“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมีผู้คนมากมายขนาดนี้!?”
เสียงตะโกนดังขึ้นในช่องพูดคุยของกลุ่มปีศาจดำ
“โครงกระดูกอยู่ไหน? ให้พวกมันออกมาสกัดกั้นและดันพวกเขาออกไป!”
กลุ่มปีศาจดำค้นหาผู้คนเพื่อจะเสริมทัพการตอบโต้ของพวกเขาไม่มีแบบแผน แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ต้องป้องกันตัวเองซึ่งการโต้ตอบไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นทหารองครักษ์พร้อมไปด้วยเกราะกันเวทย์และอาวุธครบมือ
ในช่องของกลุ่มราชวงศ์หยูจิตะโกน “นักรบทั้งหลายล้อมพวกเขา! นักเวทย์โจมตีกลางวง!” ทหารหลายคนมีทักษะที่ครบถ้วน พวกเขาเปิดตัวด้วยสกิลอย่างกำแพงไฟและระเบิดเปลวไฟกลางผู้คนนั้นทำให้กลุ่มของปีศาจดำนั้นได้รับผลกระทบและกระจายตัวออกในทันที
ปีศาจดำหน้ามืด “ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคนจากราชวงศ์ในจิวหัว! ผู้คุมนักรบคนนั้นมีชื่อว่ากัปตันหยู!”
“พวกเขาเป็นทหารจากตาจิน!”
“พวกเจ้าที่เหลืออยู่แบ่งกลุ่มกันออกไป” ปีศาจดำคำราม
“แยกย้าย ถอยก่อน!”
“บ้าเอ้ย! เริ่มจากแค่กลุ่มก่อนเล็กๆ ตอนนี้ลากไปยังกับสงครามเล็กๆ” ปีศาจดำสบถ “นี่มันหมาหมู่ชัดๆ”
“หัวหน้าเราจะทำอย่างไรกันดี?” ลูกสมุนของปีศาจดำเอ่ยถาม
“เรียกคนมาเพิ่ม ขอกองกำลังเสริม!” หัวหน้าปีศาจดำคำรามด้วยความโกรธแค้น “เรียกคนจากสำนักหยวนเฮง, สำนักงานมังกรม้วนรวมถึงกองกำลังอื่นๆ พาพวกเขามาเข้าร่วมที่นี่ให้หมด!”
“ในเมื่อพวกเจ้าต้องการจะต่อสู้ ได้! มาสร้างสงครามกัน!”
ช่องพูดคุยฝั่งตาจิน กงฉีผู้อาวุโสแห่งวังหลิวหยุนและกลุ่มโอเชียนได้ถูกเรียกรวมตัว แม้แต่ซูเทียนจิเองก็ถูกเรียกให้เข้าสู่ช่องบัญชาการจากจักรพรรดิตาจิน
ไม่นานนักผู้คนเกือบพันคนรวมตัวกันที่ด้านนอกเมืองซาร์บาร์ก ทั้งนี้รวมไปด้วยทหารองครักษ์ของกองทัพจิวหัว, ผู้คนจากกองกำลังขนาดใหญ่อย่างวังหลิวหยุนและสาวกจากกลุ่มโอเชียน ในด้านของทะเลดวงดาวที่นั้นรวมกองกำลังได้อย่างสู้สี ไม่มีใครยอมใคร
…
ณ กลุ่มไทชิ
ณ ขณะนี้ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง พืชส่วนใหญ่ที่นี่ได้แห้งเหี่ยวจากลมหนาวด้วยอุณหภูมิที่หนาวเย็นสงผลให้พืชสีเขียวที่เคยมีชีวิตชีวาได้ค่อยๆ ตายลง
ห่างไกลออกไปพืชและดอกไม้ทางจิตวิญญาณกลับมีสีสันที่สดสวยแถมดอกไม้ที่บานสะพรั่งพวกมันเติบโตอยู่รอบๆ ทะเลสาบที่มีน้ำสดไหลลึก ณ เชิงเขา
ชายชราสวมเสื้อคลุมสีขาวพร้อมด้วยลวดลายทองบนเสื้อคลุมเขายืนอยู่หน้าทะเลสาบพร้อมด้วยเด็กชายและเด็กหญิงตัวเล็กข้างหลัง
ชายชราม้องจ้องไปที่ปลาหลากหลายตัวที่กำลังว่ายวนในน้ำ เขาโยนเหยื่อปลาในกำมือลงไปเพียงเสี่ยววิเหล่าฝูงปลาและกุ้งก็แหวกว่ายเข้ามา เขานั่งอยู่ข้างริมทะเลสาบตั้งใจมองเหล่ากุ้งปลาที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอาหารในน้ำ ใบหน้าของเขาเกิดความผันผวนเล็กน้อยด้วยความสนใจ
“ท่านอาจารย์เราได้ทำการสอบสวนศิษย์น้องเฟงฉี ..” สาวกคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เขาอยู่ในขั้นตอนการฝึกฝนและเสียหม้อปีศาจไปใช่มั้ย?” ชายชรามองไปยังทะเลสายด้วยรอยยิ้มราวกับเขารับรู้ทุกอย่าง
“ท่าน .. รู้อยู่แล้วหรอ” สาวกทำหน้าประหลาดใจ “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านยังอนุญาตให้ศิษย์น้องทำแบบนั้นทั้งๆ ที่เขา ..”
