อวิ๋นหว่านชิ่นลุกขึ้น เดินไปทางเจี่ยงซื่อแล้วนั่งยองๆ ดึงข้อมือนางขึ้น ชีพจรแผ่วมาก คมมีดปักเข้าหัวใจพอดี
เกรงว่าหัวใจคงฉีกขาดเสียแล้ว
เจี่ยงซื่อหัวเราะครู่หนึ่งก็หยุดหายใจ ดวงตาปิดลง เสียงหัวเราะค่อยๆ หายไป
อวิ๋นหว่านชิ่นกดจุดฉื่อเจ๋อ[1]และจุดอวี๋จี้[2] จุดสองจุดนี้สามารถชะลอความเร็วในการไหลเวียนของโลหิต แต่ก็ช่วยชีวิตเจี่ยงซื่อไว้ไม่ได้ นางกึ่งคุกเข่าลงกับพื้น โน้มตัวลง วางมือลงบนข้างแก้มของอีกฝ่าย “เมื่อครู่เพื่อที่จะหลอกข้า จึงได้บอกว่ามีผู้อื่นที่วางยาทำร้ายฉินอ๋อง ความจริงแล้ว ฉินอ๋องถูกเจ้าวางยาพิษ เจ้าให้เจี่ยงผิงช่วยส่งยาพิษมาให้ จะไม่ใช้ได้อย่างไร”
เจี่ยงฮองเฮารู้สึกถึงข้อมือที่ถูกนางกดไว้แน่นสองจุด แสงสายัณห์ตะวันรอนสะท้อนลงบนใบหน้า นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นนางกล่าวประชดประชันอย่างเยือกเย็นสุขุม “ปีนั้นข้าเอายาพิษเข้าวังมาเพื่อจะทำร้ายเด็กคนนั้นจริงๆ… แต่น้องชายข้าซื่อสัตย์และอ่อนแอ กลัวว่าหากเกิดเรื่องขึ้นแล้วตัวเองจะถูกลากไปด้วย ยาพิษที่เอาเข้าวังมาถูกเขาสลับไป ข้าเคยลองกับสัตว์ดู พบว่าไม่ได้ผล… แค่กๆ! ขนาดสัตว์ยังไม่ตาย แล้วจะทำคนตายได้อย่างไร หากวางยาครั้งหนึ่งแล้วไม่ตาย กลับกัน จะยิ่งทำให้เขาหันมาป้องกันตัวมากขึ้น ได้ไม่คุ้มเสีย…ข้าจึงทิ้งห่อยาพิษนั่นไปด้วยความโมโห เฮอะ ยังไม่ทันที่ข้าจะหาวิธีอื่นได้ เด็กคนนั้นก็ถูกคนวางยาแล้ว…” นางกล่าวด้วยความปลุกใจฮึกเหิมเกินไป ศีรษะเงยขึ้น กระอักเลือดออกมาหลายคำเปรอะเปื้อนหน้าอกไปหมด
“แล้วเป็นผู้ใดที่ปองร้ายฉินอ๋องกันแน่” อวิ๋นหว่านชิ่นจ้องมองนาง
เจี่ยงฮองเฮาใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงแขนเสื้ออวิ๋นหว่านชิ่นไว้ หอบหายใจหนัก แววตาเย็นเยียบ “แค่กๆ…อย่าว่าแต่ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครเลย ต่อให้รู้…แค่ก ข้าก็ไม่บอกเจ้า ไม่เพียงแต่ไม่บอกเจ้า ข้ายังแทบจะให้คนผู้นั้นมีชีวิตรอดปลอดภัย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแทนข้า…มีชีวิตต่อไป…ฮ่าๆ…”
อวิ๋นหว่านชิ่นแววตาเข้มขึ้น หากเจี่ยงฮองเฮาพูดจริงล่ะก็ คนที่ทำร้ายฉินอ๋องอีกคนผู้นั้นในเมื่อเคยลงมือแล้วคราหนึ่ง ก็อาจจะมีครั้งสอง…หากคนๆ นี้ยังอยู่ก็จะยิ่งน่ากลัวกว่าเจี่ยงฮองเฮามากขึ้นไปอีก เพราะอยู่ในที่ลับ
นางมิได้บีบบังคับเจี่ยงฮองเฮาอีก เหลือบมองกริชที่ปักอยู่บนอกอีกฝ่ายคราหนึ่ง “เหตุใดจะต้องทำเรื่องให้มาจนถึงขั้นนี้ ต่อให้โดนปลดมงกุฎหงส์ ไร้ซึ่งตำแหน่งฮองเฮาอีกต่อไป แต่จากตำแหน่งของท่านก็น่าจะยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้”
