บทที่ 1082 เหยื่อล่อตัวจริง

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ขณะที่ล็อคเป้าหลิงม่อ กลิ่นอายของซุนซวี่ก็ได้เผยจากที่ซ่อนตัว ทว่าเขาราบกับไม่รับรู้ ยังคงยืนนิ่งที่เดิม และเอาแต่ยิ้มเย็นชาจ้องมองไปยังทิศทางที่หลิงม่ออยู่…

“พี่หลิง ฉันเจอเขาแล้ว!” เงาร่างของซย่าน่าโผล่ออกมาจากเงามืด พลันรีบรายงานหลิงม่อโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน พวกเย่เลี่ยนก็รีบถอยหลัง หยุดเผชิญหน้ากับพวกเฮ่อเจิ้นทันที สองวินาทีต่อมา บนปลายทั้งสองด้านของคานสูงเหนืออากาศพลันปรากฏเงาร่างสองเงา และพวกเธอก็มองตรงไปยังจุดเดียวกัน ซึ่งก็คือเงาร่างหนึ่งที่หมอบคลานอยู่ตรงกลางคาน…

อิริยาบถของซุนซวี่เหมือนแมงมุมจริงๆ เมื่อได้ยินเสียง “สวบๆ” ดังมาจากรอบกาย เขากลับหมุนศีรษะมองพวกเธอทีละคนอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ จากนั้นจึงค่อยพูดว่า “ในที่สุดก็ได้เจอกันซักทีนะ พวกเธอถูกส่งมาจับฉันสินะ? ทำเป็นเหมือนเตรียมลอบโจมตีคนกลุ่มนั้น ที่แท้กำลังรอให้ฉันเผยช่องโหว่ ถ้าอย่างนั้น เมื่อกี้ที่จู่ๆ คนคนนั้นเคลื่อนไหว เขาไม่ได้คิดจะลงมือพร้อมพวกเธอ แต่แค่ทำไปเพื่อล่อฉันออกมางั้นหรอ?”

“ในเมื่อแกรู้แล้ว จะพูดมากอีกทำไม? คิดจะถ่วงเวลาเพื่อหาวิธีรับมือหรอ? ฉันว่าแกประหยัดแรงไว้ดีกว่า ยังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองอีกหรือไง” ซย่าน่าตอกกลับอย่างเย็นชา เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู สี่สาวซอมบี้ไม่คิดจะปกปิดกลิ่นอายแต่อย่างใด ถึงแม้ดวงตาสองข้างไม่เปลี่ยนสี แต่เมื่อเคียวดาบของซย่าน่าตวัดกลางอากาศเป็นรูปครึ่งวงกลมดัง “ขวับ” ซอมบี้สาวสี่ตัวก็ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอยืนอยู่ตรงนั้น พวกเธอเพียงทำให้รู้สึกอันตราย แต่เมื่อสายตาของพวกเธอแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและชั่วร้าย อุณหภูมิรอบตัวก็ราวกับติดลบเฉียบพลัน

และเป้าหมายที่แสดงความเป็นศัตรูต่อพวกเธออย่างซุนซวี่ก็ดูเหมือนจะตกใจไม่น้อย เขามองพวกเธออย่างตื่นตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ หุบยิ้ม สิ่งที่เข้ามาแทนที่ กลับกลายเป็นสีหน้าสับสน “ทำเอาคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย…ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเธอคิดจะต่อต้านจนถึงที่สุด ฉันยังคิดว่าจะชวนพวกเธอเข้ากลุ่ม ถึงแม้ในร่างของพวกเธอจะไม่มีแมงมุม แต่กลิ่นอายของพวกเธอในตอนนี้ กลับคล้ายกับแมงมุมมาก ซึ่งมันทำให้ฉันสงสัยมาก อีกอย่างท่าทางพวกเธอยังมีเรี่ยวแรงเต็มเปี่ยม ดูไม่เหมือนพวกที่สู้กับพวกเราก่อนหน้านี้ ถ้าอย่างนั้น ในทีมของพวกเธอ อย่างน้อยก็ต้องมีสมาชิกมากกว่าครึ่งที่เก่งเรื่องต่อสู้ ไม่น่าล่ะ พวกเธอถึงได้แข็งกร้าวอย่างนี้ ขนาดพวกฉันเตือนแล้ว แต่พวกเธอก็ยังดึงดันจะสู้ต่อ…”

