เสี่ยวหลัว เดินไปที่ด้านหน้าของเตียงและมองไปที่ใบหน้าที่ซีดจางของ จ้าว เหมิ่งชี ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงของผู้ป่วย การแสดงออกบนใบหน้าของเขามันเฉยชามาก มันเหมือนกับการไปเยี่ยมเพื่อนธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษมากไปกว่านี้
เขาเกลียดเธอหรือเปล่า?
พูดตามตรงในตอนแรกเขารู้สึกเกลียดเธอจริงๆ แต่หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ มันก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นและเริ่มเปลี่ยนมุมมองใหม่ ตอนนี้เขาปล่อยวางกับเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาหมดแล้ว ผู้คนอาจเป็นเช่นนี้ได้หลังจากที่สัมผัสใกล้ชิดกับความตาย
บางคนอาจถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และอาศัยอยู่กับเขาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และทำให้เขาเป็นผู้ใหญ่และเข้มแข็งมากขึ้น
“เสี่ยวหลัว คุณเป็นอดีตแฟนของ เหมิงชี เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอตกอยู่ในสภาวะที่ซึมเศร้ามาก เมื่อเธอกลับมาจากการทำงาน เธอมักจะนั่งที่โต๊ะและจ้องมองอย่างเหม่อลอย บางครั้งเธอก็จะหลั่งน้ำตาอย่างเงียบๆ และพูดว่าตัวเองเป็นคนโง่ ที่ทิ้งคนที่รักเธอไป ” ผู้หญิงที่มีผมหยักโศกพูดในฐานะเพื่อนร่วมห้องของ จ้าว เหมิ่งชี เธอหวังว่า จ้าว เหมิ่งชี และ เสี่ยวหลัว จะกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงพูดเกินจริงกับ เสี่ยวหลัว ไปว่า จ้าว เหมิ่งชี กำลังจะตาย
การแสดงออกทางสีหน้าของเสี่ยวหลัวมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ขณะมองไปที่ จ้าว เหมิ่งชี เขาพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบากับเธอว่า “ มันยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ที่จะค้นหาความรักที่เธอกำลังตามหา” เขาถอนหายใจอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะพูดต่อ “เวลาสองเดือน มันไม่ใช่เวลาที่นานนัก ที่จะค้นพบตัวเอง ลืมฉันไปซะเถอะ”
จ้าว เหมิ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ว่าเขามา เธอลืมตาที่อ่อนแอของเธอขึ้นมา ใบหน้าที่ซีดจางของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำ เธอพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ความฝันนี้ … มันช่างเป็นความฝันที่สวยงาม … ”
จากนั้นเธอก็หลับตาลงไปอย่างช้าๆ เธอคิดว่าภาพที่เธอเห็นนั้นมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เสี่ยวหลัวเขาจะมาอยู่ตรงหน้าเธอได้อย่างไร
“เหมิ่งชี นี่ไม่ใช่ความฝันลืมตาของเธอขึ้นมาเร็วๆเลย เขาคือเสี่ยวหลัวจริงๆ เสี่ยวหลัวเขาอยู่ที่นี่” ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เธอรีบเรียก จ้าว เหมิ่งชี อย่างเร่งรีบ
“จริงๆเหรอ?”
ใบหน้าของเธอ กลายเป็นตื่นตระหนก และจากนั้นเธอก็พูดกับเพื่อนของเธอด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะอ้อนวอนว่า “อย่าโกหกฉันเลย” น้ำตามันไหลลงมาอาบแก้มของเธอ “แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความฝัน มันก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน เสี่ยวหลัว ฉันขอโทษที่ทิ้งคุณไป ฉันขอโทษ…”
เธอไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้นมาแม้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แม้จะเป็นเพียงแค่ความฝันเธอก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวยิ้ม: “เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเป็นคนเลือกชีวิตของเธอเอง และเราก็ไม่มีอะไรที่จะต้องติดค้างกัน ที่ฉันมาในวันนี้ ฉันแค่จะมาบอกให้เธอใช้ชีวิตให้ดี ในฐานะเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งเพียงเท่านั้น”
