คนที่ติดต่อมาหาเทาเท่คือโซเมน ก็เป็นสิ่งที่เทาเท่นัดไว้ล่วงหน้า ทำให้เมื่อถึงเวลาโซเมนก็โทรหาเขา เพราะเขารู้ว่าการกินอาหารกับเบลซในค่ำคืนนี้จะไม่น่าภิรมย์
หลังจากที่รับสายเทาเท่ก็พูดขอบคุณโซเมน “ขอบใจนะ”
โซเมนพูดด้วยความรู้สึกเฉยๆว่า “ไม่เป็นไร”
โซเมนพูดต่ออีกว่า “เบลซและรองผู้อำนวยการลูคส์ของอุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรมความสัมพันธ์ดีมาก ทางเดินของฟอเรนากรุ๊ปหลังจากนี้คาดว่าน่าจะยากแล้วล่ะ”
โปรเจคภาพยนตร์โทรทัศน์และรายการบันเทิงต่างๆทั้งหมด หลังจากที่ผลิตออกมาแล้วต้องเสนอขออนุมัติ ถ้าเบลซได้พูดคุยเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว แล้วเขี่ยเทาเท่ให้หลุดจากตำแหน่ง เส้นทางของฟอเรน่าจะเดินต่อไปได้ดีได้อย่างไร
เทาเท่ก็คิดถึงด้านนี้เหมือนกัน เขาเดินไปพลางพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ฟอเรนากรุ๊ปในตอนนี้ไม่ใช่ฟอเรนากรุ๊ปของพ่อฉันเหมือนในปีนั้นที่ต้องการพึ่งพิงใครหรือข้าราชการคนไหนถึงจะยืนอยู่ได้”
คนคุมอำนาจสามคนของตระกูลฟอเรนา ตั้งแต่คุณท่านตระกูลฟอเรนามาถึงไกอาจนมาถึงเทาเท่คนที่มีความสามารถแย่ที่สุดคือไกอา
คุณปู่มีความสามารถและเด็ดเดี่ยว แต่ไกอาจะทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเป็นผู้นำหรือความสามารถในการวางแผนกลยุทธ์ก็ธรรมดามาก
ความสามารถธรรมดานั้นไม่เท่าไหร่ แต่ยังเจ้าชู้หลายใจ จีบคนอื่นไปทั่ว
และมันก็เป็นเพราะไกอาต้องการที่จะหย่าก็เลยถูกวีนาโวยวาย ความจริงแล้ววีนาเห็นสิ่งพวกนั้นแต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไปบ้างแล้ว
ดังนั้นตอนที่ไกอาคุมอำนาจของฟอเรนากรุ๊ป ขาดไม่ได้ที่จะต้องสมคบใกล้ชิดกับผู้คนเพื่อที่จะได้มาซึ่งผลประโยชน์และความสงบสุข
เทาเท่เป็นบุคคลที่มีความสามารถที่สุดในสามคน เขามีความเด็ดเดี่ยวของคุณปู่ แล้วก็มีกลยุทธ์แผนการของตัวเขาเอง หลายปีมานี้ฟอเรนากรุ๊ปอยู่ในมือของเขาเติบโตอย่างยิ่งใหญ่และแข็งแรงอย่างรวดเร็ว บ้าระห่ำ
ดังนั้นเขาก็พูดอย่างมั่นใจว่า “ถ้าเบลซอยากเล่นไม่ซื่อ อยากจะลองดูก็ได้”
โซเมนพูดอย่างตกใจ “โห นี่แกวางแผนไว้แล้วใช่มั้ยเนี่ย?”
เทาเท่พูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ทำตามคำสั่งคนอื่น ประจบประแจงไม่ใช่นิสัยของฉัน”
ในขณะนี้เทาเท่มาถึงที่ประตูด้านนอกของร้านอาหาร เขาชำเลืองมองไปที่รถคันหรูของเบลซอย่างเยือกเย็น แววตามีความเคร่งขรึม “เมืองเจสเวิร์ดก็ควรเป็นใต้ฟ้าของวัยของพวกเรา”
“พูดถูก” โซเมนยิ้มอย่างมีความสุข “ไอ้พวกคนแก่ควรที่จะถูกคัดออก”
เขาไม่ชอบพวกคนแก่ที่ชอบดูถูกเด็กรุ่นหลัง ขนาดงานแต่งของคนอื่นยังอยากที่จะเข้ามาแทรกแซง
น่าขยะแขยงเหลือเกิน
แน่นอนว่าคนอื่นในที่นี้ก็คือเทาเท่ก็คือรวมตัวเขาเองด้วย
โซเมนก็พูดเชิญเทาเท่อีกว่า “นี่อาหารมื้อค่ำแกกินไปไม่กินคำแน่เลย ไปกินข้าวด้วยกันป่ะ?”
