ซูซีอาละวาดที่ห้องรับแขกของบ้านตัวเอง ร่างนั้นทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ร้องไห้จนจะขาดใจ
ภาพลักษณ์และสไตล์นี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าบุคลิกดีในสายตาคนนอกที่มองมา
เนียร์ก็นั่งลงกับพื้นร้องร้องไห้ขึ้นมา ซี เขาก็แค่เทาเท่คนนึงไม่ใช่หรอ? ทำไมลูกถึงพูดออกมาได้ล่ะว่าไม่อยากอยู่ต่อแล้ว?”
“ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมา แม่ก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน!”
เบลซถูกคำพูดสองคนแม่ลูกทำให้ร้องไห้ ทำได้แค่พูดยอม ๆ ว่า “โอเคๆ ในเมื่อลูกจะแต่งกับเขาคนเดียว งั้นพ่อก็จะคิดวิธีช่วยลูกแล้วกัน”
ในขณะนั้นซูซีก็ค่อยๆสงบลง เนียร์ก็เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเพื่อดึงลูกตัวเองที่อยู่ตรงพื้นให้ลุกขึ้นมา
ซูซีกลับห้องของตัวเองอย่างไม่อยู่กับร่องกับรอย หัวถึงหมอนก็ไม่พูดสักคำ
ที่เธออาละวาดอย่างนี้ เป็นเพราะว่าเธอสัมผัสได้ถึงเบลซโกรธเทาเท่มาก
เรื่องที่ไม่อนุญาตให้เธอแต่งงานกับเทาเท่นี้นั้น เบลซไม่เพียงแต่สักว่าพูดๆไป
ซูซีเข้าใจพ่อของตัวเองดี หลายครั้งคือพูดจาคำไหนต้องเป็นคำนั้น
ดังนั้นนอกจากเธอจะอาละวาดอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่มีวิธีการอื่นที่จะให้เบลซยอมได้
เธอไม่ยอมปล่อยเทาเท่ แม่ของเธอพูดถูก ถ้ามองไปทั่วทั้งเมืองเจสเวิร์ดยังมีผู้ชายคนไหนที่ยอดเยี่ยมเท่าเทาเท่อีก?
ถ้าไม่ใช่ความมีชื่อเสียงของเทาเท่ ตอนนั้นทำไมเธอจะต้องทิ้งแฟนที่อยู่ต่างประเทศเพื่อมาใกล้ชิดกับเทาเท่ล่ะ?
แต่ไหนแต่ไรมาเธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ตอนที่เป็นวัยรุ่นเธอศรัทธาในความรัก แต่หลังจากอายุยี่สิบห้า เธอจึงเริ่มวางแผนการแต่งงานของตัวเอง
การได้แต่งงานกับผู้ชายที่มีอิทธิพลและร่ำรวยนั้น เป็นความฝันของเธอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายแบบเทาเท่นั้น ไม่เพียงแต่มีร่ำรวยมีอิทธิพล ยังมีหน้าตาความหล่อยืนหนึ่ง รูปร่างที่เพอร์เฟคและบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวที่มีมาตั้งแต่กำเนิด
ยังมีสิ่งที่เธอไม่ยอมคือเธอจะไม่ยอมแพ้ต่อหลินจือที่เป็นแม่ม้ายนั่น
เนียร์ลงมาชั้นบนถามเบลซที่ยังคงโกรธอยู่อย่างกลุ้มใจว่า “ตอนนี้จะทำยังไง?”
เบลซเอาเนคไทของตัวเองทิ้งไว้กับพื้น “ทำยังไง? ผมยังจะทำยังไงได้อีก? ถ้าคุณไม่คล้อยไปตามลูก มันก็คงจบแค่ตรงนี้แล้วล่ะ!”
เนียร์รอบดวงตาแดงขึ้นมา “ฉันจะไม่เป็นห่วงลูกที่จะทำเรื่องโง่ ๆ ได้ยังไงคะ พวกเรามีลูกสุดที่รักแค่คนเดียว ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นจริงๆ พวกเราจะทำยังไง?”
