สายตาของทุกคนเลื่อนมองตามนิ้วของเหอเฟิงที่ขยับไปตามจุดอื่นบนแผนที่ หลายคนต่างมึนงง พวกเขาข้ามมาจุดนี้กันได้ยังไง?

 

ชูฮันนิ่วหน้า มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

 

“นี่คืออีกเมืองหนึ่ง มันต่างจากสองเมืองก่อนหน้านี้ เมืองรอบๆนั้นเหมาะสมสำหรับมนุษย์ที่จะพัฒนาเนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ผู้รอดชีวิตจำนวนมากได้จัดตั้งค่ายขนาดเล็กขึ้นที่นี้ ซึ่งไม่เพียงแต่พัฒนาการด้านพื้นที่เพาะปลูกแต่ยังมีพื้นที่เพาะเลี้ยงปศุสัตว์หลายอย่างอีกด้วย” เหอเฟิงแนะนำทีละอย่าง จากนั้นเขาก็หันหน้าไปอีกทาง “และมันก็ประมาณเมื่อเดือนก่อนเมื่อทีมลาดตระเวนของเราได้ผ่านไปที่นั่นและพบว่ามีผู้รอดชีวิตจำนวนมากได้รายงานสถานการณ์แบบเดียวกัน”

 

ขณะที่พูด สายตาของเหอเฟิงก็เบิกกว้างอยู่ครู่หนึ่ง “สัตว์เริ่มหายไปภายในข้ามคืน อาหารก็เช่นกัน”

 

ทันใดนั้นทุกคนก็เพ่งสายตามาที่เหอเฟิงและรอให้เขาพูดต่อ อะไรคือสาเหตุของสถานการณ์แปลกๆนี่กัน?

 

“ทีมลาดตระเวนของเราก็เดินหน้าต่อและพวกเขาก็ได้พบกับสถานการณ์เช่นเดียวกันนี้รอบๆเมือง” เหอเฟิงพูด จากนั้นก็ชี้ที่อีกจุดหนึ่งบนแผนที่ “มันคล้ายกับสภาพแวดล้อมของเมืองก่อนหน้านี้ และมันก็เป็นค่ายขนาดเล็กที่กำลังพัฒนา รวมทั้งปศุสัตว์และอาหาร ทุกอย่างหายวับไปภายในข้ามคืน”

 

หลายคนนิ่วหน้าและมองไปที่เหอเฟิงด้วยความงงงวย เหอเฟิงพูดถึง 4สถานที่ 2สถานการณ์ แต่อะไรคือสิ่งที่เชื่อมต่อระหว่าง 2 อย่างนี้? หรืออะไรคือความลับเบื้องหลังของเรื่องนี้กันแน่?

 

“พวกคุณคิดว่าทีมลาดตระเวนของเราจะหาเรื่องวุ่นวายเล็กๆมาให้ซางจิงเหรอ?” เหอเฟิงยิ้มและกวาดสายตามองทุกคนรอบๆ

 

หลายคนอยากจะพยักหน้าตอบรับตามจิตใต้สำนึก หากก็ได้สติและรอคอยให้เหอเฟิงพูดต่อ สถานการณ์ข้างหน้านี่มันโดดเด่นมาก มันต้องมีการค้นพบอื่นๆอีกแน่

 

เหอเฟิงแสยะยิ้มอยู่ในอก น้ำเสียงที่ใช้พูดจริงจังอย่างมากพร้อมกับนิ้วที่เลื่อนไปชี้จุดที่ 5 บนแผนที่ “ตรงจุดนี้ทีมลาดตระเวนของเราได้ทำการค้นพบครั้งสำคัญ และเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเราจึงส่งเฮลิคอปเตอร์ของทีมลาดตระเวน A ไปเพื่อติดตามสืบสวน”

 

ทันใดนั้นทุกคนก็ยืดหลังตรงมองจ้องเขม็งไปที่แผนที่ ประเด็นสำคัญกำลังจะเผยแล้ว!

