ภาคที่ 2 บทที่ 157 เช่นนี้จึงจะเรียกว่าทุ่มสุดตัว

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 157 เช่นนี้จึงจะเรียกว่าทุ่มสุดตัว

 

 

เมื่อเฟ้ยลาหลัวปล่อยกรงเล็บนั้นออกมา ซูเฉิน ตานปา และคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนรู้ทันทีว่าตอนนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการต่อสู้

 

 

หวังโต้วซานเองก็รู้เช่นกัน

 

 

เขาไม่ลังเลอีก ที่ด้านหลังปรากฏภาพกระเรียนหิมะขึ้น

 

 

“ระเบิดเหมันต์สนั่นพสุธา !”

 

 

หลังจากใช้พลังชีวิตรักษาอาการบาดเจ็บไปเรื่อย กำลังของเขาก็ลดลงมาก ระเบิดเหมันต์สนั่นพสุธาจึงกลายเป็นวิชาที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุดของหวังโต้วซาน คลื่นพลังหิมะปะทะกับเปลวเพลิงคุกรุ่น นับเป็นวิชาที่สูสีกันพอตัว

 

 

ตู้ม !!

 

 

หิมะและเปลวเพลิงเข้าปะทะกัน

 

 

พายุหิมะทะลวงผ่านอากาศ กรงเล็บเพลิงเองก็ทะยานเข้ามาเช่นกัน ไอแสงเยือกเย็นโอบล้อมเปลวเพลิงไว้แต่ยังไม่อาจโอบเพลิงแรงได้มิด ส่วนเปลวเพลิงที่ถูกบีบอัดออกมาอย่างเข้มข้น เต็มไปด้วยพลังมหาศาลก็ฝ่าพลังเยือกแข็งเข้าไป แม้จะถูกลดแรงลงกว่าครึ่งแต่ก็ยังปะทะกับอกหวังโต้วซานอยู่ดี

 

 

ตู้ม !

 

 

สะเก็ดไฟกระจายไปทั่วทิศ

 

 

หวังโต้วซานกระเด็นไปในอากาศ เมื่อมองดูดี ๆ จะเห็นว่าครึ่งร่างถูกกรงเล็บเมื่อครู่แยกออกเป็นสองส่วน เผยให้เห็นอวัยวะภายในร่าง

 

 

เป็นกรงเล็บที่น่าเกรงขามนัก !

 

 

“อ๊ากกก !”

 

 

หากแต่ในพริบตานั้นเฟ้ยลาหลัวก็เปล่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาพร้อม ๆ กัน

 

 

แม้จะสามารถทำให้หวังโต้วซานบาดเจ็บสาหัสได้ แต่ทั้งแขนซ้ายเขาก็ถูกตัดกระเด็นไปเช่นกัน

 

 

ใยเหมันต์

 

 

นอกจากระเบิดเหมันต์สนั่นพสุธา เมื่อครู่หวังโต้วซานยังใช้ใยเหมันต์ด้วย หากแต่เขาไม่ได้ใช้วิชานี้ป้องกันการโจมตี ทว่าใช้พวกมันในชิงโอกาสการโจมตีกลับ

 

 

หลังจากเฟ้ยลาหลัวปล่อยพลังโจมตีออกมาปะทะร่างเขาแล้วก็นับว่าวิชาสิ้นสุดลง พลังในร่างเขาจะลดลงมาก นั่นเป็นจังหวะที่เขาอ่อนแอที่สุด ดังนั้นใยเหมันต์จึงสามารถตัดแขนเขาขาดได้

 

 

“อ๊ากกก ไอ้มนุษย์บัดซบเอ๊ย !” เฟ้ยลาหลัวคำรามโหยหวนด้วยความโกรธ

 

 

เขาไม่มีวิชาที่สามารถเปลี่ยนไขมันเป็นพลังชีวิตอย่างหวังโต้วซาน

 

 

หากแขนเขาขาด ก็หมายความว่าเขาจะเสียแขนข้างนั้นไปเลย

 

 

