บทที่ 87 พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเกิดของเขาแล้ว

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของสุนันท์ก็แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย พูดออกมาจากใจว่า “ เลอแปง หล่อนจะบอกความจริงทั้งหมดกับลูกหรอ?”

“เธอเป็นคนยังไง ผมรู้อยู่แก่ใจ แล้วก็รู้จักดีด้วย”สีหน้าอันหล่อเหลาของเลอแปง ก็เงียบลง

“ลูกจะรู้จักดีได้ยังไง?ตามที่แม่เห็นนะ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่มารยาแน่ๆ ไม่งั้น ตอนแรกก็ไม่ใช้เด็กมาเป็นอุบายบังคับพี่ชายแกแต่งงานหรอก……”

ความโกรธในใจในที่สุดก็ปะทุขึ้นมาแล้ว เลอแปงตบโต๊ะ วางตะเกียบไว้บนโต๊ะ ไม่เหลือบมองสุนันท์แม้สักนิด ก็เดินออกไป

คำพูดพวกนี้ เขาไม่ชอบฟัง และไม่อยากฟัง เธอเป็นผู้หญิงอย่างไร เขาเข้าใจดีก็พอแล้ว!

สุนันท์ขมวดคิ้วแรง เขาจะโกรธขนาดนี้ทำไมกัน?

ต้องเป็น เชอร์รีนที่วางยาเสน่ห์ใส่เขาแน่ ไม่งั้น เขาก็ไม่มองเชอร์รีนแบบนั้นแน่

เมื่อคิดแบบนี้ ในใจของเธอก็เพิ่มคะแนนความเกลียดชังที่มีต่อเชอร์รีนขึ้นอีก

หยาดฝนออกมาจากห้องน้ำพอดี เห็นเพียงภาพของหยาดฝนที่เดินโกรธออกไปจากห้องรับแขก เธอถามด้วยความประหลาดใจ “พี่สะใภ้ เลอแปงเป็นอะไรไปคะ? ”

เก็บความรู้สึกที่มีลงไป สุนันท์พูดด้วยสีหน้าที่แน่นิ่งว่า “ฉันว่าเขาเกี่ยวกับเรื่องเรียนน่ะ ไม่อยากฟัง แถมยังอารมณ์ร้ายอีก”

หยาดฝนไม่ได้สงสัยอะไร ก็พูดว่า “เลอแปงเขาเป็นเด็กมีความคิด พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ”

“ถึงกังวล ก็กังวลเปล่า เธอพูดร้อยครั้ง มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละที่เขาจะยอมฟังบ้าง ใช่สิ พรุ่งนี้วันที่สี่ เกือบลืมไปเลย!”สุนันท์พูดเสียงเบาลง

“วันที่สี่ทำไมหรอคะ?”หยาดฝนสงสัย สายตาขยับ

“วันที่สี่ก็วันเกิดออกัสไง ช่วงนี้ยุ่งมาก เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”

พูดแบบนี้ หยาดฝนก็เพิ่งนึกออก “ถ้าพี่สะใภ้ไม่บอก ฉันก็เกือบลืมแล้วเหมือนกัน กี่ปีมานี้ ฉลองวันเกิดให้ออกัสยังไงคะ?”

“เธอก็รู้ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ชอบความวุ่นวาย วันเกิด คนทั้งครอบครัวก็จะอยู่ด้วยกัน กินข้าวกันในโรงแรม”

“แล้วปีนี้ล่ะคะ?”