“เสี่ยวหลัว ขอบคุณ คุณพูดถูกแล้ว ฉันมันโลภมากเกินไปและไม่พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มันสายเกินไปแล้วในตอนนี้ที่ฉันจะมาเสียใจ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ตอนนี้เธอเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดของเธอออกมา“ถ้าฉันสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง ฉันจะกอดคุณเอาไว้ให้แน่น และจะไม่ปล่อยให้คุณจากไปไหนอีกเลย”
น้ำตาของเธอไหลลงมาจากใบหน้าของเธอขณะที่เธอพูดใบหน้าของเธอมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่พยายามจะกลั้นน้ำตาไว้ ความทรงจำที่มีความสุขและเรียบง่ายพวกนั้น มันกำลังฉายวนซ้ำในความทรงจำของเธอ ตอนที่เสี่ยวหลัวเตรียมข้าวผัดไข่ที่เธอโปรดปรานให้ในตอนนั้นมันทำให้เธอมีความสุขมากจริงๆ เมื่อเธอนึกถึงมัน มันทำให้เธอยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าวันเวลาที่เธอไร้เดียงสามันจะผ่านพ้นไปนานแล้ว และเธอก็ต้องรับผิดชอบต่อการทำลายความไร้เดียงสานั้นแต่เพียงผู้เดียว มันเป็นบทเรียนที่ยากจริงๆ มันทำให้เธอเกลียดตัวเองในเรื่องนั้นมาก
“ตัวตนของเธอในตอนนี้ มันไม่ใช่ตัวตนของเธอในอดีตอีกต่อไป และ ตัวตนฉันในตอนนี้ มันก็ไม่ใช่ตัวตนฉันในอดีตเช่นกัน!” เสี่ยวหลัวหลัวพูดเบา ๆ
“ใช่…” จ้าว เหมิ่งชี ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
เธอยอมรับผิดทุกอย่าง
ประตูห้องเปิดออกและหมอในชุดสีขาวก็เดินมาพูดกับพวกเขาว่า “คุณสองคนผู้ป่วยต้องพักผ่อน อย่าคุยนานเกินไป!” เสี่ยวหลัวพยักหน้าและกล่าวลากับ จ้าว เหมิ่งชี“ ดูแลตัวเองให้ดี!”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปจากห้องในทันที โดยที่ไม่ได้เหลียวหลังกลับมามอง เขาเชื่อว่า จ้าว เหมิ่งชี จะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งหลังจากที่หลุดพ้นจาก ฮัว ไห่เฟิง นี่คือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“ในการ์ดใบนี้มันมีเงินอยู่ 1 แสนหยวน และรหัสผ่านคือ 666666 ฝากดูแลเธอด้วยนะ” เสี่ยวหลัว ส่งบัตรยูเนี่ยนเพย์ให้แก่ หม่า หลิงเจ๋อ
เรื่องนี้มันทำให้ หม่า หลิงเจ๋อ ตกใจ เงิน 100,000 ที่อยู่ในมือนี่มันมากจริงๆ เสี่ยวหลัวเขาเป็นคนที่สุภาพบุรุษมากเกินไปแล้ว เธอกลัวว่า เหมิ่งชี จะไม่สามารถลืมผู้ชายที่ดีคนนี้ได้จริงๆ
“อย่าบอกเธอว่าฉันเคยมาที่นี่ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแค่พูดว่าทุกอย่างมันเป็นภาพลวงตาของเธอเอง ส่วนเงินนี่ก็หาทางซ่อนมันไว้ซะ” เสี่ยวหลัว บอกเธอ
“ได้เลย”
หม่า หลิงเจ๋อ พยักหน้ารับทราบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็รู้ว่าบัตรยูเนี่ยนเพย์ที่อยู่ในมือของเธอมันหนักขึ้น
******
“สวัสดีบอสเฉิน คำสั่งซื้อของคุณจะกลายเป็น … อะไรนะ? คุณไม่ต้องการพวกมันแล้วงั้นเหรอ? คุณทำสิ่งนี้มันไม่ถูกต้องนะบอสเฉิน ฉันเชื่อใจคุณดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้เซ็นสัญญากัน แต่คุณกลับมาละทิ้งคำสั่งซื้อของฉันไปได้ยังไง คำสั่งซื้อนี้มันมีมูลค่ามากกว่า 1 แสนหยวน เลยนะ!”
ฝาง ฉงเหล่ ผู้ซึ่งเป็นประธานของ บริษัท Taste Buds กำลังคุยสายโทรศัพท์ แต่เมื่อเขาได้ยินอีกฝ่ายหนึ่งพูดว่าคำสั่งซื้อนั้นถูกยกเลิกเขาก็ลุกขึ้นยืนในทันที ใบหน้าของเขากลายไปเป็นมืดมน และน้ำเสียงของเขาก็กลายไปเป็นคุกคาม อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ระเบิดความโกรธ สายจากอีกฝั่งก็ชิงวางหูโทรศัพท์ไปก่อนแล้ว ทันใดนั้นมันก็มีเสียงดัง “บี๊บ” ของการวางสายดังขึ้นมา
“ไอเชี้..ยเอ้ย * มันต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน!”