เมื่อคิดว่าจะสังหารมนุษย์สักคนแล้วต้องเสียมากมายถึงเพียงนี้ เฟ้ยลาหลัวก็โกรธจนตัวแทบระเบิด

 

 

ตานปาถอนใจ “มนุษย์ผู้นั้นทรงพลังจริง ๆ แม้เขาจะชนะการประลองครั้งนี้ แต่พวกเจ้าก็ได้ทำลายนักรบอารามไปแล้วคนหนึ่ง นับว่าสมจุดหมายเจ้าแล้ว”

 

 

ซูเฉินยิ้มน้อย ๆ “เจ้าคิดว่าชนะแล้วงั้นหรือ ?”

 

 

“เขาตายแล้ว พวกข้าจะไม่ชนะได้อย่างไร ?” ตานปาตอบ

 

 

“ข้าบอกแล้วว่าวิชากลืนสวรรค์ของหวังโต้วซานสามารถเปลี่ยนไขมันเป็นพลังชีวิตได้ ตราบเท่าที่เขายังไม่กลายเป็นกองเนื้อ เจ้าจะหาว่าเขาตายแล้วได้อย่างไร ?”

 

 

ตานปาสีหน้าเปลี่ยนในพลัน “เป็นไปไม่ได้”

 

 

“เป็นไปไม่ได้ !” เฟ้ยลาหลัวร้องตะโกนขึ้นไล่หลังมา

 

 

เขาไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง

 

 

ห่างออกไปไกล ๆ หวังโต้วซานกลับลุกขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

กรงเล็บของเฟ้ยลาหลัวผ่าร่างเขาแยกออก หากแต่ส่วนที่ถูกผ่า ตอนนี้กลับเริ่มงอกขึ้นมาใหม่อย่างน่าประหลาด

 

 

เพิ่งจะเป็นตอนนี้ที่เฟ้ยลาหลัวสังเกตเห็นว่าหวังโต้วซานตัวผอมลงมาก

 

 

เดิมทีมนุษย์ผู้นี้อ้วนนัก แต่ตอนนี้กลับเสียไขมันไปจนเกือบหมด

 

 

“ไขมันในร่างเจ้าช่วยรักษาบาดแผลเจ้าได้หรือ ?” เฟ้ยลาหลัวถามอย่างไม่อยากเชื่อ

 

 

“เจ้าเพิ่งจะรู้หรือ ?” หวังโต้วซานส่ายหน้าผิดหวัง “ข้าก็นึกว่าเจ้ารู้ตั้งนานแล้วเสียอีก เผ่าคนเถื่อนนี่ขาดสมองยามต่อสู้จริง ๆ”

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่กำลังต่อสู้กับเฟ้ยลาหลัว หวังโต้วซานใช้ไขมันที่สะสมมานานไปเรื่อย ๆ แต่เขาใช้มันเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตในระดับที่มั่นคง เฟ้ยลาหลัวมัวแต่จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่ทันสังเกตร่างของหวังโต้วซาน จนกระทั่งเมื่อครู่ที่เกือบจะสังหารหวังโต้วซานได้จึงบีบให้หวังโต้วซานต้องใช้ไขมันมากขึ้น ดังนั้นเฟ้ยลาหลัวจึงพลันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในที่สุด

 

 

ต้องยอมรับว่าเผ่าคนเถื่อนไม่ค่อยใช้สมองยามต่อสู้อย่างแท้จริง เมื่อได้ลงมือแล้ว พวกเขาจะคิดเห็นสิ่งใดไม่กระจ่างแจ้ง ใช้เพียงกำลังคว้าเอาชัยชนะมาเท่านั้น

 

 

เฟ้ยลาหลัวมีสีหน้าดุร้าย

 

 

แรงปะทะดุเดือดเมื่อครู่ทำได้เพียงบีบให้อีกฝ่ายใช้ไขมันในร่างไปมากขึ้นเท่านั้นเองหรือ ?