“แบบนั้นเรียกว่าเตือนแล้วงั้นหรอ?” ซย่าน่าตัดบทเขาอย่างรำคาญ

“อะไรนะ?” ซุนซวี่ชะงักงัน พลันย้อนถามอัตโนมัติ สิ่งที่เขาหมายถึง ย่อมเป็นเรื่องที่พวกเขาขู่ทำลายโกดังอาหาร แต่ทำไมอีกฝ่ายกลับดูเหมือนไม่แยแสซักนิด? เขาหารู้ไม่ ว่าในทีมมีสมาชิกทีมไม่กี่คนที่ไม่สนใจเรื่องโกดังอาหาร และตอนนี้พวกเธอล้วนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดังนั้นซย่าน่าไม่ได้กำลังแสร้งทำเป็นไม่สนใจ นั่นจึงทำให้เขาสงสัยในการวิเคราะห์ของตัวเอง

“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แล้วทำไมพวกเธอถึงยังยืนกรานจะสู้กับพวกเราจนถึงที่สุด?” ซุนซวี่ถาม

ซย่าน่ากลอกตาขาวอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็ตอบเหมือนมันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว “เหลวไหล แน่นอนว่าเพื่อจางเส่อที่ถูกพวกแกฆ่าไงล่ะ!” ยังไม่สิ้นเสียงพูดของเธอ เงาร่างของซย่าน่าพลันโฉบไหว วินาทีถัดมาเงาร่างเธอปรากฏตัวตรงหน้าซุนซวี่ ขณะเดียวกัน กระแสลมแรงอีกสามเส้นก็พลันพุ่งเข้ามาจากอีกสามทิศที่เหลือ และล้อมซุนซวี่ไว้จนมิด

พวกเธอเลือกโจมตีในจังหวะที่พร้อมเพรียง อีกทั้งยังเคลื่อนไหวเร็วจนน่าตกใจ กอปรกับมีซย่าน่าคอยเบี่ยงเบนความสนใจ การโจมตีครั้งนี้ ซุนซวี่แทบไร้ที่หลบหลีก! ความจริงแล้ว กว่าเขาจะตั้งสติได้ เขาก็ถูกสกัดจนไร้หนทางหนีแล้ว แต่ที่ทำให้ซย่าน่าขมวดคิ้วเบาๆ คือซุนซวี่กลับไม่ได้มีท่าทีแตกตื่น ตรงกันข้าม เขากระตุกมุมปากเผยยิ้มประหลาด

สวบ!

เสี้ยววินาทีที่เคียวดาบฟาดฟันลงไป ซุนซวี่พลันหายตัวไปจากตรงนั้น…ภายใต้สถานการณ์ที่หน้าหลังซ้ายขวาถูกปิดกั้น เขากลับเลือกกระโดดลงไปข้างล่าง…

“หมอนี่กำลังรนหาที่ตายหรือไง?” หลี่ย่าหลินก้มหน้ามอง อดพูดขึ้นไมได้ ซุนซวี่เลือกทิ้งตัวลงกลางอากาศ ไม่ต่างกับการละทิ้งโอกาสในการต่อต้านทั้งหมดแม้แต่น้อย ด้วยพลังของซอมบี้อย่างพวกเธอ สามารถหั่นร่างเขาให้กลายเป็นแปดส่วนก่อนที่เขาจะถึงพื้นเสียอีก คนคนนี้ถึงแม้ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเธอ แต่จากการลอบโจมตีเมื่อกี้ก็น่าจะดูออก ว่าพลังต่อสู้ของพวกเธอต้องไม่ต่ำกว่าที่เขาคาดไว้แน่นอน

“ไม่ เขา…เขามีแผนอื่น!” เย่เลี่ยนส่ายหน้า ตะโกนบอกเสียงเบา ม่านตาของเธอเริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว วินาทีนี้มีเพียงเธอคนเดียวที่สามารถมองเห็นได้ ซุนซวี่ไม่ได้เพียงกระโดดลงไปเฉยๆ แต่เขากำลังทิ้งตัวลงไปโดยมีใยแมงมุมมากมายคอยยึดร่างเขาไว้

