ยังพูดไม่ทันขาดคำ มือถือก็ดังขึ้น เธอยื่นมือไปรับ เป็นนาโนที่โทรมา “เธออยู่ไหน?”
“กำลังอยู่ระหว่างทางกลับบ้านสิริไพบูรณ์ มีอะไรหรอ?”
“ไม่มีอะไร แค่น่าเบื่ออะ เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอที่บ้านสิริไพบูรณ์ แค่นี้นะ วางละ”
ออกัสเลิกคิ้ว ตาหรี่ลงเล็กน้อย “ใครโทรมา?”
“นาโนค่ะ บอกว่าเดี๋ยวจะไปหาฉันที่บ้าน ”เชอร์รีนวางโทรศัพท์แล้วพูด
“ยังติดต่อกับนายตำรวจคนนั้นอยู่ไหม?”เขาขยับมือหมุนพวงมาลัยไปทางขวา พูดด้วยเสียงต่ำเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เธอพยักหน้ารับ “ค่ะ”
ได้ยินแบบนั้น เขาก็มองเธอด้วยสายตาดำลึก “เขาไม่ได้รู้อยู่แล้วหรือว่าคุณแต่งงานแล้ว?”
“มันไม่เกี่ยวอะไรกันนี่คะ ”เชอร์รีนหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากต่อ “เขาเป็นคนดีมากคนนึงเลย เป็นคนซื่อสัตย์ ใจดี ตรงไปตรงมา เป็นเพื่อนที่หายากคนนึงเลยนะคะ”
คำพูดของเธอล้วนเป็นความจริง ในสังคมทุกวันนี้ คนที่เป็นเหมือนองค์ชายคนนี้ จะมีสักเท่าไหร่กัน?
เขาเป็นเพื่อนที่ไม่ควรจะเสียไปจริงๆ
คิ้วของเชอร์รีนก็กระตุก ริมฝีปากบางๆของเขากลายเป็นเส้นตรง ใบหน้าอันหล่อเหลาเคร่งขรึมลง
เธอทำเหมือนเขาเป็นอากาศ ต่อหน้าสามีแบบเขา ยังชื่นชมผู้ชายคนอื่นออกนอกหน้านอกตาได้ไม่หยุด!
“นายตำรวจองค์ชาย ในใจของดีขนาดนี้เลย งั้น แล้วผมล่ะ?”เขาเอ่ยปากถามช้าๆ
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งเชอร์รีน ก็เลิกคิ้วขึ้น “ทำธุรกิจก็ต้องคิดกำไร คุณชายออกัสไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นแบบนี้หรือคะ?จริงๆแล้ว ฉันรู้สึกว่าคำนี้ก็เหมาะสมกับคุณมากๆเลยนะ”
ใบหน้าที่มืดมนเดิมของเขานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นมีเลศนัยแล้วยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณหญิงเชอร์รีน”
เชอร์รีนได้กลิ่นของความอันตรายนั่นแล้ว เธอหลบสายตา แล้วก็พูดเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ”
ได้ยินแบบนั้นออกัสพ่นลมหายใจเยือกเย็น เขาเอื้อมมือใหญ่ๆของเขาออกมาในทันใด แล้วจับคางของเธอ กัดริมฝีปากของเธอราวกับเป็นการลงโทษ
เธอเจ็บ เชอร์รีนหายใจเฮือกเข้าไป ให้สองมือผลักทรวงอกของเขาออก พูดพึมพำ “คุณขับรถอยู่นะ ตั้งใจหน่อย”
ยิ้ม “จูบผมหน่อย แล้วผมจะปล่อยคุณ ไม่งั้นผมก็จะจูบคุณอยู่แบบนี้ห้านาที คุณหญิงเชอร์รีน……”
เธอจ้องไปที่เขา!
เขาทำเหมือนไม่เห็นอะไร บีบคางเธอ แล้วก็ใช้ลิ้นเลียเบาๆ
บริเวณที่ถูกเขาเลียนั้น ร้อนผ่าวไปหมด ชุ่มชื้น แล้วก็คัน รถบนถนนเยอะแยะ มองเห็นจากหน้าต่างได้อย่างชัดเจน!
เขาไร้ยางอาย แต่เธอไม่ใช่เขสักหน่อย!