“รอดูว่าออกัสอยากจัดยังไงเถอะ รอเขากลับมา แล้วค่อยปรึกษากัน ”

หลังจากนั้น ก็กลับเข้าห้องหยาดฝนหยิบปฏิทินที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงออกมา ข้างล่างของวันที่สี่ ใช้ปากกาวาดรอยรูปหัวใจ

บางและอ่อนมาก ถ้าไม่ไปสังเกตดูชัดๆ ก็มองไม่เห็น

เธอไม่กล้าวาดให้เห็นชัดเกินไป กลัวว่าจะมาเห็น วันนี้ เป็นวันที่เธอจะจนจำไว้ในสมอง ไม่ให้ลืมเด็ดขาด

วันที่สี่ เป็นวันเกิดของเขา ก็คือวันพรุ่งนี้……

ความรู้สึกถูกกดเก็บอยู่ในหัวใจ แต่ร่างกายที่ปะทะกันนั้นรุนแรงกว่า กรีดร้อง……

ในห้อง

บนเตียงที่เล็กและแคบคนสองคนที่กอดกันอยู่นั้นกำลังนอนอย่างหลับลึก

เตียงเล็กมาก ถ้าจะนอนราบทั้งสองคนนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นทำได้เพียงนอนตะแคงข้าง หน้าของทั้งสองคนหันเข้าหากัน ตะแคงนอน

และชัดเจนว่าลำตัวของออกัสนั้นยาวเกินไป ขานั้นเหยียดออกไปไม่ได้ ทำให้ต้องงอเข่าขึ้น

พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ส่องผ่านหน้าต่างสีเขียวสอดเข้ามา กระทบที่ร่าง

แสงอาทิตย์แยงตาเล็กน้อย ตาของเชอร์รีนกระพริบเล็กน้อยเพราะแสบตา จากนั้นก็ลืมตาขึ้น

ใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกแสงแดดสาดส่องอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทำให้เธอหวั่นไหว มองเขาอย่างนิ่งๆ

ผ่านไปสักพัก เธอถึงเอามือใหญ่ๆของเขาออกจากเอวตัวเองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง ออกจากห้องไป

จักรกฤษกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นมา “ตื่นแล้วหรอออกัส ล่ะ?”

“ยังนอนอยู่ค่ะ”

พูดเสร็จเธอก็เดินเข้าห้องน้ำไป แต่ก็ยังได้ยินเสียงจากห้องรับแขก

“ที่รักออกัสยังนอนอยู่เลย เดี๋ยวค่อยทำข้าวเช้าก็ได้”จักรกฤษพูด

“โอเค ฉันรู้แล้ว คุณเบาเสียงหน่อย อย่าเสียงดังทำให้เขาตื่น ”กนกอรก็ไม่ได้เสียงเบาอะไร

ได้ฟังแบบนั้น กนกอรก็ส่ายหัวแบบหมดคำพูด ในปากก็เต็มไปด้วยฟองยาสีฟัน

ออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นแค่ ทับทิมนอนอยู่บนโซฟา บ่นว่าหิวไม่ได้หยุด

เห็นแบบนั้น เชอร์รีนก็เปิดปากพูดว่า “แม่ เรากินข้าวก่อนเถอะ เหลือไว้ให้เขาที่นึงก็พอแล้ว”

“จะเป็นอะไรไป พวกเธอรออีกเดี๋ยวเดียว พอออกัสตื่น พวกเราก็เริ่มกินข้าว”กนกอรพูด

สองสามคนกำลังคุยกันอยู่ออกัสก็เดินออกมาจากประตูห้องแล้ว เพิ่งตื่นนอน ตาของเขายังหรี่อยู่ครึ่งหนึ่ง มือยังติดกระดุมเสื้ออยู่เลย ระหว่างช่องนั้น ก็มองเห็นหน้าอกที่แข็งแรงให้เล็กๆ ทั้งมีเสน่ห์และเซ็กซี่

ทับทิมเบิกตามองกว้าง เช้าๆแบบนี้ ก็มีของดีให้ดู

เมื่อรู้สึกถึงสายตารอบข้าง เขาก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ไม่ได้เงยหน้า ความเร็วของมือเร็วขึ้น แล้วติดกระดุมให้เรียบร้อย

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มบางๆบนริมฝีปาก ทักทาย “พ่อครับแม่ครับ อรุณสวัสดิ์”

กนกอรยิ้มตอบ “อรุณสวัสดิ์จ่ะ เมื่อคืนนอนหลับดีไหม?”

