เทาเท่หัวเราะหึๆ “ปวดท้อง?”
ข้ออ้างของเธอนี้ห่วยจริงๆ
ควีนรีบอธิบายแทนหลินจือว่า “วันนั้นทุกเดือนของผู้หญิง มันทรมานมากจริงๆนะคะ ฉันรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนกับโกหกนะคะ”
เสียงของหลินจือในโทรศัพท์ไร้เรี่ยวแรงจริงๆ ควีนก็เป็นผู้หญิง รู้ดีถึงความไม่สบายเนื้อตัวทุกชนิดในช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน
หลินจือปวดท้อง แต่ตัวเธอเองกลับปวดหัว
ทุกครั้งวันแรกหรือวันที่สองที่ประจำเดือนมาจะต้องปวดหัว ไม่กินยาแก้ปวดก็ทรมานไม่ไหว
เทาเท่คิ้วขมวด วันนั้นของเดือน?
แต่ก่อนทำไมเขาไม่รู้ว่าหลินจือมีปัญหานี้
หลินจืออยู่กับเขาด้วยกันมาสามปี นอกจากอาการเป็นหวัด เขาก็ไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงความไม่สบายของร่างกายตรงไหนเลย
ต่อมาก็คิดได้อีกว่า เรื่องราวแต่ก่อนที่เขาไม่รู้นั้นเยอะมาก ก็เลยเปลี่ยนมาพูดว่า “งั้นก็เรียกเจเทาวน์ไปด้วยกัน”
“โอเคค่ะ” ควีนตอบกลับ พูดถึงเจเทาวน์เธอก็รีบพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนตอนที่พวกเรากินข้าวด้วยกัน หลินจือพูดว่า……เจเทาวน์สารภาพรักกับเธอค่ะ”
“อะไรนะ?” เทาเท่คิดว่าตัวเองฟังผิด “สารภาพรัก?”
แม้เขาจะดูออกว่าเจเทาวน์มีความรู้สึกพิเศษกับหลินจือ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าเจเทาวน์จะกล้าสารภาพรัก
ควีนพยักหน้า “วันนั้นที่หลินจือบอกว่าพวกชาร์ลีไปอาละวาดที่เบลดิ้งค่ะ”
“วัวแก่กินหญ้าอ่อน เขาไม่อายบ้างรึไง” เทาเท่ปากร้ายใส่เจเทาวน์อย่างไม่เกรงใจ
แล้วพูดต่อด้วยความไม่แยแสว่า “อย่าเรียกมันไปเลย เดี๋ยวผมไปเอง”
ตอนนี้เขาคิดถึงเจเทาวน์ก็ให้รู้สึกรำคาญ ถ้าได้เจอเขาคงได้ลงไม้ลงมือกันบ้างแหละ ทางที่ดีอย่าเจอกันเลยดีกว่า
ควีนข่มยิ้มไว้แล้วพูดว่า “ค่ะ”
ควีนรู้ได้ทันทีเลยว่าทำไมเทาเท่ถึงเปลี่ยนใจไม่ไปด้วยกันกับเจเทาวน์ เป็นเพราะโมโหเรื่องที่เจเทาวน์สารภาพรักกับหลินจือ
หลินจือปวดท้องประจำเดือนจริงๆ แต่ว่าไม่ถึงขนาดที่จะลุกจากเตียงไม่ได้ เธอจงใจหาข้ออ้างเพื่อเลี่ยงร่วมงานกับเทาเท่
แต่ว่าเธอคิดอยู่ชั่วครู่ก็คิดว่าโทรหาเจเทาวน์ดีกว่า เพื่อบอกเรื่องที่เทาเท่จะไปพบนิปปอน
หลินจือไม่รู้ว่าเทาเท่จะชวนเจเทาวน์ไปด้วยกันหรือเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าถ้าเจเทาวน์ไปด้วยกันจะดีกว่า
เพราะช่วงนี้เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนการเขียนบทได้พูดคุยกับเจเทาวน์เยอะมากๆ ถ้าเจเทาวน์ไปเหมือนกันก็จะอธิบายเนื้อหาของตัวบทให้กับนิปปอนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดังนั้นหลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เทาเท่กับควีนมาอยู่นอกประตูห้องทำงานของนิปปอน ก็เห็นเจเทาวน์ที่รีบตามมาเหมือนกัน
ทันใดนั้นเทาเท่ก็ดึงสีหน้า กลับเป็นเจเทาวน์พูดอย่างหน้าตาเฉยว่า “หลินจือบอกว่าคุณจะมาเจอนิปปอน ช่วงนี้เธออยู่ในขึ้นตอนการเขียนบท พวกเราพูดคุยอภิปรายอย่างสนิทสนมด้วยกันทุกวัน ดังนั้นผมเข้าใจตัวบทและอารมณ์ของตัวละครลึกซึ้งอยู่บ้าง พวกเราคิดว่าถ้าผมมาก็ดีอยู่เหมือนกัน”
พูดคุยอภิปรายอย่างสนิทสนมทุกวัน?