 

ชูฮันที่ไม่มีท่าทีสนใจใดๆ เขายกชาขึ้นดื่มพลางคิด…ชาของซางจิงนี่ดีจริงๆ และความสามารถของเหอเฟิงก็สุดยอดมากเช่นกัน

 

“พวกคุณเดาสิว่าทีมลาดตระเวนเจออะไร?” เหอเฟิงยิ้มมุมปากอย่างยั่วยุ มันมีแววตาประกายกล้าฉายผ่านนัยน์ตาเขาไปแวบนึง มันเหมือนกับแววตาของเสือชีต้าที่ตื่นเต้นและสนุกสนานที่ได้เจอเหยื่อ “นี่เป็นทีมที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี สุดท้ายในจุดที่ 5 ทหารของเราก็เจอร่องรอยและการเคลื่อนไหวใหม่”

 

เหอเฟิงหันไปชี้นิ้วของเขาลงบนเส้นบนแผนที่ “ทีมลาดตระเวนได้ค้นพบจุดนี้ตรงนี้และเคลื่อนพลด้วยเท้าไปกว่าครึ่งเดือน ด้วยการเดินแบบนี้ความเร็วของคนพวกนั้นน่าทึ่งมาก และยิ่งน่าทึ่งขึ้นไปอีกเมื่อทุกอย่างที่เกิดระหว่างทางสอดคล้องกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น”

 

“หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยซอมบี้ถูกฆ่าล้างหมู่ มันฝรั่งที่ชาวบ้านปลูกไว้มีแต่ไส้กลวง หมู่บ้านเริ่มเปลี่ยนไป ในคืนแรกชุดชั้นในของทั้งหมู่บ้านหายไปและเช้าวันต่อมาเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมดถูกวางกองอยู่ตรงทางเข้าของหมู่บ้าน”

 

“หมู่บ้านที่ 4 ก็มีสถานการณ์เกิดขึ้นแบบเดียวกันกับอีก 3 หมู่บ้าน แต่มันมีความแตกต่างที่ลึกซึ้งอยู่ ในวันแรกมีเพียงแค่สะพานที่พังและแตกเป็นเศษฝุ่น หากวันต่อมาสะพานเดิมที่เคยพังกลับถูกสร้างขึ้นใหม่เอี่ยม”
“จุดที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นไม่มีใครสังเกตเห็นอะไรเลย มันเพียงหลังจากนั้นและเหมือนพวกเขาจะเลอะเลือนเรื่องเวลา ส่วนเรื่องกระบวนการในการขโมยนั้นไม่มีใครมีสติรับรู้อะไรเลย วิธีการซ่อนตัวของพวกเขาค่อนข้างฉลาดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะทีมลาดตระเวนได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปคอยตามรอยสืบสวนตั้งแต่แรกพวกเราก็คงหาสาเหตุไม่เจอ”

 

เหอเฟิงพูดต่อ “นักวิเคราะห์ของเราคาดการณ์ข้อสรุปได้ดังนี้ นี่ไม่ใช่การทำงานของทีมเดียว หากเป็นสองทีมที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทีมหนึ่งมุ่งหน้าไปทิศทางตรงกันข้ามกับอีกทีม และในช่วงเวลาหนึ่ง ณ สถานที่หนึ่งพวกเขาก็บังเอิญเจอกัน มันมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้น เนื้อหาของการต่อสู้นี้เป็นที่น่าสนใจมาก ด้านหน้าเป็นทีมบุกทำลายล้าง ส่วนด้านหลังค่อยไล่ล่าและซ่อมแซมการโจมตีด้านข้าง”

 

ฉางกวนหลงมองไปที่จุดต่างๆบนแผนที่ด้วยสายตาฉลาดหลักแหลม “ทั้งสองทีมนี้เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษของค่ายผู้รอดชีวิตรึเปล่า? ความสามารถในสู้รบและความเร็วในการลงมือสามารถเทียบเท่าได้กับทีมหลงยาและฮูหยา โดยเฉพาะหน่วยที่มีความสามารถด้านการขโมย พวกเขาอาจจะถูกส่งไปเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษ ทีมลาดตระเวนได้ติดต่อพวกเขารึยัง? คนพวกนี้คือใคร?”