“สบายครับ แถมยังฝันดีด้วย”ออกัสยิ้มอ่อน น้ำเสียงนุ่มนวล

“งั้นก็ดี ตอนนี้รีบไปอาบน้ำล้างตัวเถอะ แล้วพวกเราจะกินข้าวเช้ากัน”กนกอรทำตามใจตัวเองจริงๆ

เชอร์รีนก็ไปเตรียมอาหารเช้า อาหารเช้าเยอะแยะมาก ทั้งอาหารจีน ทั้งอาหารฝรั่ง

เธอที่ไม่ชอบกินขนมปัง เชอร์รีนก็ตักโจ๊กขึ้นมา แล้วก็หยิบซาลาเปา

เธอมักจะรู้สึกว่าอาหารฝรั่งเป็นของกินของคนมีอันจะกินกินกัน สำหรับคนธรรมดาแล้ว ข้าวชาธรรมดาราคาไม่แพงแถมยังอร่อย

แต่ว่า เปลี่ยนรสชาติบ้าง กินอาหารฝรั่งสักมื้อก็ไม่เลว

ออกัสที่นั่งอยู่ข้างๆเธอก็กินโจ๊กแล้วก็ยังมีไข่ต้มอีกฟองหนึ่งด้วย

ห้าคนล้อมกินข้าว บรรยากาศเป็นกันเอง ผ่อนคลาย และอบอุ่น

จากนั้น สุดท้ายก็ต้องจากกันกนกอรบอกกับสองคนไม่หยุดว่า “อยากจะมาเมื่อไหร่ก็มาได้นะ”

“ได้ครับ ผมจะพาเชอร์รีนกลับมาบ่อยๆนะครับ ถึงตอนนั้นแล้วก็ต้องรบกวนด้วยนะครับ”

ยิ้มบางๆออกัสก็ยื่นมือไปโอบเอวบางๆของหญิงสาว ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย หน้าของเชอร์รีนก็แดงขึ้นมา

แววตาก็เข้มลง เขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืน สายตาที่เร่าร้อนใช้มือใหญ่ๆของเขาทัดผมให้เธอแล้วก็พูดกับกนกอรว่า “เธอขี้อายน่ะครับ”

เชอร์รีนกัดฟันเล็กน้อย มองไปที่เขา เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน หูก็ร้อนขึ้นมา ด่าเบาๆ “ใครจะไร้ยางอายแบบคุณล่ะ!”

เห็นทั้งสองคนว่ากันไปมา กนกอรก็วางใจ “ลูกเขยของลูกตัวเองแท้ๆ จะรบกวนอะไรล่ะ ขับรถดีๆนะ ระวังความปลอดภัยกันด้วย”

ตอบรับเสียงเบา กำลังจะไปสตาร์ทรถสีดำ เชอร์รีนก็กอดกันกับกนกอร จากนั้นก็ขึ้นรถ ออกไป

ไม่ได้กลับบ้านสิริไพบูรณ์คืนหนึ่ง สุนันท์น่าจะรู้แล้วแน่ๆ เชอร์รีนถอนหายใจเบาๆ กลับไปต้องโดนว่าไม่น้อยแน่

ถ้ามีแค่เธอที่ไม่ได้กลับไป สุนันท์คงไม่ว่าอะไรแน่

แต่ตอนนี้ออกัส ก็ไม่ได้กลับบ้านสิริไพบูรณ์ เธอจะต้องไม่พอใจมาก เธอคิดแบบนี้

ได้ยินเสียงถอนหายใจของเธอ สายตาของออกัสก็เอียงไปดูเล็กน้อย มองเธอ “คุณหญิงเชอร์รีนไม่อยากกลับบ้านสิริไพบูรณ์ขนาดนั้นเลยหรือ?”

“ป่าวค่ะ แค่คิดเรื่องอื่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”