เทาเท่ปฏิเสธขึ้นว่า “ไม่ล่ะ”
โซเมนพูดเชอะขึ้น “นี่แกคงไม่ได้อยากที่จะไปหาหลินจือหรอกนะ?”
เทาเท่พูดแค่ “วางล่ะนะ” เป็นการสิ้นสุดสาย เขายังคงเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไป
ทางที่เหลือก็ดูว่าเบลซจะเลือกยังไงแล้วล่ะ
ถ้าเบลซและซูซียอมรับเขากับซูซีไม่มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกัน งั้นความสัมพันธ์อันดีของตระกูลโดโนแวนและตระกูลฟอเรนายังคงรักษาไว้ได้
ถ้าไม่ยอมรับ งั้นก็มีแค่ความสัมพันธ์ที่แตกร้าว
สำหรับการพึ่งพาของเบลซ เขาไม่ถือสาที่จะทำลายทิ้ง ไม่งั้นจะให้พวกเขามาทำอะไรกับเขาก็ได้หรอ?
ณ บ้านของนานิ
งานเลี้ยงตอนเย็นของผู้หญิงสามคนดำเนินไปอย่างมีความสุข
ควีนได้ยินเสียงรถผ่านข้างนอก อดที่จะถามขึ้นไม่ได้ “ประธานเจเทาวน์ คืนนี้น่าจะเข้ามาหรือเปล่านะ?”
ครั้งที่แล้วเจเทาวน์มาเยี่ยมแล้วก็เพิ่มความคุ้มกันต่อหลินจือมากขึ้น ในฐานะเป็นคนสนิทของเทาเท่ ควีนทนดูต่อไม่ได้จริงๆ
หวังว่าคืนนี้เจเทาวน์จะมาไม่เข้ามาอีก ไม่งั้นเธอรู้สึกถึงภัยคุกคามแทนเจ้านาย
นานิพูดหยอกล้อขึ้นว่า “ทำไมเธอตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น? เธอแอบชอบเจเทาวน์ของพวกเราหรอ?”
“บ้า ที่ไหนกัน!” ควีนรีบพูดปฏิเสธ
นานิหัวเราะเบาๆขึ้นมา
จริงๆแล้วนานิไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าทำไมควีนถึงถามแบบนี้ เธอก็แค่จงใจแกล้งควีนแค่นั้น
หลังจากที่ควีนได้พูดถึงเจเทาวน์ หลินจือก็มองไปข้างนอกอย่างตื่นเต้น
เธอก็ไม่ค่อยอยากที่จะให้เจเทาวน์นั้นมาสักเท่าไหร่ หลังจากที่เจเทาวน์บอกชอบเธอและเธอปฏิเสธไป เธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ายังไง
นานิยกคิ้วขึ้น “หลินจือ ทำไมเธอตื่นเต้นตามขึ้นมาล่ะ?”
หลินจือจนใจ ทำได้บอกเรื่องที่เจเทาวน์มาสาราภาพรักกับตนเองให้คนทั้งสองฟัง
นานิคิดได้ถึงสีหน้าใจเย็นอย่างนี้ได้ตั้งนานแล้ว ควีนใจไม่ค่อยนิ่งพูดว่า “ท่านประธานเจเทาวน์สารภาพรักกับเธอ?”
ควีนรู้สึกว่าข่าวนี้เธอต้องรายงานให้เทาเท่ทราบ
หลินจือพูดพลางถอนหายใจ “ใช่น่ะสิ ทำฉันตกใจหมด”
นานิกินไปพลางพูดไปว่า “ฉันบอกแล้วว่าเขานั้นชอบเธอ ตาฉันนี่เฉียบคมมากเลยขอบอก”
นานิพูดยุต่อหลินจือ “ไม่งั้นเธอลองคบกับเขาดูมั้ย?”