เจี่ยงฮองเฮาเริ่มจะประครองสติไว้ไม่อยู่ เปลือกตาเดี๋ยวลืมเดี๋ยวหลับ แทบจะแยกแยะไม่ออกแล้วว่าเป็นผู้ใด และก็ไม่ทราบว่านางกำลังพูดกับตัวนางเองหรือคุยกับอวิ๋นหว่านชิ่น นางหัวเราะหอบพลางน้ำตาไหลลงมาตามแก้ม “…ตำแหน่ง? เจ้าคิดว่าข้าเสียดายหรือ! ในใจของเขา ไร้ซึ่งกระทั่งภาพจำภรรยาที่แสนดีของข้า แล้วยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออันใด ข้าเป็นฮองเฮาแห่งต้าเซวียน จะไม่ยอมเข้ารับการไตร่สวนสำหรับขุนนางที่สำนักพระราชวังอย่างแน่นอน ยิ่ง…แค่ก…ยิ่งมิอาจใช้ชีวิตที่เหลือมาทนรับความรังเกียจจากเขาที่ตำหนักเย็นได้…”
ในที่สุดอวิ๋นหว่านชิ่นก็เข้าใจจุดประสงค์ที่เจี่ยงฮองเฮาเชิญฮ่องเต้ให้เสด็จมาหา คือเพื่อร้องขอความตาย แต่พอนางมาด้วย เจี่ยงฮองเฮาจึงเปลี่ยนใจ ปลิดชีพตัวเองต่อหน้าฮ่องเต้ มิสู้ให้ฮ่องเต้สังหารตนด้วยองค์เอง ให้ฮ่องเต้ได้จดจำภาพที่สะเทือนใจ ดังนั้นจึงจับตัวนางไว้ ทั้งได้กำจัดคนที่ไม่ชอบ ทั้งยังได้บีบคั้นฮ่องเต้ให้เดือดดาลจนถึงขีดสุด…
สำหรับฝ่าบาทแล้ว สังหารชายาด้วยองค์เอง ภายหน้าต่อให้ไม่รู้สึกผิดก็ต้องจดจำไปตลอดชีวิต
เจี่ยงฮองเฮาไอหอบหลายครา แล้วกระอักเลือดออกมาอีกหลายคำ “…ข้าก็เหมือนสวี่ชิงเหยานางนั้น…เหมือนกับนางแล้ว…เขา…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ อกนางก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง รอยยิ้มชะงักค้าง ม่านตาขยายกว้าง จากนั้นก็แน่นิ่งไม่ขยับ มือที่จับเสื้อผ้าของอวิ๋นหว่านชิ่นอยู่ก็กกระตุกคราหนึ่งแล้วลื่นตกลง
“พระชายาฉินอ๋อง…ฮองเฮาทรง…” นางกำนัลกรีดร้องขึ้น
อวิ๋นหว่านชิ่นวางมือหงิกงอของนางลงแล้วหยัดตัวขึ้น “ไปแล้ว”
นางกำนัลส่งเสียงดังกันขึ้น
ขณะนั้นเอง เหยาฝูโซ่วเดินเข้ามาด้วยท่าทางเคร่งขรึมดูเหมือนว่าทางฮ่องเต้จะส่งให้มาเก็บกวาด พอเข้ามาก็สูดหายใจเข้าลึก กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วห้อง เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นยังไม่ละสายตาจากศพไปไหน แม้จะตกใจแต่ก็เป็นเรื่องที่คาดเดาได้
เหยาฝูโซ่วสงบสติอารมณ์สบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง “ยกเจี่ยงฮองเฮากลับห้องขัง” แล้วกล่าวเสริมอีกประโยคว่า “อย่าได้แพร่งพรายเรื่องที่ตำหนักซือฝาตั้งแต่ต้นจนจบวันนี้ออกไป มิฉะนั้นจะถูกโทษประหารสถานเดียว!”