ฝาง ฉงเหล่ รู้สึกโกรธมากจนเหวี่ยงโทรศัพท์ลงไปที่พื้นอย่างแรง ใบหน้าของเขานั้นมันโหดเหี้ยมากจนแทบที่จะฉีกคนออกเป็นชิ้นๆได้อยู่แล้ว นี่คือสายที่ 8 แล้ว เหล่าลูกค้าเก่าทุกคน ยกเลิกคำสั่งซื้อของเขากันไปจนหมด และคนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนที่คุ้นเคยและเพื่อนเก่าของเขาทั้งนั้น ทุกคนต่างก็เคยเล่นกับผู้หญิงในห้องเดียวกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นค่อนข้างดี แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกลับยกเลิกคำสั่งซื้อ เห็นได้ชัดว่ามันมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังของการกระทำเหล่านี้!
“ประธานฝาง พวกเขาพูดว่าอย่างไร ทำไมพวกเขาถึงได้ยกเลิกคำสั่งซื้ออย่างฉับพลันแบนี้?” ผู้ชายที่เป็นผู้ช่วย ถามอย่างสุภาพ เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด แต่ทุกคนบอกว่าเซ็นสัญญากับซัพพลายเออร์รายอื่นไปแล้ว และพวกเขาก็สั่งขนมไหว้พระจันทร์จากแบรนด์อื่น…แบรนด์อื่น! หืม มันคงใช่ของ บริษัท หลัวฝาง หรอกนะ?”
ฝาง ฉงเหล่ รู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเดจาวูแปลกๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน คำสั่งของ จาง หงต้า ก็บินหนีหายไปต่อหน้าต่อตาเขา จากนั้นเขาก็พ้นควันบุหรี่ออกจากปากของเขาอย่างแรง ด้วยความโกรธแค้น
ผู้ช่วยชายเห็นว่าการแสดงออกของ ฝาง ฉงเหล่ นั้นมันน่ากลัวมาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไร เขาทำได้แต่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ข้างๆ
“ไม่, ไม่, ไม่, ไม่, ไม่, ไม่, ไอ้เจ้ามดตัวน้อยนั่น มันไม่น่าจะมีความสามารถ และพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้”
ฝาง ฉงเหล่ เดินไปมา ขณะที่คบคิดถึงผู้ต้องสงสัยที่เป็นไปได้ในหัวของเขา จากนั้นเขาก็นำมือของเขาไปกุมคาง แล้วพูดกับตัวเองอีกครั้งว่า “แต่ถ้าประธานชู เข้ามาแทรกแซงก็คงจะเป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนกับท่อง ABC, แต่ประธานชู เขาให้ท้ายกับไอเด็กนั่นขนาดนี้เลยเหรอ?”
ในขณะที่ ฝาง ฉงเหล่ คิดไตร่ตรองเขาก็ดูงุนงงมากขึ้นเรื่อยๆ “ประธานชู ต้องการที่จะจัดการกับฉันหรือเปล่า?”
ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ แก๊งมังกร และ หลง ซุนกุย แต่เขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับ ชู หยุนเชียง เลยแม้แต่น้อย “ หากพลังในเงามืดของ เจียงเฉิง เป็น แก๊งมังกร พลังแห่งแสงสว่างก็จะต้องเป็น ชู หยุนเชียง ถ้า ชู หยุนเชียง ต้องการที่จะจัดการกับเขาแล้วหล่ะก็ เขาก็คงจะ …”
แต่แล้วทำไมหละ?
เขา กับ ชู หยุนเชียง ก็ไม่ได้เป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน แม้ว่าเขาจะต้องการให้ลูกคางคกของเขากินเนื้อหงส์และแต่งงานกับลูกสาวของ ชู หยุนเชียง แต่ ชู หยุนเชียง เขาก็ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องจัดการกับเขา!
ตอนนี้เขาคิดหาเหตุผลอะไรไม่ออกจริงๆ ทางข้างหน้ามันมีแต่หมอกหนาทึบเต็มไปหมดจนเขาหาทางออกไม่ได้
ทันใดนั้น ฝาง ฉงเหล่ ก็โพล่งออกมาพร้อมกับมีเหงื่อเย็นไหลออกมาว่า: “ไปเตรียมรถให้พร้อมเร็ว! ฉันจะไปหาประธานชู!”
“ได้ครับ”
ผู้ช่วยชายพยักหน้าแล้วรีบวิ่งลงไปจัดการในทันที
ฝาง ฉงเหล่ ต้องการรู้ให้ได้ว่า ชู หยุนเชียง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้หรือไม่ ถ้าใช่เขาก็คงจะไม่สามารถกินหรือนอนหลับตาลงอย่างสบายใจได้เลย