บทที่ 1083 ระเบิดรัวๆ

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เสี้ยววินาทีที่เงาร่างนั้นปรากฎ ซุนซวี่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง “นี่มันเรื่องอะไรกัน?!” ถึงแม้ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่กลิ่นอายจากเงาร่างนั้นให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่งนัก

ผู้รอดชีวิตคนนั้น! ความรู้สึกนี้ ความกดดันที่เกิดขึ้นทางจิตใจนี้…ไม่ผิดแน่ เป็นเขา! เมื่อกี้ตอนที่เขาจงใจเปิดเผยตัว กลิ่นอายที่ซุนซวี่สัมผัสได้ เหมือนกับกลิ่นอายนี้ทุกประการ เขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน!

แต่ว่า เขาควรตายไปแล้วไม่ใช่หรอ? หรือภายใต้การโจมตีของบลัดมาเธอร์ เขายังสามารถต้านทานได้อีก?

นอกเสียจากว่า…การโจมตีของบลัดมาเธอร์จะล้มเหลว?

ซุนซวี่ทำหน้าราวกับไม่อยากเชื่อ เพื่อเตรียมการลอบโจมตีครั้งนี้ ถือว่าเขาลงแรงไปไม่น้อยทีเดียว กระทั่งยอมเอาความปลอดภัยของตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อ…แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!

ขณะเดียวกัน บลัดมาเธอร์เองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่อยู่ข้างหลังตัวเอง

ถึงแม้ว่ามันมีขนาดตัวมหึมา แต่กลับมีการตอบสนองที่รวดเร็วน่าทึ่ง แทบจะในขณะเดียวกับที่มันรู้ว่ามีเงาร่างปรากฏ สองเท้าหลังก็พุ่งแทงออกไปทันทีราวสายฟ้าฟาด เมื่อทำอย่างนั้น แม้ว่าร่างกายของหลิงม่อจะถูกหุ้มด้วยกระดองเหล็ก ก็จะต้องถูกแทงทะลุอย่างแน่นอน แค่เสียงที่เกิดยามขาสองข้างนั้นเสียดแทงลงพื้น ก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งอาคารแล้ว พละกำลังอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ร่างกายมนุษย์ต้านทานไหว

แต่เมื่อบลัดมาเธอร์หมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว กลับมองเห็นเพียงหลุมสองหลุมบนพื้น…

เป้าหมายโจมตีของมัน หายไปแล้ว…

“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเขาถึงไม่ตาย? ทำไมเขายังโผล่มาได้อีกล่ะ?” ในที่สุดใบหน้าเรียบเฉยของซุนซวี่ก็ปรากฏความเปลี่ยนแปลง…เขาหายใจถี่ระรัวมองไปยังทิศที่บลัดมาเธอร์ยืนอยู่ ในสมองใคร่ครวญอย่างเร่งด่วน

มีช่องโหว่ตรงไหนกันแน่!

แผนการที่ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ตินี้ ทำไมถึงได้เกิดความผิดพลาดขึ้นในขั้นตอนสุดท้าย?

เหตุการณ์ที่เกิดในตอนนี้ เห็นชัดว่าทำให้ซุนซวี่ซึ่งมั่นอกมั่นใจมาตั้งแต่แรกถึงกับงงงัน…

แผนการล้มเหลวแล้ว ถูกอีกฝ่ายป่วนแผนไม่เป็นท่าซะแล้ว…

ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้เป็นการหยั่งเชิง ถ้าอย่างนั้นความล้มเหลวในครั้งนี้ ก็อาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงร้ายแรงมากมายก็ได้…

อย่างเช่น บลัดมาเธอร์ที่เปลี่ยนจากผู้ลอบโจมตีเป็นผู้ถูกกระทำ…

หลังจากเงาร่างหายไป มันกลับไม่ได้ไล่โจมตีรอบข้างอย่างบ้าคลั่ง แต่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างระแวดระวัง มันสัมผัสได้ ว่าเงาร่างนั้นไม่ได้หายตัวไปจริงๆ เขายังอยู่แถวนี้ และจ้องมองมันอยู่…

“ไม่ได้การ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะต้องถูกพวกเขาจูงจมูกแน่นอน ต้องพลิกสถานการณ์โดยเร็ว!” ซุนซวี่ตั้งสติอย่างรวดเร็ว และคิดในใจ

แต่ในขณะที่เขาเตรียมจะเคลื่อนไหว ร่างกายพลันนิ่งค้าง ฝีเท้าชะงักกึกทันใด

“ยังคิดหนีอีกหรอ?” เสียงอ่อนหวานหนึ่งดังมาจากข้างหลัง ซุนซวี่เอียงคอเล็กน้อย ใช้หางตาเหลือบมองไปข้างหลัง แล้วก็เห็นเด็กสาวผมดำยาวสลวยคนนั้นถือเคียวดาบใหญ่โตโอ่อ่า และกำลังจ้องเขาด้วยรอยยิ้มหยดย้อย เพียงแต่นอกเหนือจากรอยยิ้มหวานก็เป็นดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ดูแปลกๆ

ซุนซวี่เพิ่งจะมองไปข้างหน้า ก็พบว่ามีอีกหนึ่งเงาร่างปรากฏเพิ่มมาอย่างเงียบเชียบ นี่คือเด็กสาวที่มีใบหน้าเหม่อลอยเล็กน้อย ถึงแม้แสงสว่างไม่เพียงพอนัก แต่เขามองออกว่าอีกฝ่ายรูปร่างหน้าตางามละเอียดขนาดไหน แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เขากลับไม่กล้ามองหน้าเด็กสาวนานนัก เพราะในมือเธอ มีดาบสั้นที่สะท้อนแสงวิบวับอยู่หนึ่งเล่ม

“ไม่…ไม่ปล่อยให้ไปหรอก” เด็กสาวตรงหน้าพูดเสียงเบา น้ำเสียงของเธอไม่มีแววขมขู่ผสม แต่ซุนซวี่กลับขมวดคิ้วทันที เด็กสาวคนนี้ ทำให้คนรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย…

เวลานี้ ด้านซ้ายและด้านขวาของเขาก็มีเงาร่างอีกสองเงาเดินออกมาจากเงามืดเช่นกัน

เด็กสาวกลุ่มนี้ล้อมเขาไว้ตรงกลาง แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกยินดีที่ได้ชื่นชมสาวงามแต่อย่างใด ความรู้สึกในตอนนี้ มีเพียงความหวาดกลัวลึกๆ เท่านั้น…

“ทำไมถึงมากันเร็วขนาดนี้! ฉันรู้ว่าพวกเขาเจอเบาะแสบางส่วนแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็เชื่อว่าการลอบโจมตีของลูกพี่จะได้ผล หรือถึงขั้นพูดได้ว่า ให้พวกเขาเจอเบาะแสบ้างก็ยิ่งดี จะได้มุ่งเป้าความสนใจมาที่ฉันคนเดียว แต่ว่าตอนนี้…ไม่รู้หรอกนะว่าคนคนนั้นหลบการโจมตีพ้นได้อย่างไร แต่ผู้หญิงกลุ่มนี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วเกินไปแล้ว!” ซุนซี่รู้สึกได้ว่าหน้าผากตัวเองเริ่มมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมา

ตอนนี้ ไม่ใช่แค่แผนการของเขาที่ผิดพลาด แม้แต่โอกาสในการพลิกแพลงตามสถานการณ์ ก็ถูกอีกฝ่ายปิดตายไปหมดแล้ว กลยุทธ์ “แบ่งทัพ” ที่อยู่ในแผนการในตอนแรกของเขา ตอนนี้กลับกลายเป็นอุปสรรคหนึ่งเดียวที่ทำให้เขากับบลัดมาเธอร์ถูกกีดกันออกจากกัน…

“ครั้งนี้พวกเราอยู่บนพื้น แกคงหนีไม่รอดแล้วสินะ? นอกจากว่า แกจะสามารถมุดลงไปในดินได้” ซย่าน่าพลันแค่นหัวเราะ แล้วบอกว่า “ถ้าแกคิดว่าแกมีโอกาสทำอย่างนั้นได้ล่ะก็นะ”

ดวงตาสี่คู่จับจ้องมาที่ตัวเขาพร้อมกัน แน่นอนว่าซุนซวี่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสทำอย่างนั้น…โดยเฉพาะเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเขา ทุกการเคลื่อนไหวของเขา กระทั่งการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า ราวกับล้วนตกอยู่ในสายตาของเธอ ความรู้สึกอย่างนี้ สร้างความกดดันให้เขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่แย่ที่สุด นั่นคือแสดงว่าเขายากจะหาโอกาสฝ่าวงล้อมออกไปได้…

“ดูท่า พวกเธอคิดจะสู้แบบสี่รุมหนึ่ง?” เสียงของซุนซวี่พลันสูงขึ้น เขาพูดพร้อมมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวัง

“แล้วแกเคยคิดไหมว่าจะต้องเจอสี่รุมหนึ่ง?” ซย่าน่ากลับพูดประโยคแฝงความนัย

ซุนซวี่ชะงัก สีหน้าแย่ลงกว่าเดิม

“ในเมื่อแกไม่ลืมพรรคพวกพวกนั้นของแก ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลืมว่าฝั่งพวกฉันก็ยังมีอีกตั้งหลายคน…นอกจากพวกฉันกับไส้กรอกแล้ว ก็ยังมีอีกตั้งเก้าคนแหนะ! มีเฟิ่งจื่อ มี…”

“เฮ้ย นี่!” หลี่ย่าหลินตัดบทอวี๋ซือหรานทันที

เก้าคน…เวลาอวี๋ซือหรานขายเพื่อน เธอก็ยังนับรวมเจ้าลิงผอมกับนักบินคนนั้นที่ไร้พลังต่อสู้เข้าไปด้วยอย่างตรงไปตรงมา…

“เก้าคน?! ใช่แล้ว ถ้าคำนวณดีๆ ก็น่าจะมีเก้าคน! เมื่อกี้เธอหลุดปากพูดออกมางั้นหรอ? เฟิ่งจื่อ? คนที่ถูกเรียกอย่างนี้ ฝีมือคงไม่ใช่เล่นๆ สินะ? คงจะเป็นหนึ่งในสี่คนที่สู้กับพวกเราในตอนแรก…พวกเขาฟื้นพลังเร็วขนาดนี้เชียวหรอ? ฟังจากที่พวกเธอพูด ตอนที่พวกเธอกำลังขวางฉันอยู่นี้ คนกลุ่มนั้นคงจะถูกส่งไปรับมือกับพวกเฮ่อเจิ้นแล้ว…” ซุนซวี่สีหน้าเปลี่ยนทันที สมองยิ่งวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดอย่างด่วนจี๋ แต่ยิ่งเข้าใจเรื่องราว ใจของเขาก็ยิ่งจมดิ่ง

ตอนนี้ฝ่ายที่อาศัยจำนวนคนเข้าข่ม กลับกลายเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้เสียแล้ว…

“แกเป็นคนใจเหี้ยมอย่างที่คิดจริงๆ สินะ…แกรู้ดีใช่ไหม อาศัยพลังของคนพวกนั้น พวกเขาไม่มีทางสู้พวกฉันได้ ดังนั้นแกไม่ได้คิดจะช่วยพวกเขาแต่แรก เพียงแต่ให้พวกเขาเข้ามา เพื่อจะใช้พวกเขาเป็นมนุษย์ระเบิดเท่านั้น” ซย่าน่าพูดถากถาง

หลังจากเงียบไปสองวินาที แววตาซุนซวี่พลันเปลี่ยนไป แววโหดเหี้ยมพาดผ่านใบหน้า

“ระเบิด!”

เมื่อเสียงดีดนิ้วของเขาดังขึ้น เสียงหวีดร้องหนึ่งพลันดังมาจากที่ไกลๆ

แต่ผ่านไปครู่เดียว สีหน้าของซุนซวี่พลันตึงเครียดทันใด “พวกเธอหลอกฉัน?”

“เปล่าซักหน่อย พวกฉันไม่ได้พูดโกหกซักนิดเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าแกจะให้ความร่วมมือดีขนาดนี้” ซย่าน่าหุบยิ้ม แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นเยียบ

“บ้าเอ๊ย!”

สีหน้าของซุนซวี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด คิดไม่ถึง ว่าตัวเองกลับถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนปั่นหัว…

อีกฝ่ายเพียงจงใจปล่อยข้อมูลเล็กน้อย แต่เขากลับรีบลงมือหมายพลิกแพ้ให้เป็นชนะโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง…

การคาดการณ์ผิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด…

แต่หลังจากสูดหายใจลึกสองที ซุนซวี่กลับเงยหน้าหัวเราะเย็นชา “ในเมื่อไหนๆ พวกเขาก็จะตายแล้ว ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะถูกฉันฆ่าหรือถูกพวกเธอฆ่า ก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ? ถึงแม้จะระเบิดไม่โดนคนของพวกเธอก็ไม่เป็นไร แต่ไม่รู้ว่าพรรคพวกของเธอจะรับมือกับแมงมุมที่กินจนอิ่มท้องมากขนาดนั้นไหวหรือเปล่าน่ะสิ อีกอย่าง เลี้ยงพวกเขามานานขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ซะทีเดียวหรอกนะ…”

“ระเบิด! ระเบิด! ระเบิด!”