ขณะที่สาวกกำลังพูด จู่ๆ ปลาคาร์ฟสีทองก็กระโดดขึ้นจากน้ำ
อาจารย์ของเขาชี้ไปที่ปลาตัวนั้นและพูดว่า “ดูนั่น! เจ้าปลากระโดดขึ้นจากน้ำเพื่อมาพบกับโลกภายนอกแต่มันก็ยังต้องกลับไปอยู่ในทะเลสาบเช่นเดิม” เขาพูดพลางโยนตะกร้าไม้ไผ่ข้างๆ ไปช้อนเจ้าปลาคาร์ฟก่อนที่มันจะตกลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง ตะกร้านั้นลอยไปกลางทะเลสาบ
“เจ้าเห็นอะไร?”
“เอ่อ ..” สาวกตอบเขา “เห็นปลาคาร์ฟถูกจับด้วยตะกร้าไม้ไผ่และไม่สามารถกลับลงไปในทะเลสาบได้”
“ใช่ .. มันถูกกักขังและกลับไปไม่ได้” เขาตอบและโยนมันลงกลางทะเลสาบ
ขณะที่ตะกร้าไม้ไผ่ลอยผ่านจุดกลางทะเลสาบ จู่ๆ น้ำวนใจกลางทะเลสาบก็พุ่งขึ้น ปลาประหลาดขนาดยักษ์มีเขากระโดดขึ้นอ้าปากงับเหยื่อทันที
เขาหันไปตอบกับสาวกของเขาว่า “การเลี้ยงปลาในทะเลสายมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ!”
…
เวลาเดียวกันจีวูนั่งรวมตัวอยู่กับเหล่าผู้นำของกองกำลังใหญ่ๆ อย่างกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยพร้อมด้วยอันหูเว้ยผู้บังคับบัญชาพวกเขาพูดถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้
“ข้าคิดว่าพวกท่านทุกคนทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงเวลานี้” จีวูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตามรายงานข่าวกรองลับของทหารหยุนเตียน พวกเขาจะมาถึงชายแดนของประเทศเราในไม่ช้า ข้าคิดว่าทุกคนคงรู้จุดประสงค์ของพวกเขา!”
“ท่านหมายถึง ..” หลันโมทำหน้าคิดไม่ตก
“น่าขัน! ดินแดนหยุนเตียนขั้นสูงนั้นได้รับประโยชน์มากมายจากตาจินแต่เรากลับไม่เห็นได้อะไรเท่าที่ควร” จีวูพูดจาโผงผางอย่างไม่พอใจนัก “ตอนนี้เราได้พบวิธีใหม่ในการเสริมสร้างประเทศของเราแล้ว เราจะไม่ยอมแพ้พวกเขาแน่!”
“จากความคิดข้าข้ามองว่าพวกเขาอิจฉาเรา” จุนหยางชีเย้ยหยัน “ถ้าพวกเขาต้องการการต่อสู้ เราก็จะสนอง!”
