ตอนที่ 269 แหวนทองลิมิเต็ด

เอ่อร์ป๋อส่ายหน้า ” แม่บอกว่าพี่อยู่ข้างนอกหาเงินได้มาก พี่สามที่ทางเข้าหมู่บ้านส่งเงินให้ที่บ้านเยอะแยะ แต่พี่ไม่เคยส่งมาให้เลย แม่บอกว่าพี่เขาอยู่ข้างนอกยังเรียนรู้ได้ไม่ดีพอ “

หยางโปหันไปมองพวกลัวย่าวหัวทั้งสามคน ทุกคนล้วนเข้าใจในทันที ไม่แปลกที่พอจื่อมู่ตาย ครอบครัวของเขาจะดูแล้วไม่เหมือนกับเสียใจมากนัก หากพูดถึงความสามารถในการหาเงินของเขา แต่ละปีย่อมสามารถส่งเงินกลับมาได้ไม่น้อย มากพอที่จะทำให้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น แต่เขากลับไม่ส่งกลับมา แต่เอาไปใช้กินดื่มเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขอยู่ข้างนอก

” เอ่อร์ป๋อ ซูหนีในหมู่บ้านกับพี่ชายของเธอสนิทกันมากไหม ? ” หยางโปถามต่อ

” พวกเขา… “

 

” เอ่อร์ป๋อ รีบมาทำงานเร็ว ! ” เซอเจ๋อพลันโผล่มาทางด้านหลัง ตะโกนเรียกเอ่อร์ป๋อ

” โอ๊ะ ” เอ่อร์ป๋อยิ้มให้หยางโปอย่างอายๆ ไม่ทันได้พูดต่อก็วิ่งจากไป

หยางโปรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ที่ไม่สามารถเอาข่าวออกมาจากปากของเอ่อร์ป๋อมากกว่านี้ได้ และก็ไม่รู้เช่นกันว่าพรุ่งนี้ซูหนีเตรียมจะทำอะไรกันแน่ ?

พวกเขาไม่ได้รั้งอยู่ต่อ ด้วยอิทธิพลในหมู่บ้านของซูหนี พวกเขาเองก็ไม่อาจถามอะไรออกมาได้ และก็ยากที่จะให้คนอื่นช่วยเหลือ

รถจอดอยู่ที่นอกหมู่บ้าน ทั้งสี่คนกลับไปที่รถ ล็อครถจากด้านใน ก่อนจะเปิดช่องซันรูฟด้านบน แล้วจึงจะเปิดแอร์ในรถ

 

หยางโปนั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดสนิท หยางโปหันมองไปยังทิศทางของหมู่บ้าน ทั่วทั้งหมู่บ้านมีแสงไฟหร็อมแหร็ม เมื่อมองจากที่ไกลๆ หมู่บ้านและความดำมืดของภูเขาจึงผสานเป็นหนึ่งเดียว !

ในรถคับแคบ เมื่อต้องนั่งหลับก็ไม่สบายตัวเลย ถ้าสามารถที่จะกลับไปที่ตำบลเค่อเล่อได้พวกเขาก็ยินยอม แต่ไม่ต้องพูดถึงว่าหนทางนั้นยาวไกล แถมถนนบนภูเขายังขรุขระ พอฟ้ามืด รถก็ขับลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมลำบากกันไปก่อน

เขาเกือบไม่ได้นอนทั้งคืน ในความพร่าเลือน เมื่อหยางโปลืมตาขึ้น ท้องฟ้าก็สว่างมากแล้ว

เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า ดังนั้นจึงไม่มีแปรงสีฟัน ทุกคนได้แต่ใช้น้ำประปากลั้วปาก ก่อนจะไปที่ริมแม่น้ำ แล้วใช้น้ำในแม่น้ำล้างหน้า จึงจะกินคุ้กกี้รองท้อง

 

แปดเก้าโมง พวกหยางโปก็มาที่หมู่บ้านอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเขาเดินตรงไปยังใจกลางหมู่บ้านที่ซูหนีอาศัยอยู่

พอเดินไปถึงหน้าประตู พวกหยางโปก็พบว่า ในลานบ้านของซูหนีมีคนอยู่ไม่น้อย เมื่อก้าวเข้าประตูไปด้านใน ทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไร ยืนรออยู่ที่กลางลานบ้าน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของซูหนี ลัวย่าวหัวมองเข้าไปด้านในห้องของซูหนีอย่างกระสับกระส่าย ประตูห้องปิดสนิท ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

