“ตอนนี้เราสองคนเป็นชายหญิงที่อยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง แถมยังมีไวน์อีก เธอไม่มีความคิดอะไรเลยจริงๆหรอ?”
เสียงของเย่เทียนราวกับมีเวทมนตร์ ประหนึ่งว่าสั่งใจคนได้
“ฉัน ฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไรอยู่…..”
ร่างบางของกู้กวนชีแข็งทื่อไปเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“ไม่เข้าใจ? อีกเดี๋ยวก็ได้เข้าใจ”
เย่เทียนหัวเราะด้วยความคะนอง ยื่นมือหยาบออกมาวางบนต้นขาขาวนวลของกู้กวนชีที่โผล่พ้นออกมา และถูไปมาเบาๆ
สุดยอดจริงๆ!
ผิวของเด็กสาวนุ่มลื่นสุดๆ รสสัมผัสประหนึ่งเจลลี่ จนเย่เทียนไม่อยากจะชักมือกลับเลย
เพียะ!
กู้กวนชีทนต่อการเย้าแหย่แบบนี้ยังไงไหว รีบจับมือใหญ่ของเย่เทียนไว้และพยายามหยุดการเคลื่อนไหวของมือปีศาจนั้น
แต่ต่อให้ไม่พูดถึงพลังที่เย่เทียนมี เขาก็ยังเป็นชายอกสามศอกอยู่ ด้านกำลังจะไปแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างกู้กวนชีได้ยังไง
“เย่ เย่เทียน…..”
ดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง กู้กวนชีเหมือนถูกกระตุ้นอารมณ์ ตาโตสว่างไสวเริ่มฉายแววเคลิ้ม ทั้งยังยื่นแขนเรียวยาวขาวนวลออกไปรัดแผงอกกำยำของเย่เทียน
น่าเสียดายที่เย่เทียนยังไม่ทันได้ลิ้มรสอย่างละเอียด อากาศรอบๆก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เปลี่ยนไปเป็นความหนาวเย็นชาถึงกระดูกที่ถาโถมเข้ามา
วินาทีที่มีดของกู้กวนชีกำลังจะแทงเข้าไปที่หน้าอกของเย่เทียน เย่เทียนก็ขยับกระทันหัน ผลักกู้กวนชีลงจากโซฟาไปที่พื้นเย็นๆโดยไม่สงสารเลยสักนิด พร้อมคว้ามีดผลไม้บนโต๊ะกาแฟจี้ไปที่คอของกู้กวนชี
บรรยากาศปลุกเร้าอารมณ์นั้นสลายหายไปทันที!
เย่เทียนยิ้มตาหยี “ว่ากันว่าจิตใจของสตรีนั้นร้ายที่สุด ถึงจะไม่ใช่สตรี แต่เห็นได้ชัดว่าจิตใจร้ายกาจไม่ต่างกันเลยนะ!”
สัมผัสเย็นเยียบของมีดผลไม้จ่ออยู่ที่คอของกู้กวนชี หากเย่เทียนออกแรงอีกนิดหน่อยได้เห็นฉากคนงามชีวิตสั้นแน่ๆ
ดวงตาสดใสของกู้กวนชีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอพูดตะกุกตะกัก “นาย นายพูดอะไรน่ะ รีบเอามีดผลไม้ออกไปที ฉันกลัว……”
เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย และอุทานออกมา “น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เข้าวงการบันเทิง ไม่อย่างนั้นฝีมือการแสดงของเธอต้องได้รางวัลแน่ๆ!”
น้ำตาของกู้กวนชีไหลริน เธอเอ่ยทั้งที่ร้องไห้ “ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่านายหมายถึงอะไร”
“เวลานี้แล้ว เธอจะเสแสร้งต่อไปให้ได้อะไรขึ้นมา?”
เย่เทียนเบ้ปาก พูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฉันตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งเมื่อนานมาแล้วว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ต่อให้มีจริงก็คงเป็นสิ่งที่มาฆ่าเรา!”
“ฉันไม่มีทั้งเงินทอง หน้าตาก็ไม่ดี มีอะไรให้ผู้ช่วยพิเศษของประธานอย่างเธอต้องมาสนใจกัน?”
“ฉัน…..” กู้กวนชีผงะ อ้าปากอยากจะอธิบาย
ฟึ่บ!
ขณะนั้นเย่เทียนกลับลงมือด้วยความเร็วแสง จิ้มนิ้วไปบนตัวของกู้กวนชีอย่างรวดเร็ว
วินาทีต่อมา กู้กวนชีก็ค้นพบด้วยความประหลาดใจว่าเธอสูญเสียความรู้สึกของร่างกายไป ขยับไม่ได้เลย นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความผวา
เย่เทียนวางมีดผลไม้ เปลี่ยนไปจับแขนของกู้กวนชีแทน หลังจากดึงและกระชากลงก็หยิบเอามีดขนาดเล็กที่กว้างไม่เกินหนึ่งนิ้วทว่าคมสุดๆออกมาจากข้อมือ!
เมื่อเห็นท่า ใบหน้าของกู้กวนชีซีดเผือด ไม่เคยคิดเลยว่าเย่เทียนจะระวังตัวขนาดนี้
เธอเผยรอยยิ้มขมขื่น มองเย่เทียนอย่างสิ้นหวัง “นายจะฆ่าฉันหรอ?”
“เธอสวยขนาดนี้ ฆ่าเธอไปง่ายๆไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรอ?”
เย่เทียนผู้กำทุกอย่างไว้ในมือแล้วไม่รีบร้อนเลยสักนิด ทำตัวลึกลับและนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกแก้วไวน์ขึ้นและจิบไปอึกใหญ่ อมยิ้มและเอ่ย “บอกมาหน่อยว่าใครส่งเธอมา แล้วมีจุดประสงค์อะไร?”
