย !” เฟ้ยลาหลัวหัวเราะด้วยความสะใจ
“เจ้า…… ฝันกลางวันกระมัง !”
หวังโต้วซานพุ่งเข้าส่งหมัดใส่เฟ้ยลาหลัว
เฟ้ยลาหลัวคิดหลบ แต่กลับพบว่าหมัดนั้นเร็วกว่าที่คาดไว้จนไม่อาจหลบทัน ดังนั้นหมัดนั้นจึงปะทะเข้าหน้าเขาอย่างจัง
ผัวะ !
โลหิตสาดกระเซ็น เฟ้ยลาหลัวถูกต่อยจนจมูกยุบลงไป
“อ๊ากกก !” เขาส่งเสียงคำรามลั่นด้วยความโกรธ
หวังโต้วซานพุ่งเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับอีกหมัดหนึ่ง เฟ้ยลาหลัวพบว่าความเร็วของหวังโต้วซานเพิ่มสูงขึ้นมาก
“นี่มัน…… เป็นไปได้อย่างไร ?” เฟ้ยลาหลัวร้องขึ้นด้วยความตะลึง
“ก็ไม่แปลก ข้ายินดีกับการโจมตีของเจ้าด้วยซ้ำ เพราะมันทำให้ข้ายิ่งรู้สึกตัวเบาขึ้นเรื่อย ๆ!” พลังชีวิตของหวังโต้วซานพุ่งขึ้นสูงพร้อม ๆ กับเสียงตะโกนลั่น
คำว่า ‘ยิ่งมากยิ่งดี’ ไม่อาจนำมาใช้กล่าวได้กับทุกเรื่อง
ร่างขนาดใหญ่โตย่อมให้ความแข็งแกร่ง แต่ก็กลายเป็นภาระหนักหน่วง ลดความเร็วในการเคลื่อนไหวลงมาก
ดังนั้นเมื่อไขมันในร่างหวังโต้วซานถูกใช้ไปเรื่อย ๆ น้ำหนักเขาจึงลดลงเรื่อย ๆ เช่นกัน แต่เพราะเหตุนั้นแรงโจมตีเขาก็จะลดลงแลกกับได้ความเร็วคืนกลับมา จึงอาจกล่าวได้ว่าตอนนี้หวังโต้วซานแข็งแกร่งมากกว่าเดิม !
ในที่สุดเขาก็สามารถเผยความแกร่งและความรวดเร็วของตนได้เสียที
มีแต่ต้องบาดเจ็บหนักซ้ำ ๆ จนน้ำหนักลดลงเกินระดับเท่านั้นสภาพร่างกายของหวังโต้วซานถึงจะย่ำแย่ลง
ใครจะไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้นแต่กลับแข็งแกร่งขึ้นได้ ?
ทันใดนั้น เฟ้ยลาหลัวก็ถูกฝ่ามือพันปักษาของหวังโต้วซานอีกครา ฝ่ามือครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าคราวก่อน แต่กลับแม่นยำตรงจุดขึ้นมาก เฟ้ยลาหลัวถูก 16 ฝ่ามือซัดเข้าใส่ไม่หยุด สัมผัสได้ถึงพลังดุดันที่ซัดเข้าร่าง ส่งผลให้เขากระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง
เฟ้ยลาหลัวรู้สึกได้เลยว่าการรัวมัดเมื่อครู่ของอีกฝ่ายทำให้ซี่โครงเขาหักไป 3 ซี่
บัดซบ !
เขาวาดแขนออก ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่คลุมล้อมร่างเขาพลันมารวมกันที่จุดเดียว ค่อย ๆ รวมตัวต่อเป็นลูกบอลเพลิง
ดูท่าเผ่าคนเถื่อนก็คงอยากใช้ลูกไฟเช่นเดียวกัน
หากแต่มีข้อแตกต่างอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือลูกไฟนั้นมารวมกันอยู่ที่มือซ้าย
จากนั้นเขาก็งอมือซ้ายกลายเป็นกรงเล็บหนึ่งแล้วง้างเข้าใส่หวังโต้วซาน
“กรงเล็บเพลิงหมาป่าหน้าเลือด !”
กรงเล็บเพลิงหมาป่าหน้าเลือดพุ่งเข้าใส่หวังโต้วซาน
การโจมตีในครั้งนี้ไม่เหมือนการโจมตีคลั่งครั้งก่อน ๆ มันมีกำลังมหาศาลถูกอัดไว้ภายในด้วย