พวกเขาเห็นตรงกัน?
เทาเท่มองเจเทาวน์ด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าดำดิ่งอีกครั้ง
เขาไม่พูดอะไรสักคำ เขาเดินเข้าไปในห้องทำงานของนิปปอนก่อน เจเทาวน์พยักหน้าทักทายให้กับควีนแล้วเดินตามหลังไป
ในห้องทำงาน นิปปอนมองคนทั้งสองอย่างตื่นๆ ถามอย่างสงสัยว่า “พี่ ท่านประธานเทาเท่ พวกคุณแน่ใจนะว่าทำงานร่วมกัน?”
เจเทาวน์กับนิปปอนจบจากมหาลัยเดียวกัน เพียงแต่เจเทาวน์แก่กว่านิปปอนปีสองปี
ไม่โทษนิปปอนที่ถามอย่างนี้ บรรยากาศระหว่างเทาเท่และเจเทาวน์แปลกประหลาดมาก ไม่เหมือนคนที่ทำงานการละครด้วยกันเลย กลับเหมือนศัตรูที่จะชกต่อยกันอีกไม่กี่นาทีนี้
ถ้าจะพูดให้เป๊ะก็คือหลักๆเป็นอารมณ์ของเทาเท่ที่ผิดแปลกไป
เจเทาวน์สุขุมลุ่มลึกมาก เขาพอจะรู้ได้ว่าเทาเท่ทำไมถึงมองเขาเป็นศัตรูอย่างนี้ คงจะเกี่ยวกับหลินจือเป็นแน่
เจอกับข้อสงสัยของนิปปอน เจเทาวน์เอ่ยปากพูดก่อน
เขาเอาตัวบทคร่าวๆที่นำมาด้วยยื่นส่งให้นิปปอนแล้วพูดว่า “งานแต่งของท่านประธานเทาเท่ใกล้จะเข้ามา เรื่องที่ต้องจัดการคงเยอะ ความรู้สึกเหนื่อยล้าทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดี ก็เข้าใจได้อยู่นะ”
เจเทาวน์ตั้งใจพูดถึงเรื่องการแต่งงานของเทาเท่และซูซี จงใจที่จะเพิ่มความกลุ้มใจให้กับเขา
นิปปอนยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าลืมส่งการ์ดมานะครับ”
หลายวันก่อนซูซีเข้าออกร้านชุดแต่งงานร้านเพรชบ่อยมาก นิปปอนพูดรับขึ้นอย่างนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
เทาเท่รู้สึกขุ่นเคือง ปลายลิ้นชนกับด้านหลังของฟัน เขาหันหน้าชายตามองเจเทาวน์ “ ท่านประธานเจเทาวน์ครับ วัวแก่กินหญ้าอ่อน ไม่กลัวจะเคี้ยวไม่ออกบ้างหรอครับ?”