 

 

ส่วนบาดแผลบนร่างเขากลับสาหัสนัก อีกทั้งยังใช้พลังไปตั้งมาก

 

 

หรือก็คือหากทั้งสองฝ่ายยังต่อสู้ยืดเยื้อกันต่อไป โอกาสชนะเขารังแต่จะน้อยลงเรื่อย ๆ

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟ้ยลาหลัวก็รู้สึกราวกับใจตนร่วงหล่น

 

 

ยามพูดจบหวังโต้วซานก็หายดีจากบาดแผลทั้งหมดแล้ว

 

 

เขาขยับคอดังกร๊อบ จากนั้นก้มมองร่างกายตนเอง “ข้ากลับมาผอมอีกคราแล้ว…… นานแล้วสินะ…… ที่ข้าไม่ได้รู้สึกสบายกายเช่นนี้”

 

 

เสื้อผ้าเขาขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปนานแล้ว ที่เหลืออยู่บนร่างมีเพียงรองเท้าคู่หนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้มันก็ใหญ่เกินเท้าเขาไปแล้ว

 

 

หวังโต้วซานโยนมันทิ้งไป จากนั้นใช้พลังต้นกำเนิดสร้างกางเกงขึ้นมาตัวหนึ่งเพื่อปกปิดศูนย์กลางร่างกาย จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้นมาต่อกันเลยดีหรือไม่ ?”

 

 

แม้จะเอ่ยถาม แต่ถามยังไม่ทันจบร่างของเขาก็พุ่งเข้าใส่เฟ้ยลาหลัวแล้ว

 

 

เมื่อไขมันในร่างลดลงมากเรื่อย ๆ ความเร็วของหวังโต้วซานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

 

 

กระเรียนหิมะตอนนี้คือกระเรียนหิมะที่แท้จริง หวังโต้วซานชิงโจมตีก่อนด้วยความรวดเร็ว ฝ่ามือเขาพุ่งออกไป ทิ้งภาพไว้เบื้องหลังนับไม่ถ้วน

 

 

เมื่อเสียความแข็งแกร่งส่วนมากไปแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเขารวดเร็วขึ้นมากเพียงไหน

 

 

เมื่อเห็นหวังโต้วซานที่กลังพุ่งดข้ามา ทันใดนั้นเฟ้ยลาหลัวก็ราวกับตัดสินใจเรื่องบางอย่างได้

 

 

เขาโก่งคอคำรามลั่น “เผ่าคนเถื่อนไร้พ่าย !”

 

 

“กระทั่งยามตาย…… ก็ยังไร้พ่าย !”

 

 

“อ๊ากกก !”

 

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายดุดันของเขาก็พุ่งทะยาน ไอสังหารเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

จากนั้นเขาก็ลงมือ เคลื่อนไหวได้รวดเร็วพอ ๆ กับหวังโต้วซาน ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน เป็นอีกครั้งที่เปลวเพลิงโหมลุกขึ้น กินพื้นที่โดยรอบจนทั่ว หมักของเฟ้ยลาหลัวถูกซัดออกไปเสียงสนั่นราวฟ้าคำราม แต่ละหมัดเต็มไปด้วยกำลังมหาศาลอัดแน่นอยู่ภายใน ราวกับเขาไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน

 

 

เมื่อเห็นดังนั้นเฮ่ออวิ๋นตงก็ตกตะลึง “ได้อย่างไร ? เหตุใดจึงยังเหลือแรงสู้มากมายขนาดนี้ ?”

 

 

ซูเฉินเอ่ย “คงจะเป็นวิชาต้องห้ามที่ไม่อาจนำออกมาใช้โดยไม่คิดได้”

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร ?” เฮ่ออวิ๋นตงชะงักไป

 

 

ซูเฉินพยักพเยิดไปทางตานปา “ดูหน้าเขาสิ”

 

 

เฮ่ออวิ๋นตงหันไปมอง ก่อนจะพบว่าสีหน้าตานปาทะมึนลง นัยน์ตาฉายแววเศร้าโศก

 

 

เฮ่ออวิ๋นตงพลันเข้าใจ

 

 

ตานปาถอนใจก่อนกล่าว “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วก็ไม่มีเหตุผลต้องปิดบัง ถูกต้อง เฟ้ยลาหลัวใช้วิชาต้องห้าม วิชานี้จะดูดพลังชีวิตในร่างทั้งหมดออกมา ทำให้ลืมเลือนความเจ็บปวดทั้งหมด ดังนั้นวันนี้จะชนะหรือแพ้เขาก็ไม่รอดแล้ว”

 

 

เพื่อกำชัยชนะไว้ในมือ เฟ้ยลาหลัวยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจทำให้ชื่อเสียงนักรบอารามต้องแปดเปื้อนเพราะเขา

 

 

มนุษย์นั้นไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรของเผ่าคนเถื่อน

 

 

พวกมนุษย์มักใช้กลยุทธ์สกปรกเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย ไม่ได้ใช้กำลังที่แท้จริงแม้แต่น้อย !

 

 

เฟ้ยลาหลัวคิดดังนั้นแล้ว ความโกรธเกรี้ยวในหัวใจยิ่งพุ่งทะยานจนขีดสุด

 

 

หมัดคลั่งกระแทกร่างหวังโต้วซาน ส่งร่างเขาหมุนคว้างกระเด็นไปไกล

 

 

เมื่อไร้ซึ่งไขมันหนาทั่วร่างแล้ว หวังโต้วซานก็ว่องไวขึ้นมาก แต่ความแข็งแกร่งก็ลดลงด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาเหลือกำลังเทียบเท่ากับคนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงธรรมดาแล้ว

 

 

“ตาย !”

 

 

หลังจากคำรามออกมาเสียงดังแล้ว เฟ้ยลาหลัวก็ปล่อยหมัดนับไม่ถ้วนออกมา

 

 

คนทั้งสองเข้าปะทะร่างกันอีกครา ฝ่ามือพันปักษานับไม่ถ้วนของหวังโต้วซานที่กระจายไปทั่วถูกทำลายลง หมัดแกร่งกระหน่ำตรงเข้าปะทะหวังโต้วซาน ส่งผลให้เขากระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง เป็นอีกครั้งที่ทั่วร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด

 

 

พริบตาต่อมา ไขมันจำนวนมากก็ถูกเปลี่ยนเป็นพลังชีวิต บาดแผลของหวังโต้วซานหายดีอย่างรวดเร็ว

 

 

หากแต่ตอนนี้ตัวเขาลดขนาดลงเทียบได้กับคนปกติแล้ว

 

 

หากตอนเริ่มประลองหวังโต้วซานมี 6 ชีวิต ตอนนี้กลับถูกเฟ้ยลาหลัวทำลายไปเหลือเพียง 2 ชีวิต

 

 

ความแข็งแกร่งของนักรบอารามนั้นเผยให้เห็นเด่นชัดยิ่ง

 

 

แต่ถึงกระนั้น เฟ้ยลาหลัวก็บุกโจมตีต่อไม่หยุดยั้ง ตอนนี้ที่เขาใกล้จะหมดเวลาชีวิตลงเต็มที เขาจึงยอมแลกทุกอย่างเพื่อสังหารหวังโต้วซาน

 

 

หวังโต้วซานตกอยู่ในอันตราย

 

 

ผัวะ !

 

 

อีกหมัดหนึ่งส่งร่างหวังโต้วซานกระเด็นไป

 

 

หวังโต้วซานร่างกระแทกพื้นแล้วคว่ำหน้านอนนิ่ง น่าแปลกที่เฟ้ยลาหลัวกลับไม่ตามมาลงมืออีก

 

 

ใบหน้าเขาตอนนี้ซีดขาวจนน่ากลัว

 

 

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีดุเดือดเมื่อครู่กินพลังเขาไปมากเพียงไหน

 

 

หลังจากเปลี่ยนไขมันเป็นพลังอีกครา หวังโต้วซานก็หายดี ลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ไขมันที่เหลืออยู่ใช้ชุบเขาได้เพียงครึ่งชีวิตเท่านั้น

 

 

หวังโต้วซานส่ายหัวหมดแรง “นักรบอารามนี่แกร่งจริง แต่ข้าก็มีไพ่ตายเช่นกัน”

 

 

พูดจบก็หยิบนาขวดหนึ่งออกมากรอกใส่ปาก

 

 

เห็นดังนั้นเฟ้ยลาหลัวก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าโจมตี หมัดแกร่งดั่งเหล็กกล้ากรีดผ่านอากาศเสียงหวีดหวิว

 

 

หวังโต้วซานกินยาจนหมดขวด ยังไม่ทันได้โยนขวดยาเปล่าทิ้งหมัดของเฟ้ยลาหลัวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว

 

 

ดูท่าหมัดนี้จะเป็นการโจมตีสุดท้าย หมายระเบิดหัวหวังโต้วซาน

 

 

หวังโต้วซานยกมือขึ้นกำข้อมือเฟ้ยลาหลัวไว้

 

 

เฟ้ยลาหลัวตกใจนักเมื่อเห็นว่าหมัดของตนถูกอีกฝ่ายหยุดไว้ได้

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น หวังโต้วซานยังผลักเขากลับออกไปได้อีกด้วย รัศมีทรงพลังแผ่ออกจากร่างหวังโต้วซาน จ้องเฟ้ยลาหลัวด้วยนัยน์ตาทะมึน “ดูสิว่าใครจะแกร่งกว่ากัน”

 

 

เขาคว้าแขนเฟ้ยลาหลัวไว้แล้วยกร่างอีกฝ่ายลอยขึ้น จากนั้นฟาดร่างลงกับพื้น

 

 

ตู้ม !

 

 

แรงปะทะรุนแรงทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้บนพื้น

 

 

เฟ้ยลาหลัวรู้สึกราวกับเนื้อจะหลุดออกจากกระดูก แต่เขาก็ยังกัดฟันสู้ เขาใช้มือที่เหลืออยู่ข้างเดียวดันพื้นส่งร่างตนลอยขึ้นไป จากนั้นส่งลูกเตะใส่หวังโต้วซาน

 

 

หวังโต้วซานใช้ฝ่ามือพันปักษาอีกครา ซัดเฟ้ยลาหลัวกลับลงกระแทกพื้นอีกครั้ง

 

 

หากเป็นเมื่อก่อนหน้า เฟ้ยลาหลัวคงมีหลากหลายวิธีโต้กลับ ใช้เพียงพละกำลังจากร่างอันแข็งแกร่งของตนเอง

 

 

แต่การประลองครั้งนี้ยืดเยื้อมานาน เฟ้ยลาหลัวเหลือกำลังอยู่เฮือกสุดท้ายเท่านั้น

 

 

เขาทำได้เพียงมองหวังโต้วซานจับร่างเขากระแทกกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับตนเป็นกระสอบทราย

 

 

ถูกกระชากขึ้นมาแล้วซัดลงผืนพสุธาหลายครั้ง

 

 

ตอนนี้ไม่นับว่าเป็นการประลองแล้ว เช่นนี้คือความอัปยศ เขากำลังถูกทรมานจนตาย !

 

 

“ไม่ !” เฟ้ยลาหลัวตะโกนบ้าคลั่งออกมา

 

 

“ไม่มารดาเจ้าสิ !” หวังโต้วซานตอบกลับเสียงดัง จากนั้นคว้าร่างเฟ้ยลาหลัวโยนขึ้นฟ้า ดีดตัวเองขึ้นไปแล้วออกหมัดซัดร่างเฟ้ยลาหลัว

 

 

ผัวะ ผัวะ ผัวะ !

 

 

หลังจากซัดหมัดเข้าไปอีกหลายครั้ง ร่างของเฟ้ยลาหลัวก็โค้งงอ ก่อนจะร่วงลงพื้นราวกับดาวตก

 

 

ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ลุกขึ้นมาอีก