เบลซนวดที่ศีรษะแล้วนั่งบนโซฟา ก็เป็นเพราะซูซีบอกว่าไม่อยากอยู่แล้ว เขาถึงได้ยอม
“ผมจะโทรหาไกอา” เบลซใบหน้าเคร่งขรึม “ถ้าเขาจัดการกับลูกชายตัวเองไม่ได้ ก็อย่ามาโทษว่าพวกเราเอาเรื่องเลวๆของเขาในปีนั้นมาเปิดเผยไม่ได้ ถึงเวลานั้นภาพลักษณ์ของฟอเรนากรุ๊ปจะเสียหาย ผมไม่เชื่อว่าเทาเท่จะไม่เครียด!”
แน่นอนว่าเนียร์เห็นชอบกับวิธีการของเขา สองสามีภรรยาสนใจแค่ให้เป้าหมายให้ลูกตัวเองได้แต่งกับตระกูลฟอเรนา เขาลืมไปเสียสนิทว่าต่อให้เทาเทยอมที่จะแต่งงานกับซูซี การแต่งงานที่ถูกบังคับนี้ ซูซีจะมีความสุขมั้ย?
ก็เหมือนกับปีนั้นที่เทาเท่แต่งงานกับหลินจือ ผลสุดท้ายแล้วก็จบด้วยการหย่า
สองวันต่อมา การประชุมช่วงเช้าของฟอเรนากรุ๊ป
เทาเท่นั่งอยู่ที่แรกของที่ประชุม สีหน้าเข้มงวด มีเสน่ห์ดึงดูด
ควีนและจอห์นนั่งขนาบซ้ายขวาของเขา สองคนพี่น้องบุคคลที่มีความสามารถและมั่นคงในหน้าที่การงาน
ผู้บริหารระดับสูงคนนึงมองไปยังเทาเท่ถามว่า “ท่านประธานเทาเท่ ผมได้ยินมาว่าสองสามวันนี้มีการเสริชหาหลินจือคนนั้นบ่อยมาก เป็นบท The Legend of Concubine Rong ที่พวกเราลงทุนไปใช่มั้ยครับ?
เทาเท่ตอบสั้นๆว่า “ใช่”
ผู้บริหารระดับสูงคนนั้นพูดด้วยความกังวลน้อยๆว่า “บทหนังบทเดียวที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดอย่างนี้มันเหมาะสมมั้ยครับ?”
เทาเท่มองไปที่ผู้บริหารระดับสูงคนนั้นด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ เพียงแค่เขาอ้าปาก เทาเท่ก็รู้หมดแล้วว่าเขาอยากจะพูดอะไร
แล้วก็จริง เพราะเขาก็พูดขึ้นอีกว่า “แม้ว่าเรื่องนี้สุดท้ายกลับตาลปัตร ภาพลักษณ์ของเธอกลับมา แต่ถ้าวันใดวันนึงกลับตาลปัตรขึ้นมาอีกจะทำยังไงครับ?”
สายตาของเทาเท่มองไปที่เขา แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “คงไม่มีอะไรกลับตาลปัตรหรอก”
ผู้บริหารคนนั้นยังคงพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอนะครับ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ The Legend of Concubing Rong ทุ่มทุนสร้างเยอะ ถ้าเกิดเธอมีอะไรไม่ดีผุดขึ้นมาอีก ก็จะมีผลกระทบต่อโปรเจคThe Legend of Concubing Rong ทั้งหมดนะครับ”
“ท่านประธานเทาเท่ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้นะครับว่าตอนนี้หน่วยงานโทรทัศน์ตรวจสอบอย่างเข้มงวดมาก ต่อให้เธอไม่ใช่ศิลปิน แต่เป็นผู้เขียนบทก็มีความเสี่ยงใหญ่เหมือนกัน”
“ถ้าเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา โปรเจค The Legend of Concubing Rong นี้อาจจะจบลงที่ตรงนี้!”
“ดังนั้นผมแนะนำว่าให้เปลี่ยนบทเถอะครับ”
ผู้บริหารคนนั้นพูดร่ายยาวออกมาชัดเจน เทาเท่ก็ไม่ได้พูดขัดเขา
หลังจากที่ปล่อยให้เขาพูดจบ เทาเท่ก็พูดแทงใจดำว่า “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นผู้เขียนบท The Legend of Concubing Rong?”