“ฉัน ฉันไม่มีจุดประสงค์อะไร”
อยู่ๆก็สูญเสียการควบคุมร่างกายไป กู้กวนชีตกใจจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
“ไม่มีจุดประสงค์?”
เย่เทียนเชื่อกู้กวนชีที่ไหน เขานั่งเล่นขนาดเล็กที่ได้มาจากตัวเธอและยิ้มเย็น “เธอเห็นฉันเป็นคนโง่หรอ? ถ้าไม่มีจุดประสงค์แล้วเธอจะฆ่าฉันทำไม”
“ฉัน ฉันไม่รู้จริงๆ!”
กู้กวนชีสะอึกสะอื้น “พวกเขาใช้ครอบครัวของฉันในการขู่ฉัน ถ้าฉันไม่เชื่อฟังพวกเขา พวกเขาจะฆ่าครอบครัวของฉัน”
“พวกเขาเป็นใคร?” เย่เทียนจี้ถาม
“ฉันไม่รู้ พวกเขาเป็นฝ่ายติดต่อฉันเพียงฝ่ายเดียว”
กู้กวนชีอธิบาย น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ท่าทางบอบบางน่าทะนุถนอมไม่น้อย
เย่เทียนขมวดคิ้วพินิจพิเคราะห์เด็กสาว ในใจเชื่อเธอไปแล้วกว่าครึ่ง
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เขาไม่เคยสัมผัสถึงจิตสังหารจากตัวกู้กวนชี
ของที่ไร้ตัวตนอย่างจิตสังหาร คนธรรมดาอาจจะสัมผัสไม่ได้ แต่ปิดบังเย่เทียนไม่ได้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของเธอเมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับการฝึกอย่างมืออาชีพมา หากเป็นคนที่ระวังตัวอยู่แล้วก็รู้ตัวทั้งนั้น
ฝีมืออ่อนหัดแบบนี้ยากจะทำให้เขาสงสัยขึ้นมาได้จริงๆ
“นาย นายอย่าฆ่าฉันนะ นายต้องเชื่อฉัน ฉันไม่ได้โกหกนายนะ”
กู้กวนชีถูกมองจนขนลุกในใจ เข้าใจว่าเย่เทียนกำลังคิดหาวิธีจัดการศพตัวเองอยู่ จึงกลัวจนขอร้องอ้อนวอน “ฉันทำแบบนี้ก็เพราะโดนขู่มา ฉันยังไม่อยากตายนะ”
เย่เทียนโมโหไม่ออกแล้วจริงๆ เขาพูดอย่างอ่อนใจ “ฉันบอกตอนไหนว่าจะฆ่าเธอ เธอนั่นแหละ ขืนยังร้องไห้อีกฉันจะตีก้นแล้วนะ”
คำขู่นี้ได้ผลยิ่งกว่าฆ่าเธอ กู้กวนชีรีบหุบปากแต่โดยดี เบิกตากว้างและมองเย่เทียนอย่างไร้เดียงสา
“ตอนนี้ฉันจะคลายจุดเธอแล้วนะ แต่…..”
เย่เทียนแกล้งทำทีโหดเหี้ยมและขู่ “ถ้าฉันพบว่าเธอมีพิรุธเมื่อไหร่ ฉันรับประกันเลยว่าจะให้เธอได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่มนุษย์ไม่อาจทนไหว”
กู้กวนชีผู้น่าสงสารกลัวจนตัวสั่น น้ำตาที่อุตส่าห์หยุดไหลแล้วทำท่าจะทะลักออกมาอีกครั้ง
เย่เทียนยอมแพ้อย่างสิ้นเชิง หัวเราะเฝื่อนๆอย่างเหนื่อยใจ และลงมือจิ้มคลายจุดให้เธออย่างรวดเร็ว
“เล่าทุกอย่างที่เธอรู้มาให้หมดซะ”
“ไม่มีแล้ว ฉันรู้แค่นี้”
“พวกเขาจะจับตัวครอบครัวเธอไปโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยหรอ?”
เย่เทียนทำใจเย็นและถาม “พวกเขาไม่ได้ขอให้เธอทำอะไรเลยหรอ?”
กู้กวนชีเงยหน้ามองเย่เทียนอย่างระมัดระวัง พร้อมตอบเสียงแผ่ว “พวกเขาแค่ให้ฉันคอยรายงานเหตุการณ์ของบริษัทในทุกๆวัน”
ไม่รอให้เย่เทียนตอบ เธอก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรออกและรีบบอก “จริงสิ ไม่กี่วันก่อนตอนที่ฉันรายงานพวกเขา เหมือนจะได้ยินหนึ่งในอีกฝ่ายพูดว่าสามวันให้หลังจะมีปฏิบัติการ”
“สามวันให้หลัง?”
เย่เทียนระแวงขึ้นมา “เธอนึกดูดีๆซิว่าเธอรายงานไปวันไหน”
กู้กวนชีบอกเสียงเบา “เหมือน เหมือนจะเป็นเมื่อสามวันก่อน”
พอได้ยินแบบนี้ สายตาของเย่เทียนนิ่งงันไป เขาผุดลุกพรวดขึ้นจากโซฟา รำพึงในใจว่าคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง
หลังจากเย่เทียนจับได้ กู้กวนชีกลับมีความรู้สึกถูกปลดปล่อย พอเห็นปฏิกิริยารุนแรงของเย่เทียนแล้วจึงเอ่ยขึ้น “นายนึกอะไรขึ้นมาได้หรอ?”
“ฉันเชื่อเธอได้มั้ย”
เย่เทียนไม่ตอบกู้กวนชี สายตาเป็นประกายเย็นเยียบจ้องเขม็งไปที่เธอ