หลูตงซิงส่ายหน้า เตือนว่า ” ย่าวหัว อย่าร้อนใจไป นายต้องเชื่อในซูหนี ในเมื่อเมื่อวานเขาพูดอย่างนั้นแล้ว เขาก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน อีกเดี๋ยวพอเจอเขาแล้ว ยิ่งต้องระวังคำพูดและน้ำเสียง อย่าให้เกิดการเข้าใจผิดกันได้ “

 

ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” คุณวางใจเถอะ ผมจะระวัง “

หยางโปเงยหน้ามองไปที่ประตู ก็เห็นซูหนีเดินเข้ามาจากด้านนอกพอดี มือหนึ่งถือไม้เท้า ส่วนอีกมือถือขวานเอาไว้ด้ามหนึ่ง ด้านหลังคล้ายจะยังแบกของมาด้วย

ซูหนีเดินเข้ามาทีละก้าวๆ จากทางด้านใต้ ด้านหลังแบกแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ฉายอยู่เหนือร่างเขา ดูแล้วน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ทุกคนในลานเงียบเสียงลงทันที

หยางโปจ้องมองซูหนี จนกระทั่งเขาเข้ามาในลานบ้าน ถึงได้เห็นว่าด้านหลังของเขาแบกไม้หงซานมาด้วยท่อนหนึ่ง ไม้หงซานที่ยังมีกิ่งก้านถูกเขาแบกกลับมา

พอพวกเด็กหนุ่มเผ่าอี๋เห็นซูหนีเดินเข้ามา ก็รีบล้อมเข้าไป ก่อนจะช่วยรับไม้หงซาน

 

ซูหนีมองไปทางพวกหยางโป ” ทำให้พวกคุณรอนานแล้ว “

พวกหยางโปรีบส่ายหน้า ตอนนี้เองถึงได้รู้ว่าซูหนีออกไปตัดไม้ตั้งแต่เช้าแล้ว

” ลำบากซูหนีแล้ว “หยางโปกล่าว

ซูหนีผงกศีรษะ ” ฉันต้องทำของไว้ใช้ในพิธีกรรมให้พวกเธอ ของในพิธีชิ้นนี้ต้องรอจนเย็นถึงจะทำเสร็จได้ “

” ลำบากซูหนีแล้ว พวกเรารอกันได้ครับ ” หลูตงซิงกล่าว

ซูหนีผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบางๆ ” เด็กๆ ในหมู่บ้านต้องรู้สึกขอบคุณพวกเธอมากแน่ๆ “

 

ลัวย่าวหัวยิ้ม ” ต่อไปไว้พวกเราจะมาดูบ่อยๆ นะครับ สภาพแวดล้อมของชื่อสุ่ยไม่เลวเลยจริงๆ ถ้าสามารถพัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวชมวิวได้ คงจะมีคนมาเที่ยวมากมายแน่ “

” ไม่ได้ ! ” ซูหนีกระทุ้งไม้เท้าที่ถือเอาไว้ไปบนพื้นหนักๆ เอ่ยปากชี้แจงว่า ” ทำอย่างนี้จะเป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ! โรคภัยที่คนภายนอกนำมานั้นเจ็บปวดทรมาน ! “

หยางโปดึงลัวย่าวหัวทีหนึ่ง ขวางเขาไม่ให้พูดอะไรอีก ก่อนจะหันไปพูดกับซูหนีว่า ” ซูหนี เขาพูดจาไม่เป็น คุณอย่างได้ใส่ใจเลยครับ “

ซูหนีแค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง หมุนกาย ก่อนเดินเข้าไปในบ้าน

 

หยางโปจ้องมองแผ่นหลังของเขา รอจนเขาเดินไปไกลแล้ว จึงจะถามเสียงค่อยว่า ” ทำไมฉันถึงคิดว่าแหวนบนนิ้วซูหนีดูคุ้นๆ กันนะ ? “

” แหวน ? ” ตาอ้วนหลิวมองมาอย่างประหลาดใจ เมื่อกี้เขาไม่ได้สนใจหน้าตาแหวนบนนิ้วมือของซูหนีเลย