“ขวางเขาไว้!” ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินได้สติทันที พวกเธอง้างดาบขึ้นและฟันไปใต้คาน แต่กว่าใยแมงมุมจะถูกตัดขาด ซุนซวี่ก็ได้อาศัยแรงเหวี่ยงกระโดดไปข้างหน้า และทิ้งตัวลงบนเครื่องจักรที่อยู่ไม่ไกล เมื่อกลุ่มหญิงสาวกระโจนตามลงไป เงาร่างของซุนซวี่ก็ได้หายลับเข้าไปในเงามืดอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้พวกเธอล้วนเห็นอย่างชัดเจน รูปแบบการเคลื่อนไหวของซุนซวี่แตกต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง เขาใช้มือและเท้าทั้งสี่ข้างในการเคลื่อนไหว เมื่อเจอสิ่งกีดขวางก็กระโจนข้ามเหมือนแมงมุมไม่มีผิด

“คิดหนี?” อวี๋ซือหรานแค่นเสียง พลันยื่นนิ้วมือออกไปด้วยใบหน้าได้ใจ แผลที่ปลายนิ้วของเธอเริ่มสมานตัวกันแล้ว แต่ยังสามารถมองเห็นรอยแผลเล็กๆ อยู่

“ฉันดีดเลือดใส่ตัวมันหยดหนึ่งแล้ว มันหนีไม่รอดแน่ ปล่อยให้มันวิ่งหางจุกตูดไปเถอะ เสียแรงเปล่า” อวี๋ซือหรานพูดอย่างมั่นใจ

“ไม่คิดเลยว่านอกจากขายเพื่อนแล้ว เธอยังมีประโยชน์อย่างอื่นอยู่ด้วย…” ซย่าน่าทอดถอนใจ

หลี่ย่าหลินกลับจับแมงมุมจากใต้คานมาได้สองตัว ผิวด้านนอกของพวกมันล้วนเป็นสีดำสนิท ดูแล้วไม่น่าจะมีพิษร้ายแรง แต่เมื่อพวกมันถูกจับขึ้นมา ใต้ท้องกลับมีใยแมงมุมยาวๆ เส้นหนึ่งยืดยาวตามมาด้วย หลี่ย่าหลินลองดึงใยแมงมุมสองสามที จากนั้นก็เบิกตากว้างบอกว่า “ยืดได้หดได้ ยืดหยุ่นได้ดีมาก…ไม่ขาดง่ายๆ ด้วย”

“ความแข็งแรงระดับนี้ ไม่เป็นปัญหาต่อการรับน้ำหนักของผู้ใหญ่หนึ่งคนเลย” ซย่าน่าเพิ่งจะหยิบมาดู ก็พบว่าพลังชีวิตของพวกมันเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกมันก็ขดตัว และแน่นิ่งไม่ขยับอีก

“แต่ว่า…อายุขัยสั้นมาก” เย่เลี่ยนพูดเสริมการวิเคราะห์ของพวกเธอเงียบๆ

ซย่าน่าครุ่นคิด ทว่าจู่ๆ เธอก็โยนแมงมุมทิ้งไป บอกว่า “ไม่สิ พวกเราต้องรีบไล่ตามมันไป! มันอาจรู้ตัวว่าถูกซือหรานดีดเลือดใส่แล้วก็ได้ ที่ไม่หลบ เพราะต้องการแสดงละครตบตาให้เราตายใจ! อย่างเมื่อกี้ฟังจากน้ำเสียงของมัน เหมือนมันเดาไว้อยู่แล้วว่าจะลงเอยแบบนี้ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมมันต้องยอมมาติดกับดักด้วยตัวเองล่ะ? พี่หลิงเองก็อาจจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ถึงได้จงใจเผยตัว! แต่น่าเสียดาย พวกเราไม่มีใครรู้เลยว่ามันทำแบบนี้ทำไม…แต่ที่มั่นใจได้คือ แผนการของมันไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เห็นภายนอกแน่นอน!”