“ก็ยังโอเคอยู่นะครับ ถ้าเปรียบกับหญ้าแก่ หญ้าอ่อนอร่อยกว่ากันเยอะ” เจเทาวน์ก็ไม่ใช่คนที่ต่อกรง่ายๆ คำพูดนี้ให้สะกิดใจของเทาเท่นัก
เทาเท่ยกมุมปากยิ้มเยาะ เก็บอารมณ์ที่อยากจะพังโต๊ะไว้
เคยพูดไว้แล้วตัวเองจะไม่กลับไปหาคนเดิม ตัวเขาเองดูถูกพฤติกรรมของตัวเองว่าช่วงนี้หวนคิดหลินจือแปลกๆ
นิปปอนวิเคราะห์ออกจากคำพูดเพียงไม่กี่คำของคนทั้งสอง สาเหตุที่ไม่คนทั้งสองปฏิปักษ์ต่อกันเป็นเพราะผู้หญิง
ผู้หญิงสวยเป็นสาเหตุ
สุดท้ายแล้วยังคงเป็นเขาที่ดึงเข้ามาสู่เรื่องบท The Legend of Concubine Rong บทสนทนาถึงกลับทิศทางมาในที่สุด
นิปปอนพูดว่า “นักเขียนฟิลคูล นี้ผมยังชื่มชมเธอนะครับ บทละครแต่ก่อนที่เธอได้เขียน บทพูดนี่มีความลุ่มลึก”
นิปปอนพูดชมถึงหลินจือ ทำให้อารมณ์เทาเท่ดีขึ้นมาบ้าง
แต่วิธีนาทีต่อมานัยน์จาเขาก็ดำขลับลงมองไปทางนิปปอน ที่ชมเธอคงไม่ใช่เพราะว่าคิดอะไรกับเธอหรอกนะ?
นิปปอนมองรับสายตาของเทาเท่พลางหยักคิ้วแล้วพูดต่อว่า “ในเมื่อพี่เป็นผลงานชิ้นแรกของผู้กำกับอย่างพี่ แล้วก็เป็นการลงทุนของท่านประธานเทาเท่ ผมรับงานแน่นอนครับ”
นิปปอนพูดขึ้นอีกว่า “แต่ผมอยากที่จะแนะนำนางรองนะครับ”
เจเทาวน์พูดด้วยความสนใจ “อยากแนะนำใคร?”
นิปปอนพูดชื่อนึงขึ้นมาว่า “ดาหลา”
เจเทาวน์ขมวดคิ้วคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็พูดว่า “ไม่เคยได้ยิน”
นิปปอนหัวเราะขึ้นแล้วพูดว่า “เป็นนักแสดงประกอบคนนึงครับ แต่ศักยภาพเหลือล้น ผมก็ไม่อยากใช้เส้นวาย พี่ก็ลองไปหาเธอก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ”
เจเทาวน์พยักหน้ารับ “โอเค”
เขาก็หันไปมองทางเทาเท่อีก แล้วพูดขึ้นเบาๆว่า “ไม่คิดเลยนะครับว่าบทนางรองอยากมีคนเล่นเยอะ เมื่อกี้ว่าที่ภรรยาของท่านประธานเทาเท่ก็โทรหาผม บอกว่าอยากลองบท”
เจเทาวน์พูดอีกว่า “ท่านประธานเทาเท่ ซูซีไม่ใช่ว่าออกจากงานแล้วจะตั้งใจเป็นภรรยาตระกูลฟอเรนาหรอครับ? แล้วอยู่ดีจะมาถ่ายละคร นี่พวกคุณมาไม้ไหนกันครับเนี่ย?”
เทาเท่ย้อนถามอย่างเย็นชาว่า “หูข้างไหนของคุณได้ยินผมบอกว่าเธอเป็นว่าที่ภรรยาของผมหรอครับ?”
นิปปอนยกกาแฟขึ้นจิบอย่างสง่างาม ท่าทีสอดส่องนั่งเฉยๆอยู่ตรงนั้น
เจเทาวน์แบมือออก “นี่เป็นเรื่องจริงที่คนเมืองเจสเวิร์ดต่างก็ยอมรับไม่ใช่หรอครับ?”
เทาเท่พูดไม่พอใจ “คนเมืองเจสเวิร์ดยอมรับ ไม่ได้แปลว่าผมจะยอมรับนิครับ”
หลังจากที่เขาพูดจบก็ลุกขึ้นบอกลานิปปอน “ในเมื่อคุยกันเรียบร้อยดีแล้ว งั้นคุณก็เซ็นสัญญากับท่านประธานเจเทาวน์นะครับ ผมไปก่อน”
แล้วก็ดึงสะบัดปลายแขนเสื้อ และเดินนำควีนออกไป