“เจ้าสามารถต่อสู้กับคนอื่นๆ ในเกมได้หรือไม่?” หลิวหนิงหยุนเกิดความประหลาดใจเมื่อฟางคำอธิบายจากเกมที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ละครเรื่องกระบี่เทพสังหารนั้นยอดเยี่ยม แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทำได้เพียงแค่ดูและเรียนรู้ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการเล่นเกมก็สามารถเล่นไปและเรียนรู้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้เธอยังมองเห็นว่าคาถาทางจิตวิญญาณที่ผู้เล่นใช้นั้นดูมีพลังมาก ที่สำคัญกว่านั้นอย่างที่ท่านโมเทียนซิงได้กล่าวไว้มันสามารถจับต้องและเรียนรู้ได้ง่าย
ท้ายสุดหากพวกเขาต่อสู้กับผู้คนหรือได้ลองใช้คาถาทางจิตวิญญาณถึงแม้ตายไปก็สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ แต่ความรู้ที่ได้ไม่ได้สลายหายไป นี่คือเหตุผลที่กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการใช้ฝึกฝน
“เจ้าสามารถลองด้วยตัวเอง!” แม้ว่าทีมของซียือจะมีลูกสมุนที่เป็นสัตว์ประหลาดถึงเจ็ดตัว แต่หากเทียบกับการต่อสู้กับหัวหน้าวิลมะแล้วถือว่าหนักเอาการเพราะครั้งนี้ไม่มีผู้คุมเสือและผู้คุมนกเหยี่ยวในกลุ่ม
ซูจิตอบคำถามของพวกเขาด้วยประโยคสั้นๆ กระชับเข้าใจง่ายเพื่อให้เสียพลังงานน้อยที่สุดเนื่องจากเธอกำลังใช้พลังงานให้การต่อสู้
“พรุ่งนี้” หลิวหนิงหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เราจะลองเล่นเกมนี้หลังจากดูละครจบ!”
“เจ้าสามารถใช้คาถาจิตวิญญาณกำจัดสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้หรือไม่?” สาวกหญิงของกลุ่มหนานหัวไปมองไปที่ปีศาจตัวใหญ่ที่ยิงสายฟ้าด้วยฝ่ามือการโจมตีของมันแต่ละครั้งดูเหมือนบีบบังคับให้เหลือหนทางน้อยลง “ไม่อันตรายหรือ?”
“เรามีทักษะและเคล็ดลับในการต่อสู้!” หลิวหนิงหยุนทราบดีว่าผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ใช้คาถาทางจิตวิญญาณเหล่านี้ในการต่อสู้ทั่วไป แต่เมื่อเธอได้พบฟางฉี ใช่! เขาคือข้อยกเว้นที่แปลกไปจากเดิม เพราะโดยปกติแล้วเธอเองก็ใช้แสงแห่งสวรรค์ของหนานหัวมาเป็นเวลาหลายปี การฝึกฝนจะทำให้เราแข็งแกร่งและมีเคล็ดลับเป็นของตัวเอง
เธอยังคงมองหน้าจอด้วยความตั้งใจ จากนั้นไม่นานแมลงขนาดใหญ่วองตัวมีเขาพร้อมด้วยตัวหนอนสีดำห้าตัวกำลังช่วยกลุ่มต่อสู้ “เจ้าพวกนี้คืออะไร?”
“พวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่ซี” ซูจิตอบ “แสงมนตร์เสน่ห์ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดหลงเสน่ห์เมื่อพวกเขาถูกเรียกใช้พวกเขาจะมีพลังเท่ากับผู้เรียก สัตว์ประหลาดทั้งเจ็ดตัวนี้สามารถเพิ่มระดับได้ตามที่เราต่อสู้”
“น่าเสียดายที่เราไม่ได้รับหนังสือทักษะแบบนี้อีก!” ซูจิทำหน้าเศร้า “ดูเหมือนว่าเทคนิคนี้หายากพอตัว ..”
“สัตว์ประหลาดเจ็ดตัวมีพลังในระดับเดียวกับเจ้าของ?” หลิวหนิงหยุนนั่งนิ่ง มันหมายความว่ายังไง? หากเธอสามารถเรียนรู้คาถาทางจิตวิญญาณนี้นั่นหมายความว่าเธอสามารถควบคุมทั้งเจ็ดตัวได้งั้นหรอ?