เวลานี้ หลิงม่อกำลังมองเข้าไปในความมืดเงียบๆ “แกคิดจะทำอะไรกันแน่? ถึงตอนนี้ คงใกล้เปิดเผยแล้วสินะ?…” เขาไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของซุนซวี่ แต่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอย่างนี้ได้ แสดงว่าเบื้องหลังจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือบลัดมาเธอร์ตัวนั้นยังไม่ยอมโผล่ออกมาซักที นั่นทำให้หลิงม่อไม่สามารถวางใจได้…

ครืนนน…

ไม่กี่วินาทีถัดมา แรงสั่นสะเทือนเบาๆ พลันส่งผ่านจากพื้นใต้เท้า ไม่นาน แม้กระทั่งอาคารทั้งหลังก็ไหวสะเทือนไปด้วย…

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนหรืออะไร…ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนที่อยู่ในตัวอาคารล้วนได้ยินเสียง “แจ๊บๆๆ” ที่เคลื่อนจากไกลเข้ามาใกล้

“เสียงอะไรน่ะ?” พวกเฮ่อเจิ้นยืนแตกตื่นอยู่ที่เดิม แวบแรกที่ได้ยินเสียงนี้ พวกเขาอดสะดุ้งสุดตัวไม่ได้

“แผ่นดินไหว?”

“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง…”

“มีอะไร…กำลังมา…” เฮ่อเจิ้นมองออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าซีดเผือด พลางพึมพำ

แทบจะในขณะที่สิ้นเสียงพูดของเขา เสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นพลันระเบิดขึ้นในตัวอาคาร

เศษปูนและกระเบื้องมากมายกระจายทั่วทิศ พร้อมกับการปรากฏตัวของเงาร่างมหึมาที่มุดขึ้นมาจากใต้ดิน และยืนตระหง่านอยู่กลางอาคาร เมื่อมันปรากฏตัว มันก็ยกขาแมงมุมสองข้างที่อยู่ด้านหน้า พุ่งแทงไปยังเบื้องหน้าซึ่งถูกปกคลุมด้วยฝุ่นคลุ้งอย่างแรง มันปรากฏตัวกะทันหัน โจมตียิ่งดุดันเกรี้ยวกราด…

ตรงนั้น…คือตำแหน่งของหลิงม่อ!

ที่แท้เหยื่อล่อตัวจริง ไม่ใช่พวกเฮ่อเจิ้น แต่เป็นตัวซุนซวี่เอง! เขาเข็นเรือตามน้ำโดยการเล่นตามแผนการของพวกหลิงม่อ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว และเรื่องแบบนี้ แม้แต่พวกเฮ่อเจิ้นที่เป็นพวกเดียวกับเขาก็ยังไม่รู้…

“คราวนี้ เขาไม่มีทางรอดแน่นอน” ซุนซวี่ชะงักครู่หนึ่ง มองไปยังตำแหน่งที่บลัดมาเธอร์ปรากฏตัว “น่าเสียดาย ยังไม่ได้เจอหน้ากันเลย” ปากบอกว่าเสียดาย แต่ในสายตาเขากลับสะท้อนแววเบื่อหน่าย ในสถานการณ์อย่างนี้ ผู้หญิงกลุ่มนั้นคงไม่มีแก่ใจจะมาไล่ฆ่าเขาแล้วล่ะมั้ง…

“โครม!”

พลังของบลัดมาเธอร์น่าเกรงขาม ไม่เพียงแต่พื้นอาคารบริเวณที่ถูกมันฟาด แม้แต่เครื่องจักรที่อยู่รอบด้านก็เสียหายกันถ้วนหน้า แท่นกลึงที่อยู่ตรงกลางขาดออกเป็นสองท่อน ภายใต้การโจมตีอย่างนี้ ไม่มีมนุษย์หน้าไหนรอดชีวิตไปได้แน่นอน ส่วนคนอื่นๆ เพียงได้ยินเสียงนี้ ก็สามารถจินตนาการถึงภาพน่าอนาถนี้ได้แล้ว

แต่หลังจากที่ฝุ่นควันจางหายไป ด้านหลังบลัดมาเธอร์ กลับมีเงาร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา…