ดนัยไอเบาๆ หายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง “ฉันตายแล้วเนี่ย สถานการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
ออกัสยักไหล่ ทำสีหน้าไม่รู้อะไร เห็นหัสดินเป็นแบบนั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้ว “แค่นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น แล้วจะแก้ปัญหาอะไรรึไง?”
“งั้นคุณชายออกัสให้คำแนะนำเขาหน่อยสิ”
“ทางเลือกที่หนึ่ง พูดคุยและแก้ปัญหากันอย่างสงบสุข ทางเลือกข้อสอง หย่า”
จากนั้น ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หัสดินก็ลุกขึ้นมาจากโซฟาทันที อารมณ์รีบร้อนอย่างผิดปกติ “ฉันไม่หย่า ไม่มีทางหย่า!”
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกจากข้างนอก เงาของยู่ยี่กำลังปรากฎขึ้นที่ประตูห้อง แต่เพียงแค่มองไปที่หัสดินอย่างเยือกเย็นแค่แวบเดียว แล้วก็ออกไป!
ตอนนั้นเอง เขาก็โยนบุหรีในมือลง หัสดินรีบร้อนวิ่งตามไป สีหน้าระมัดระวังเป็นอย่างมาก แม้แต่ชื่อของยู่ยี่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ย
พูดแล้วก็เป็นตัวเองที่ทำผิด จะโทษใครได้?
เมื่อกลับไปที่บ้านสิริไพบูรณ์ ฟ้าก็มืดแล้ว ตลอดทาง เชอร์รีนไม่ได้พูดอะไรเลย สีหน้าเหม่อไป และครุ่นคิด
ออกัสก็มองไปที่เธอสองสามครั้ง ดวงตาเขาหรี่ลง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หยาดฝนที่ยืนอยู่บนระเบียงหน้าต่างมองเห็นไฟสีขาวสองดวงที่กำลังส่องเข้ามา เธอมองไป
ประตูรถเปิดออก เห็นเพียงแค่ออกัสและเชอร์รีนเปิดออกมาด้วยกัน
เมื่อเดินออกมา เธอก็เดินไปทางห้องนอน แต่เมื่อถึงประตูห้อง กลับหยุดเดิน
แต่กลับเดินไปที่ห้องรับแขก เธอควรจะพูดอะไร ทำอะไรอีก ?
ทุกอย่างมันไร้ประโยชน์ ทำไมต้องลงไปหาเรื่องให้ตัวเองด้วย ?
จากนั้นก็หยุดเดินอีก บีบมือข้างตัวไว้แน่นหยาดฝนหันตัวกลับ ไปนั่งบนโซฟา
ทั้งกายและใจเหนื่อยล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ยิ่งแย่มากๆอีเชอร์รีนไม่ได้พูดอะไรเลย เดินตรงไปที่ห้องอาบน้ำ
ฝีเท้าหยุดลงที่หน้าโต๊ะน้ำชา ร่างที่สง่างามโค้งลงเล็กน้อย ออกัสหยิบมือถือบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา บนหน้าจอก็แสดงว่ามีสายที่ไม่ได้รับห้าสาย
นั่งลงบนโซฟาอย่างสบายและเกียจคร้าน แขนที่ใหญ่ของเขากวาดกว้างออกไป สามในห้าของโซฟาเป็นดนัยอีกสองส่วนเป็น……หยาดฝน……
แววตาของเขามืดลงทันที ลึกและไร้ที่สิ้นสุด มองอารมณ์ที่มีไม่ออกเลย ปลายนิ้วของเขาสัมผัสไปที่สามคำนั้น ถูกไปมา ความหมายลึกซึ้ง
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา เชอร์รีนได้เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เหลือบมองไปเห็นมือถือของเขา พูดด้วยความประหลาดใจและสงสัย “มีคนโทรมาไหมคะ ?”
แววตาขยับเล็กน้อย ใบหน้าอันหล่อเหลาของออกัสไม่มีสีหน้าท่าทีอะไรเลย เอามือถือใส่ไปในกระเป๋าชุดสูทเงียบๆ จากนั้นก็พูดเบาและยิ้มแย้มเบาๆ “อาบเสร็จแล้วหรอ?”
“ค่ะ อาบเสร็จแล้ว คุณไปอาบได้แล้วค่ะ เตรียมน้ำไว้ให้แล้ว”เชอร์รีนเช็ดน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากปลายผม
พยักหน้า เขาเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำ ใบหน้าดูลึกซึ้ง ไม่สามารถเปิดเผยความคิดที่แท้จริงได้
เมื่ออยู่บนเตียง ก็ยังนอนไม่หลับ เชอร์รีนเปิดมือถือขึ้น ยังคงมีข้อความคำอวยพรเยอะเป็นกอง ตอบกลับอย่างคร่าวๆไปสองสามข้อความ จากนั้นเธอก็ตั้งใจส่งข้อความหนึ่งให้กับยู่ยี่
ผ่านไปพักหนึ่ง ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ เธอกังวลใจ จึงส่งข้อความหานาโนอีกครั้ง ถามเธอดูว่ารู้สถานการณ์ของยู่ยี่ตอนนี้ไหม
เพิ่งส่งออกไป ก็รู้สึกว่าเตียงข้างๆยุบลง ชายหนุ่มได้ขึ้นมาบนเตียงแล้วนั่นเอง ริมฝีปากบางๆขยับ เสียงต่ำที่ถูกพูดออกมานั้นไพเราะ “คุณหญิงเชอร์รีน สุขสันต์วันปีใหม่ครับ”
ริมฝีปากของเชอร์รีนก็ขยับ บอกกลับเบาๆว่า “สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะคุณชายออกัส”
พูดจบ เธอก็มีความรู้สึกอยากขึ้นมา ผ่านไปทั้งวันแล้ว พึ่งจะนึกบอกสุขสันต์ปีใหม่กัน
ยิ่งไปกว่านั้น สองสามีภรรยาพูดอวยพรปีใหม่กันซึ่งๆหน้า ทำไมมันตลกชอบกล?
แววตาของออกัสแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เขายกมือขึ้นมา ดีดไปเบาๆที่หน้าผากของเธอ “นอนกันเถอะ คุณหญิงเชอร์รีน……”
ดีดนั้น ไม่หนักไม่เบา ในหัวใจของเชอร์รีนก็รู้สึกอ่อนลง ตามคำนั้น เธอนอนลง หลับตาลง พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
ปีใหม่ นอกจากเรื่องของยู่ยี่ ที่ทำให้เธอเหนื่อยกายใจแล้ว ที่จริงปีใหม่นี้ก็ไม่เลวเลยนะ……
*
เช้าวันรุ่งขึ้น
หยาดฝนตื่นเร็วมาก หกโมงครึ่งก็เดินอยู่ที่สวนหลังบ้าน ที่จริงแล้ว ก็พูดได้เลยว่า เมื่อคืน เธอไม่ได้นอนทั้งคืน
นอนไม่หลับเลยทั้งคืน ตาหลับอยู่ แต่หลับไม่ลง
เงยหน้าขึ้น เธอมองเห็นร่างสูงมาจากไกลๆ
ทุกๆวันในตอนเช้ามืดหกโมงครึ่ง เขาจะต้องวิ่งอยู่ในสวนหลังบ้าน กิจวัตรนี้ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสิบกว่าปี
ฝีเท้าราวกับวิ่ง ท่าทางที่สง่างามและแข็งแรงเหมือนสิงโต ออกัสวิ่งไปทางข้างหน้าตามทางคดเตี้ยวในสวน
หยาดฝนมองดูร่างของเขาอยู่เงียบๆ มองเขาตั้งแต่ไกลยันใกล้ จนมาอยู่ที่ข้างกายตัวเองอีกครั้ง
แต่เหมือนว่าเขาจะมองไม่เห็นเธอ ดวงตาของเขาไม่ว่อกแว่กเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะวิ่งผ่านไป เธอก็เปิดปากเรียก “ออกัส!”
สายตาของออกัสจ้องมาที่เธอ แล้วเขาก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ป้า มีอะไรหรอครับ?”
เมื่อถูกเขามองเช่นนี้ ใจของเธอก็ประหม่าเล็กน้อย หยาดฝนแอบหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองในใจ
สุดท้าย ก็ไม่รู้จะพูดอะไร แขนที่ห้อยลงข้างกายของเธอค่อยๆบีบแน่นขึ้น รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ของตัวเองกำลังแย่ลงเรื่อยๆ
ผ่านไปสักพัก เธอก็ทำตัวไม่เป็นธรรมชาติประหม่า และพูดออกมาว่า “สวัสดีปีใหม่……”
ไม่ได้พูดอะไร ออกัสมองเธอเช่นนั้น แบบไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าต้องการที่จะมองผ่าน
ทั้งสองคนใกล้กันขนาดนี้ แต่เขากลับมองเธอแบบนั้น หยาดฝนที่สง่างามรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย มองไปทางอื่น ไม่ต้องการจะสบตาอีก
เมื่อเห็นเธอหงุดหงิด เขาก็ละสายตาอย่างมีนัยยะ พูดกลับไปว่า “สวัสดีปีใหม่ครับป้า……”
เหมือนจะมีอะไรแต่ก็ไม่มีอะไร น้ำเสียงที่พูดในคำสุดท้าย เขาจงใจเน้นรึเปล่านะ
ทั้งสองคนก็ออกห่างกัน หยาดฝนนั่งอยู่บนม้านั่งยาว หัวใจที่เต้นแรงค่อยๆกลับเป็นเหมือนเดิม มองเห็นเงาของเขาค่อยๆหายไปจากสายตา
จากนั้น เธอก็นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน สีหน้าจริงจัง ราวกับว่ากำลังใคร่ครวญเรื่องสำคัญอะไรอยู่……
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ วันนี้เป็นวันที่สอง ตามประเพณีแล้วผู้หญิงต้องกลับบ้านตัวเอง
เชอร์รีนจัดของเสร็จแล้ว กำลังจะออกเดินทางออกัสก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ มองไปที่เธอ “ไปกันเถอะ……”
“คุณรู้หรือว่าต้องไปที่ไหน?”เชอร์รีนขมวดคิ้ว
“ในสายตาของคุณหญิงเชอร์รีน ผมเป็นคนไม่รู้เรื่องโลกเลยหรอ?หื้ม? ”หางเสียงสูงขึ้น เขากอดตัวเธอขึ้น แล้วก็พาออกจากห้องไป
รถสตาร์ทเรียบร้อยแล้ว สองคนนั่งอยู่บนรถ ของขวัญที่ควรจะเอาไปก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว วางไว้ที่เบาะหลัง
เชอร์รีนอดไม่ได้ที่จะมองเขาแล้วมองอีก เรื่องมารยาทวัฒนธรรมผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย……
แต่ว่า เธอม่เคยคิดเลยจริงๆว่า เขาจะกลับบ้านไปกับเธอ……
หันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย เธอจ้องไปที่เขาแล้วสำรวจ
“สำรวจมาสักพักแล้วนะ คุณหญิงเชอร์รีนคิดว่าใบหน้านี้เป็นยังไงบ้างครับ?”มือซ้ายหมุนพวงมาลัย เขายิ้มมุมปาก
“หน้าตาเข้ารูป พอดูได้ค่ะ” เชอร์รีนใจเต้นแรงขึ้น แก้มของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย แล้วเธอก็กระแอมเบาๆเพื่อปกปิดความไม่เป็นธรรมชาติของเธอ
“แค่หน้าเข้ารูปเองหรอครับ?ผมนึกว่าในสายตาขอคุณหญิงเชอร์รีน ใบหน้าของคุณชายออกัสใบนี้จะ มีอีกชื่อเรียกที่ว่างามล่มเมือง……”