หลินจือยังไม่ทันพูดอะไร ควีนก็ให้รีบร้อนขึ้น
เธอมองไปยังนานิ “เรื่องแบบนี้มันฝืนกันไม่ได้หรอกนะ?”
ควีนคิดว่าก่อนที่จะคบกับใคร ก่อนอื่นต้องรักคนนั้นก่อน
หลินจือไม่น่าจะรักเจเทาวน์หรอกนะ แล้วจะคบหากันได้ไง?
“เรื่องของความสัมพันธ์ก็เหมือนกับการค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป” นานิตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “ฉันเคยพิสูจน์มาแล้ว การได้ใกล้ชิดกับคนรัก การได้ไขว่ขว้าคนรักทำให้เกิดความรักที่สวยงามขึ้นได้”
“ดังนั้นหลินจือเธอลองคบกับเจเทาวน์ดูก็ได้นะ ไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจจะเห็นว่าพวกเธอเป็นคู่ที่เหมาะกันที่สุดก็ได้นะ”
ครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ควีนพูดอะไร หลินจือก็พูดรับว่า “ฉันก็เคยพิสูจน์มาแล้ว ผลลัพธ์ก็อย่างที่เธอรู้”
ตอนแรกนานิก็ใช้วิธีการตื้อกับนัตสึ สุดท้ายก็จีบนัตสึติด อีกทั้งยังทำให้นัตสึรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
แต่ว่าวิธีการนี้ เธอก็เคยพิสูจน์แล้ว
การแต่งงานสามปีของเธอกับเทาเท่ก็ไม่ใช่การตื้อหรือการที่ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปหรอกหรอ?
แต่ผลเป็นไงน่ะหรอ?
ผลก็คือได้หย่าร้าง ผลก็คือเทาเท่ไม่รักเธอแม้สักนิดนึงเลย ผลก็คือ…..ตัวเธอเองเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
นานิอ้าปากที่จะพูด เมื่อผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ดังนั้นน่ะ อธิบายได้แค่ว่าเธอกับเทาเท่มีบุพเพมาเจอกันแต่ไม่ได้มีบุพเพที่จะอยู่ด้วยกัน”
คำว่ามีบุพเพมาเจอกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนั้นทำให้ควีนทิ่มแทงใจนัก
แต่ว่าหลินจือยังพยักหน้าเห็นด้วย “จริง”
ในตอนนี้เสียงโทรศัพท์ของหลินจือได้ดังขึ้น หลังจากที่เธออ่านข้อความจบก็หน้านิ่วคิ้วขมวด
ในวีแชทของเธอเป็นเทาเท่ที่ส่งข้อความมาว่า ไม่อยู่บ้านหรอ?
หลินจือคิดไม่ถึง เทาเท่คงไม่ไปที่ที่เธออยู่หรอกนะ?
เธอ——
ไตร่ตรองอยู่ครู่นึง เธอจึงเลือกที่จะตอบความจริงกับเทาเท่ว่าวันนี้นานิกลับมา ฉันกับควีนปาร์ตี้อยู่ที่บ้านของนานิ คุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?
อีกฝั่งนึง เทาเท่ที่ยืนรออยู่นอกอพาร์ทเม้นท์ของหลินจือ หลังจากที่ได้เห็นข้อความของหลินจือแล้วก็กัดฟันกรอดๆ
เธอเพิ่งจะย้ายออกมาจากที่อยู่ของควีนไม่ใช่หรอ? แล้วนี่ออกไปปาร์ตี้อีก?
เธอนี่มันใช้ได้!
เขาที่ออกมาจากงานเลี้ยงอาหารค่ำของเบลซ ก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เหมือนผีเข้าอยากที่จะกินบะหมี่ที่เธอต้ม
ต่อให้ไม่มีเครื่องปรุงเยอะแยะมากมาย แค่บะหมี่ต้มร้อนๆชามนึงก็พอแล้ว
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็มีความดื้อรั้นที่อยากจะทำ
ดังนั้นเขาเลยขับรถมาที่นี่ สรุปเคาะประตูอยู่นานไม่มีคนเปิด