คนก็ตายไปแล้ว ยังจะเก็บไว้ในห้องขังของตำหนักซือฝาทำอันใดอีก เหล่านางกำนัลไม่กล้าถามมาก พากันรับปากแล้วยกร่างเจี่ยงฮองเฮาออกไป
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นร่างของเจี่ยงฮองเฮาถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาวทั่วทั้งร่าง แล้วถูกคนยกออกจากโถงไป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้
ฮองเฮาที่ทำผิดแล้วมีจุดจบเช่นนี้มีไม่น้อย แต่ฮ่องเต้ทรงแทงฮองเฮา ทำฮองเฮาโลหิตนองด้วยองค์เอง กี่ยุคกี่สมัยก็น้อยนักที่จะหาได้ พูดออกไปช่างไร้สง่าราศี
วันนี้คนทั้งนอกทั้งในตำหนักซือฝาที่ได้มาเห็นเหตุการณ์ เกรงว่าคงจะต่างถูกปิดปากเอาไว้แน่นสนิท
การตายที่แท้จริงของเจี่ยงฮองเฮาจะไม่ป่าวประกาศออกไปให้ภายนอกรับรู้
อวิ๋นหว่านชิ่นรับผ้าที่นางกำนัลส่งมาให้ เช็ดมือที่ย้อมไปด้วยเลือดจนสะอาด
เหยาฝูโซ่วมองดูนาง “เรื่องในวันนี้ ขอพระชายาโปรดเก็บให้มิดชิด”
อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้า เดินออกไปพร้อมกับเหยาฝูโซ่ว เพิ่งจะถึงหน้าประตู ก็เห็นเมี่ยวเอ๋อร์กับเจิ้งหวาชิวเข้ามาอย่างรีบร้อนกันพอดี
หลังจากส่งหนิงซีฮ่องเต้ให้เอนกายพักผ่อนก็พบว่ามิได้ประชวรหนักอันใด จึงให้เมี่ยวเอ๋อร์ไปสอบถามอาการไท่จื่อ
เมี่ยวเอ๋อร์เห็นสีหน้าท่าทางของอวิ๋นหว่านชิ่นกับเหยาฝูโซ่วตั้งแต่ไกลๆ ก็รู้ได้ว่าเจี่ยงฮองเฮาจากไปแล้ว สีหน้าพลันซีดขาวแต่กลับไม่พูดอะไร เดินเข้ามาหา “ไท่จื่อเป็นอย่างไรบ้าง ฝ่าบาททรงไม่วางพระทัยจึงให้ข้ามาดู”
อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าว “ไท่จื่อห้ามเลือดแล้วก็ส่งไปยังตงกง ข้าดูแล้วปากแผลไม่ลึก แต่เสียเลือดอยู่มาก ยามนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นเช่นไร แต่คิดว่าไม่น่ากังวลถึงชีวิต”
เมี่ยวเอ๋อร์พยักหน้าแล้วมองเหยาฝูโซ่วคราหนึ่ง “หม่อมฉันจะไปถามไถ่พระอาการของไท่จื่อกับทางตำหนักบูรพาก่อนแล้วค่อยกลับไปกราบทูลฝ่าบาท”
เหยาฝูโซ่วรู้ว่าแม่นางทั้งสองมีเรื่องอยากพูดจาจึงได้ไว้หน้าพวกนาง กล่าวว่า “บ่าวจะกลับพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนก่อน”
เมี่ยวเอ๋อร์มองส่งเหยาฝูโซ่วจากไปก็ดึงอวิ๋นหว่านชิ่นเข้าหาแล้วดูแผลที่คอนางอย่างละเอียด “เป็นเช่นไรบ้าง เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่ เมื่อครู่ฮองเฮาได้ทำร้ายเจ้าหรือไม่ กริชคมกริบวิบวับเช่นนั้นพาดอยู่บนคอเจ้า ทำเอาข้าตกใจแทบแย่”
อวิ๋นหว่านชิ่นตบมือนางเบาๆ เป็นการบอกนัยๆ ให้หายห่วง แล้วมองนาง “เมี่ยวเอ๋อร์ ฮองเฮามีอาวุธในมือได้อย่างไร” อวิ๋นหว่านชิ่นเคยอยู่ตำหนักซือฝามาก่อน ห้องขังในตำหนักว่างเปล่าไม่มีอันใดทั้งสิ้น อาหารสามมื้อล้วนเป็นนางกำนัลที่ส่งมาให้จากด้านนอก ผู้ที่กำลังรับโทษพอได้เข้าไปก็จะถูกปลดเครื่องประดับตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกเปลี่ยนให้สวมใส่อย่างง่ายๆ
มีดในมือเจี่ยงซื่อมาได้อย่างไร
เมื่อครู่โกลาหลวุ่นวายไปหมดจึงนึกไม่ถึง เมี่ยวเอ๋อร์เข้าใจความหมายของนางทันที ให้เจิ้งหวาชิวเรียกนางกำนัลคนหนึ่งที่อยู่ในตำหนักเมื่อครู่มาหา ซึ่งเป็นมอมอผู้ดูแลของฮองเฮา ตำหนิว่า “เหตุใดฮองเฮาจึงมีอาวุธในมือได้”
มอมอคนนั้นจิตใจยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตัวสั่นงันงกกล่าวว่า “ไม่ทราบเจ้าค่ะพระสนม บ่าวมิกล้าให้ของมีคมเช่นนั้นแก่ฮองเฮาหรอก!”
เมี่ยวเอ๋อร์หัวเราะเสียงเย็นเยียบ “ยังจะโกหกอีก! เจ้าเป็นคนดูแลฮองเฮา ซ้ำยังเป็นหัวหน้ามอมอ เจ้าจะไม่รู้หรือ เจ้ามิได้ให้อาวุธแก่นางไป เช่นนั้นฮองเฮาเล่นมายากลได้หรือ ยามนี้ฝ่าบาทกำลังประชวร รอให้พระอาการดีขึ้นก่อน พอตรวจสอบดูแล้ว หัวพวกเจ้าจะได้หลุดจากบ่า!”
[1] จุดฉื่อเจ๋อ เป็นจุดฝังเข็มที่อยู่บนเส้นลมปราณปอด เป็นจุด “เหอ” (合) อยู่บริเวณร่องข้อพับระหว่างข้อศอก
[2] จุดอวี๋จี้ จุดฝังเข็มของเส้นปอด อยู่บริเวณขอบฝ่ามือด้านนอก