 

เหอเฟิงส่ายหัว “นี่เป็นประเด็นที่ผมอยากจะพูดถึง พวกเขาไม่ได้สังกัดอยู่ในค่ายผู้รอดชีวิตไหนเลยและไม่ได้เป็นทหารของกองทัพ”

 

ทันทีที่เหอเฟิงพูดจบ ทั้งห้องประชุมก็ระเบิดเสียงความวุ่นวายออกมาทันที

 

“ไม่ใช่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของค่าย?”

 

“ไม่ใช่ทหาร?”

 

“ชาวบ้านงั้นเหรอ? ไม่มีทาง”

 

“ไม่เลว คือชาวบ้านนั่นเอง” เหอเฟิงส่งเสียง “ไม่เพียงแค่พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านเท่านั้น แต่ทั้งสองทีมไม่มีทั้งผู้นำหรือองค์กร คนของเราทิ้งตัวเลขลับของกองทัพไว้หลายจุดล่วงหน้าและมันมี 3 จุดที่คนพวกนี้เดินผ่านไปโดยไม่มีการติดต่อทางใดกับเราเลยหรือก็คือเพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามันคือตัวเลขลับ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่าพวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านคนธรรมดา”

 

“มันก็ฟังดูเป็นไปได้” ตวนเจียงเหว่ยพูดโพล่งขึ้นมา “หรือจะเชื่อว่าทีมพวกนี้เป็นของเอกชน และก็อาจจะมีคนใช้งานพวกเขาเพื่อเล่นละครครั้งใหญ่ก็ได้”

 

“เราคิดอย่างนั้นเช่นกัน” เหอเฟิงพยักหน้าพลางพูด “แต่ทุกครั้งที่คนเราต้องการตามหาตัวพวกเขา พวกเขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย และจะพบได้แค่ตามจุดที่มีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นเท่านั้น”

 

“ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเรากำลังตามหาตัวอยู่ จู่ๆวันหนึ่งทั้งสองทีมก็หายตัวไป 3 วันเต็มๆ แล้วพวกคุณเดาสิว่าหลังจากนั้นทีมลาดตระเวนของเราเจอกับอะไร?” จู่ๆเหอเฟิงก็หยุดพักและคลิกที่หน้าจอ “กรุณาเปิดไปที่หน้า 50 คนของเราได้เจอกับเด็กชายอายุ 6 ขวบคนหนึ่งและเขามอบบางอย่างให้คนของเรา ข้อความนี่ก็เป็นตัวยืนยันว่าอีกฝ่ายมี 2 ทีมจริงๆ”

 

พรึบ! พรึบ! พรึบ!
เสียงพลิกหน้ากระดาษดังก้อง หลายคนต่างมองไปที่ข้อความในหน้า 50 และตกอยู่ในห้วงความคิด

 

“แต่ยังโชคดีที่แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเจตนาในการเข้าร่วมกับกองทัพ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เป็นปรปักษ์กับเรา อย่างน้อยพวกเราก็ได้รู้ชื่อของทั้ง 2 ทีม”

 

น้ำเสียงของเหอเฟิงแฝงไปด้วยความเสียดายและสงสัย “มันเป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลกแต่ทั้งสองทีมนี้มีชื่อว่า กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า…”

 

“ฟู่——“

เสียงพ่นน้ำชาอย่างกระทันหันดังขึ้นขัดจังหวะพูดของเหอเฟิง

 

ทั้งห้องเงียบสงัด ทุกคนต่างมองมาที่ชูฮันที่จู่ๆก็ทำเรื่องหยาบคาย จวงฮงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดนน้ำชาในปากชูฮันพ่นใส่เต็มหน้า

 

“ชูฮัน นายทำอะไร?”