นอกจากนี้ทั้งเจ็ดตัวยังสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้ขณะต่อสู้ร่วมไปกับเราอีก!? เธอททำหน้าพริ้มพลางจินตนาการถึงสถานการณ์ที่เหล่าสัตว์ประหลาดเจ็ดตัวล้อมรอบศัครูของเธอ
แต่ละเทคนิคในร้านนี้มีพลังที่น่ากลัวในขณะเดียวกันก็น่าค้นหาไม่แพ้กัน!
“เสี่ยวหยู! หัวหน้าสมาคมกำลังไปทางเจ้าระวัง!”
หัวหน้าสมาคมวิลมะนั้นไม่ได้โง่เหมือนราชายักษ์มันมีไอคิวเยอะกว่านิดหน่อยเนื่องจากระดับสูงกว่า แม้ว่าฟางฉีจะพยายามถ่วงเวลาสกัดกั้น แต่มันก็พยายามตามที่โจมตีจนสร้างความเสียหายไม่น้อย ไม่มีสมาชิกสาวๆ คนใดที่เหลือรอดหลังจากถูกโจมตี
ภายใต้คาถาสายฟ้าอันทรงพลังของวิลมะ เจ้าหนอนดำทั้งห้าได้รับบาดเจ็บในขณะเดียวกันแมลงยักษ์ทั้งสองดูเหนื่อยล้าแทบตัวแตก
หลายครั้งที่ฟางฉีก็เกือบจะถูกสังหารจากการโจมตีด้วยสายฟ้า ขณะนี้เลือดของหัวหน้าสมาคมวิลมะลดลงเกือบก้นหลอด!
ทันใดนั้น! แสงสว่างวาบขึ้น แกร๊ง! สายฟ้าถูกยิงออกจากฝ่ามือมันพุ่งเข้าซูจิ .. เธอล้มลงตรงที่เกิดเหตุคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่เบื้องหลังฟางฉีนั้นหายใจไม่ทัน
“บ้าเอ้ย! วิ่งมาหาข้า ปล่อยให้โครงกระดูกถ่วงเวลาไปก่อน ไม่ต้องห่วางเลือดของมันใกล้จะหมดแล้ว!”
“เลื่อนแผนเราออกไปก่อน ไปที่ปลอดภัยก่อนจะมันจะโจมตีเราอีกครั้ง!”
หัวหน้าสมาคมวิลมะที่แข็งแกร่งตอนนี้มันอ่อนแอลงและในที่สุดมันก็ล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้องอันดังก้องภายใต้การโจมตีของพวกเขา หลังจากที่มันล้มลง พลังงานอันแข็งแกร่งหลังไหลสู่ร่างกายของพวกเขาทันที!
เหล่าสาวกจากกลุ่มหนานหัวมองดูสิ่งที่เิกดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น!?”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนกลุ่มของพวกท่านนั้นประสบความสำเร็จและได้รับพลังมากมายในการสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้?”
“ข้าเกือบบรรลุ!” ซียือร้องอุทาน “ข้าได้รับค่าประสบการณ์มากมาย!”
“ข้าก็เช่นกัน!” รวนหนิงตะกน
“ข้าตาย ..” ซูจิเช็ดน้ำตา
ผู้คนจากหนานหัวและมังกรดำรู้สึกแปลกใจ “ผู้คนสามารถได้รับความแข็งแกร่งด้วยวิธีแบบนี้ด้วย!”
“แหวนมังกร”
“แตรวิลมะ”
มีไอเทมอื่นๆอีก เช่นอาวุธ แหวน ยา พวกเขาคัดเลือกมันหลังจากที่ฟางฉีได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่สะดุดตาคือสมุดเล่มสีเหลืองเล็กๆ ที่อยู่บนพื้น
“อัญเชิญเจ้าแห่งอสูร?”
เรียกเหล่าอสูรร้าย? “อัญเชิญเจ้าแห่งอสูร?”