ก่อนอื่นแม้ว่าบทอินเทอร์เน็ตจะประโคมข่าวหลินจือ แต่ไม่ได้ประโคมข่าวเรื่องหลินจือเป็นผู้เขียนบท
อย่างที่สองคือผู้บริหารคนนี้ไม่ได้รับผิดชอบธุระใดที่เกี่ยวกับฟอเรนากรุ๊ปเลย อีกอย่างนอกจาก The Legend of Concubing Rong แล้วยังมีโปรเจคภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ต่างๆอยู่มากมายที่เริ่มดำเนินการอยู่ ทำไมเขาถึงจ้องแต่ The Legend of Concubing Rong ?
ถ้าไม่ใช่เบื้องหลังมีคนยุยงเขาให้เปลี่ยนหลินจือ ยังจะเป็นอะไรไปได้อีก?
ผู้บริหารคนนั้นอึกอักชั่วขณะ “ผม…..”
เทาเท่มองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น ไม่สนใจเขาอีก แล้วเปลี่ยนหัวข้อประชุมถัดไป
หลังจากที่ประชุมเสร็จ ผู้จัดการของซูซีอยู่คนสุดท้าย
เธอพูดกับเทาเท่ในเวลาที่เหมาะสมว่า “ท่านประธานเทาเท่ คุณซูซีติดต่อฉันมา เธออยากที่จะถ่ายละครต่อ อยากที่จะทำงานต่อ”
ผู้จัดการส่วนตัวของซูซีชื่อว่าริกาเป็นคนที่ซูซีหาเอง
หลังจากที่ซูซีลาออกมาได้อย่างไม่เต็มตัวนัก ริกายังคงอยู่ที่ฟอเรนากรุ๊ปให้เธอได้ดูแลศิลปินอีกสองคน
อาจจะเป็นเพราะซูซีมีภาพจำกับเทาเท่ ในเวลานี้เขาก็ถูกชะตากับผู้จัดการคนนี้เท่าไหร่
ดังนั้นน้ำเสียงของเขาที่พูดออกมาก็เรียบๆ “ได้ คุณจัดการให้เธอด้วยนะ”
ริกาพูดขึ้นอีกว่า “ได้ยินมาว่า The Legend of Concubine Rong ยังไม่ได้กำหนดนางรอง ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าร่วมแสดงได้มั้ยคะ?”
ในใจเทาเท่ก็ยิ่งรังเกียจขึ้นไปอีก เขาพูดอย่างรำคาญว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับผม ถ้าเธอสนใจบทบาทนี้ คุณติดต่อเจเทาวน์ให้เธอมาลองดูบท”
ริการู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องชั่วขณะ แต่ก่อนขอแค่เป็นละครที่เทาเท่ลงทุน ซูซีอยากจะแสดงบทบาทไหน เทาเท่ก็จะเห็นด้วยโดยไม่ต้องพูดอะไร
ตอนนี้กลับให้เธอติดต่อผู้กำกับให้ซูซีมาลองดูบท เขาเป็นผู้ลงทุน เขาอยากให้ซูซีแสดงก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆไม่ใช่หรอ?
เห็นได้ชัดแล้วว่าเรื่องนี้เทาเท่ไม่อยากให้ซูซีมาแสดง
ริกาได้แต่ตอบว่า “รับทราบแล้วค่ะ”
จะว่าไปเธอก็เป็นแค่ผู้ส่งสาร ส่วนซูซีจะทำยังไงก็เป็นเรื่องของซูซี
หลังจากที่ริกาออกไปแล้ว เทาเท่ก็หันมากำชับควีน “ติดต่อหลินจือ อีกสักครู่ให้เธอไปพบนิปปอนด้วยกันกับผม”
ครั้งที่แล้วเธอเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรับบทพระเอก งั้นก็เชิญนิปปอนมาแล้วกัน
ในฐานะผู้เขียนบท เธอควรจะออกหน้าช่วยพูดด้วยกัน
ควีนตอบรับ “โอเคค่ะ”
หลังจากผ่านไปสิบนาที ควีนรายงานต่อเทาเท่ด้วยความลำบากใจว่า “ท่านประธานเทาเท่คะ หลินจือบอกว่าวันนี้เธอปวดท้องอย่างหนัก ลุกลงจากเตียงไม่ได้ ไปพบนิปปอนกับคุณไม่ได้แล้วค่ะ….”