ซุนซวี่ดีดนิ้วติดต่อกันหลายครั้งด้วยใบหน้าไร้ความปรานี ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ความโหดเหี้ยมนี้ ถึงขนาดทำให้ซย่าน่าขมวดคิ้วครู่หนึ่ง

“อ๊ากกกก…”

ณ มุมห้องของอาคารโรงงาน เพียงพริบตาเดียวก็เหลือเพียงสองคน

ทั่วร่างกายของเฮ่อเจิ้นเต็มไปด้วยเลือดและอวัยวะภายในสีแดงสด เขาเบิกตากว้างมองภาพน่าอนาถรอบตัว สมองแทบขาวโพลน

ตาย…ง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ?

ไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามาเป็นเหยื่อล่อหรอกหรอ? ถึงแม้จะเป็นแค่ตัวหมาก แต่อย่างน้อยก็ต้องได้ใช้ประโยชน์บ้างสิ

คนพวกนี้อยู่ๆ ก็ตาย นี่มันเป็นราคาที่พวกเขาต้องจ่ายสำหรับอะไรกัน?

อีกคนที่รอดชีวิตยืนตะลึงงัน เขายืนตัวสั่นมองดูเศษชิ้นส่วนที่ร่วงกราวบนพื้นเหล่านั้น เพียงอึดใจเมื่อครู่ ชายคนหนึ่งเพิ่งจะระเบิดไปต่อหน้าต่อตาเขา…

“ฉันไม่อยากตาย ฉันไม่อยากตาย! ไหนบอกว่าถ้าเชื่อฟังก็จะไม่ฆ่าพวกเราไง? ว๊ากกก…” เขาตะโกนลั่นอย่างเสียสติ จากนั้นก็หมุนตัวออกวิ่งไปข้างนอกทันที

เฮ่อเจิ้นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น…ทันใดนั้น เสียง “พรวด” ดังขึ้น พลันนั้นเลือดอุ่นๆ สายหนึ่งก็กระเซ็นใส่ใบหน้าเขา…

ชายคนนั้นเพิ่งจะออกวิ่งไปได้สองก้าว ก็กลายเป็นกองเลือดต่อหน้าต่อตาเขาทันที…แมงมุมที่มุดออกมาจากตัวเขาพลันดูดกินเศษชิ้นส่วนในร่างกายเขาจนเกลี้ยงเกลา ส่วนเฮ่อเจิ้นที่ยืนอยู่ท่ามกลางเลือดนองพื้นและแมงมุมนับไม่ถ้วน กลับสูญเสียซึ่งความสามารถในการตรึกตรองไปแล้ว…

หลังจากที่ศพบนพื้นหายวับไปกับตา แมงมุมพวกนั้นพลันมุ่งหน้ามาหาเฮ่อเจิ้นที่เป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวที่เหลืออยู่ พวกมันไต่ขึ้นไปบนตัวเขาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเฮ่อเจิ้นพองขึ้นช้าๆ แต่ที่น่าแปลกคือ กลับไม่มีเลือดไหลออกมาซักหยด

และในขณะนี้ เฮ่อเจิ้นก็ได้สติกลับมาหลังจากหวาดกลัวอย่างสุดขีดแล้ว แต่ที่คิดไม่ถึงคือ เมื่อดวงตาของเขาจับโฟกัส ภาพที่เห็นกลับน่าตกตะลึงยิ่งกว่า

“อ๊ะ…” เฮ่อเจิ้นเพิ่งจะอ้าปากกว้าง แมงมุมจำนวนมหาศาลพลันวิ่งกรูเข้าไป ม่านตาขยายตัว เสียงขย้อนคล้ายอยากอาเจียนดังออกมาจากลำคอเขาไม่หยุด ทว่าผิวหนังตรงช่วงลำคอของเขากลับปูดโปนขึ้นเป็นรูปร่างแมงมุมตัวแล้วตัวเล่าอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ร่างกายของเขาพลันขยายใหญ่ทั่วทุกส่วน…