” นั่นเป็นแหวนทองคำรูปเสือชีตาห์ของคาร์เทียร์ที่เป็นลิมิเต็ดทั่วทั้งโลก ! ” หลูตงซิงพลันเงยหน้าพูดเสียงค่อย

ตาอ้วนหลิวตกใจมาก เขามองหลูตงซิง ” ต้องราคาสักสองสามแสนล่ะมั้ง ? “

หลูตงซิงพยักหน้า ” สามแสนกว่าหยวน ! ฉันมีอยู่รุ่นหนึ่ง ! “

หยางโปมองไปทางทั้งสี่ด้านของลานบ้าน ในลานนี้คนมากมายที่มาล้วนเป็นช่างไม้ พวกเขากำลังตัดไม้หงซานเป็นท่อนเล็กๆ มีคนที่ถือมีดและเริ่มลงมือแกะสลักแล้ว พวกเขาไม่สนใจที่จะคุยกับพวกหยางโปเลย

 

” ของสมัยใหม่ขนาดนี้ เขาจะมีได้ยังไง ? ” ลัวย่าวหัวพูดอย่างตกใจ

คาร์เทียร์เป็นแบรนด์อัญมณีที่หรูหราของฝรั่งเศส เข้ามาตั้งฐานในประเทศจีนเกือบสองปี แต่ซูหนีอยู่ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ จะไปมีแหวนที่ทันสมัยขนาดนี้ได้ยังไง ? หรือว่ามันจะบังเอิญเหมือน ?

หลูตงซิงส่ายหน้า ” ครึ่งหลังของปีที่แล้วฉันถึงจะซื้อมาได้ แหวนวงนั้นดูเก่าแล้ว แต่ก็ยังมองออกว่ามีร่องรอยของการขัดเงา ไม่ใช่บังเอิญเหมือนอย่างแน่นอน ! “

” สามแสน ! ” หยางโปพูดเสียงต่ำ

สามแสนนั้นไม่ได้มากมาย แต่สำหรับหมู่บ้านยากจนแถบตะวันตกเฉียงใต้แล้ว นี่เป็นราคาที่สูงเสียดฟ้าอย่างแน่นอน !

 

” เอาล่ะ พวกเราอย่าไปคิดอะไรมาก รีบเสร็จเรื่องของพวกเรา แล้วก็รีบไปจากที่นี่กัน ฉันไม่คิดจะไปสำรวจขุมสมบัติของแคว้นเย่หลางอีกแล้วล่ะ ” ตาอ้วนหลิวกล่าว

ลัวย่าวหัวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า ” ฉันเองก็คิดว่าพวกเราอย่าไปสำรวจเลย แค่เพิ่งเริ่มก็พิลึกขนาดนี้แล้ว “

หลูตงซิงมองไปทางหยางโป หยางโปพูดว่า ” ฉันเห็นด้วย “

หลูตงซิงพยักหน้า ” งั้นก็ดี พวกเราจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด “

พูดจบ ทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก

 

เมื่อทุกคนหันกายไปมองคนกลุ่มนั้น ก็เห็นว่าหลังจากที่พวกเขาเอาไม้หงซานไปตัดเรียบร้อยแล้ว ในมือทุกคนก็ถือท่อนไม้เอาไว้ท่อนหนึ่ง อีกมือหนึ่งก็ถือมีดแกะสลักแล้วเริ่มลงมือแกะ

ต้นหงซานนั้นโตช้า เนื้อมีความแข็งเป็นอย่างยิ่ง ในคนสี่คนที่แกะสลักมีวัยรุ่น และก็มีคนแก่ ความเร็วในการใช้มีดแกะสลักของพวกเขาจึงช้ามาก ดูแล้วเหมือนว่าพวกเขาจะแกะเป็นรูปสัตว์

หยางโปหันมองไปทางชายแก่ที่ทำงานได้เร็วที่สุด เห็นมีดแกะสลักในมือเขาโฉบไปมา ทุกครั้งที่ลงมีด ล้วนสามารถขูดเอาขี้เลื่อยออกมาได้ไม่น้อย

ไม่นาน สัตว์แกะสลักตัวนั้นเป็นรูปเป็นร่าง หัวเหมือนกับหมาป่าตัวหนึ่ง !