ฟางฉีขมวดคิ้วที่หนังสือทักษะนี้ตกลงมากจากเจ้าหัวหน้าวิลมะ
“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มันไม่ใช่เทคนิคดาบไฟ!” ฟางฉีโยนหนังสือใส่เสี่ยวหยูด้วยความผิดหวังเล็กน้อย เขาตั้งใจว่าจะได้รับหนังสือเทคนิคดาบไฟเพื่อเพิ่มความเจ๋ง
“ไว้เราค่อยลองใช้หนังสือทักษะเล่มนี้กันดูนะซูเหยา ตอนนี้เราไปเพิ่มระดับสมาคมกันดีกว่า!”
…
แตรวิลมะของเจ้าหัวหน้าสมาคมปีมะปีศาจรูปร่างมันดูคล้ายกับเขาของวัวกระทิงยักษ์
ตามตำนานหากผู้ใดหยดเลือดลงบนมันและเอ่ยคำสาบานพวกเขาจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สมาชิกทุกคนต้องอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือกัน กล่าวโดยย่อคือสิ่งพิเศษจากแตรของปีศาจนี้สามารถปกป้องรักษาสมาชิก หากผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของคนในกลุ่มเดียวกันก็จะไม่เกิดการเจ็บใด บางครั้งความเจ็บปวดอาจเกิดจากลูกหลงที่ได้รับจากกลุ่มเดียวกันเอง พลังนี้จึงเป็นตัวช่วยปกป้องรักษา
มีประกาศในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพปรากฏขึ้นใน QQ [กำเนิดสมาคมเกมจากสวรรค์ขึ้นในเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ ซึ่งเป็นสมาคมใหม่]
ข้อความช่องทางสาธารณะเผยขึ้นต่อผู้เล่นทุกคน
“สุดยอด! ”
“สมาคมคืออะไร? เราจะสร้างบ้างได้มั้ย?”
ในเมืองเม้งชงที่นั้นมีระบบสร้างสมาคมหรือกิลด์ซึ่งสมาคมของฟางฉีในตอนนี้มีรูปดาบมังกรอยู่ที่หน้าอก พร้อมแทรกอยู่หลังชื่อของพวกเขา
“ว้าวสุดยอด!“
“สมาคมแรก?”
“เร็วมาก!”
“เราสามารถเล่นเกมแบบนี้บางได้มั้ย?” ผู้เล่นหลายคนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“พวกเจ้าต้องการคนเพิ่มมั้ย? ข้าเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่?”
ซียือ, ซูจิและสมาชิกคนอื่นๆ รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ผู้คนรวมไปถึงผู้ปลูกใังถึงกับเอ่ยปากถามและมองพวกเขาด้วยความอิจฉา
แม้แต่รวนหนิงที่บ่นเรื่องฟางฉีตลอดก็ดูโล่งใจ เจียงเสี่ยวหยูเองก็ภูมิใจในตัวหัวหน้าของเธอมากเช่นกัน
ขณะเดียวกันกลุ่มปีศาจอสูรร้อยกว่าตนร่วมตัวกันอยู่นอกเมืองซาร์บาร์ก
ผู้คนตะโกนในกลุ่มปีศาจดำ “เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่ไหน?”
ช่องสำนักหลิงหยวนนาหลันหมิงสือและคนอื่นๆ ไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย “มาปล้นกันเถอะ!” ซงฉิงเฟิงกล่าว
ในมุมหนึ่งของเมืองซาร์บาร์กในตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมตัวกันเพื่อปกป้องเมือง
“จัดการ!” ยูจิคำราม ลูกไฟพุ่งตรงมาแถวแรง ท้องฟ้าในเวลานี้มีแต่ประกายสีส้ม ดูเหมือนว่าทหารยามหลายร้อยคนกำลังถูกล้อมไปด้วยแสงไฟยามค่ำคืน
“ปีศาจ!”
ตัวอักษรรูนไฟลอยขึ้นบนท้องฟ้าขณะที่เปลวไฟสีฟ้าปรากฏขึ้น แสงที่ส่องเข้ามาเริ่มเปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีฟ้า กองทหานรักษาพระองค์เองก็ก่อตัวเป็นกองทัพสี่เหลี่ยมจตุรัสและพุ่งเข้าชนกับเหล่าทหารของกลุ่มปีศาจดำ