…
ฝั่งรวนหนิงและกลุ่มเพื่อนของเธอนั้นกำลังสืบเสาะเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองเม้งชง “อืม .. ดูเหมือนว่าจักรพรรดิแห่งตาจินมีส่วนเอี่ยวกับสงครามในครั้งนี้!”
“พวกเขาเพิ่งต่อสู้กันไม่นานมานี้หรือ? พวกเขาก่อสงครามอีกละหรือ? หัวหน้าสมาคมพวกเราควรไปที่นั่นไหม?”
“ไปสิทำไมละ?” ฟางฉีจิบโค้กพลางตอบ “แต่รอข้าก่อน เราจะไปดูสงครามหลังจากที่ข้าขโมยผักเสร็จ!”
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็แอบย่องเข้าไปในสวนของซูเทียนจิ ซึ่งมันว่างเปล่าตั้งแต่เธอเข้าร่วมสนามรบ .. เขาขุดหัวผักกาดอันใหญ่ออกมา
จากนั้นเขาไปต่ที่สวนของซงฉิงเฟิง ใช่! มันว่างเปล่าไม่แพ้กัน .. เขาจึงเลือกขุดมันหวานที่มีอยู่ออกมา และต่อด้วยสวนของนาหลันหมิงสือ
“โฮ่ง! โฮ่ง!” ลูกหมาตัวสีดำและสีขาวเห่าเขาแถมกระดิกหางให้ มันคือเจ้าฮัสกี้ผู้น่ารัก
“นางมีหมาด้วยหรือ?” ฟางฉีขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็เข้าไปในสวนผัก “หึ! ข้าจะเอาพีชของเจ้าไปกินซะ”
“โฮ่ง!” มันเห่าทักเขา ฟางฉีดึงพีชเสร็จจากนั้นเขาก็ขุดหัวผักกาดขึ้นมาโอบในอ้อมแขน “เจ้าหมาน้อยครั้งหน้าข้าจะเอาขนมมาฝากนะ”
เจ้าฮัสกี้กระดิกหางให้หัวขโมยอย่างตื่นเต้น เขามองย้อนกลับไปในส่วนพบว่ามันถูกทำลายไม่น้อย
“อืม .. ใครคือคนต่อไป” ฟางฉีคิดก่อนที่จะย้ายไปยังสวนต่อไป
เด็กสาวในชุดแดงจ้องหน้าฟางฉีด้วยความแค้นเคือง “นี่หัวหน้าสมาคมท่านกำลังทำอะไร? จะขโมยผักของข้าต่อหน้าข้าหรอ?”
“ขอโทษ ข้าหลงมา ..” ฟางฉีพึมพำ “ข้าควรบอกให้พวกเขาไปดูการต่อสู้ก่อนแล้วค่อยตามไป โอ้ย! ทำไมไม่คิดให้รอบคอบ”
จากนั้นเขาหันไปต้องมองสาวกจากกลุ่มหนานหัวและมังกรดำที่กำลังนั่งดูละครด้วยความตั้งใจ เขาจึงเลือกที่จะเข้าไปในสวนของพวกเขาเนื่องจากทุกคนกำลังสนใจกับละครอย่างใจจดจ่อ
“.. พวกเขายังไม่ได้เก็บผักกันอีกหรอ?” ฟางฉีถอดชุดหูฟังออกและเดินไปหาพวกเขา “พวกเจ้าเก็บผักได้แล้ว”
“โอ้ ..ได้แล้วหรอ?”
“เมื่อกี้หรอ?”
“ข้าลืมไปเลยดูละครเพลิน”
พวกเขาอุทานและรีบเข้าไปเก็บผักตามคำเตือนทันที
“อ้อ .. เก็บแล้วอย่าลืมปลูกใหม่ละ!” ฟางฉีเตือนพวกเขาอีกครั้ง
สาวกจากหนานหัวกล่าวว่า “ขอบคุณอีกครั้งที่เตือนเรา!”
หลิวหนิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเขาถึงได้ดูอบอุ่นและช่วยเหลือพวกเรา?”
หวังปู่เต๋าเอ่ย “ขอบคุณ!”
ดี .. ฟางฉีคิดในใจเขาจะได้มีผักให้ขโมยใหม่ในครั้งต่อไป