ใบหน้าที่แดงก่ำ เชอร์รีนหลับตาปี๋เข้าใกล้เขา แล้วก็จูบไปที่ริมฝีปากบางๆของเขา
แต่ออกัสกลับมองไปที่ใบหน้าของเธอตรงๆ หน้าขาวเด้ง เวลานั้นยังชมพูระเรื่อ เขินอายเล็กน้อย ขนตายาวๆที่ขยับอยู่เล็กๆ ทำให้เขาหวั่นไหว
เดิมแล้วเขาไม่ได้เป็นคนที่มีความต้องการสูงอะไร แต่กับเธอแล้ว ความต้องการของเขายิ่งมาขึ้นเรื่อยๆ……
สิ่งที่เชอร์รีนเดาไว้ไม่มีผิด เดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นใบหน้าที่รออยู่ ก็คือสุนันท์นั่งอยู่บนโซฟา
เวลานั้น หัวของเธอก็ชาไม่หยุด
“ทำไมกลับมาช้าขนาดนี้?”ถึงแม้ว่าออกัสจะมองไปที่ออกัส แต่คำพูดนั้นกลับพูดกับเชอร์รีน
เขาเอามือลูบคิ้ว แล้วออกัสก็พูดตอบเธอ “เมื่อวานดึกไปน่ะครับ ทางนู้นเลยชวนให้อยู่ต่อ ก็เลยนอนคืนหนึ่ง ”
คำพูดนี้ก็ดูมีเหตุผล สุนันท์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พูดแค่ว่า “อ่อหรอ?”
“อื้ม……”ตอบรับเสียงเบา จากนั้นออกัสก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดชั้นบน ในห้องรับแขกก็เหลือแค่สองคน
สุนันท์กำลังจะเอ่ยปาก แต่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา แล้ว นาโนกับดนัย ก็เดินเข้ามาจากทางประตู
“สวัสดีปีใหม่ครับ คุณหญิงแม่อุ้ย ไม่เจกันนานเลย แต่คุณหญิงแม่ก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย”ดนัยใช้สายตาคู่นั้นยิ้มให้
คำพูดที่บอกว่าสวยใครๆก็อยากได้ยิน สุนันท์ก็ไม่เว้น ในตอนนั้น เธอก็ยิ้มแก้มปริ “แหม ดูเข้า ปากเธอก็ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะ”
ในตอนนั้นเอง สายตาของเธอก็หันไปหานาโน มองเธอหัวจรดเท้า “คนนี้คือ?”
นาโนสวมชุดขนสัตว์และกระโปรงสั้นๆ ผมสีดำของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่กระจายอยู่ทั่วไหล่ แต่งหน้าหนา
“สัวสดีค่ะคุณหญิงแม่ฉันเป็นเพื่อนของเชอร์รีนได้ยินเชอร์รีนพูดถึงความสาวสวยของคุณหลายครั้งเลย วันนี้ได้พบก็เป็นจริงอย่างที่ได้ยินมา ”นาโนทักทายอย่างมีมารยาท
เธอเข้าใจในการเข้าหาคนอื่นดี จะเข้าหาใครต้องใช้คำพูดแบบไหน
สุนันท์ไม่ชอบคนแต่งหน้าหนาอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินว่าเป็นเพื่อนของเชอร์รีนอีก ก็ยิ่งเย็นชากับเธอ แต่ว่าสีหน้าก็ไม่ได้แสดงออกจนชัดเจนอะไร “ขอบใจจ่ะนาโน มาดื่มกาแฟกันสักหน่อยสิมา ”
นาโนนั้นฉลาด แวบแรกก็มองเห็นแววตาของสุนันท์แล้ว แต่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
ตอนนั้นเองออกัสก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาแล้ว เห็นดนัยกับนาโนมา ก็เลิกคิ้ว “พวกเธอทำไมมาด้วยกันได้?”
ดนัยก็จ้องมองเขา “คุณชายออกัส ทำไมพวกเราจะมาด้วยกันไม่ได้ล่ะ?”
นาโนหันหน้าเล็กน้อย กวาดสายตามองไปที่คอของดนัย ตรงนั้นมีรอยจูบอยู่ ทั้งเขียวทั้งม่วง ใช่ นั่นเป็นฝีมือที่เธอกัดเมื่อคืน
ดวงตาสอดส่องไปทั่วร่างของทั้งสองคน ออกัสหรี่ตาลง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ในเมื่อไม่มีอะไร มาเล่นกันสักสองตาอะไหม?”ดนัยเสนอ
นาโนแผ่มือออก หมายความว่าตัวเองโอเค
ออกัสกับเชอร์รีนก็ไม่ได้มีอะไร ก็นับว่าเป็นอันตกลง
แต่หยาดฝนก็เดินลงมาจากชั้นบนพอดี สายตามมองผ่านออกัสไป แล้วก็ยิ้มทักทาย “ดนัยมาแล้วหรอ?”
“ป้าก็อยู่บ้านหรอ?”ยิ้มชวนหลงไหลของดนัยก็ยิ้มตอบ เดินลงมาอย่างสง่างาม แล้วก็กอดอย่างสนิทสนมกับหยาดฝนเห็นแบบนั้น ตาคู่สวยของนาโนก็เบิกขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าหล่อเหลาของออกัสก็ยังเป็นปกติไม่มีท่าทีใดๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“พวกเรากำลังปรึกษากันว่าจะเล่นกันสักหน่อย ป้าจะมาเล่นด้วยกันไหมครับ?”ปล่อยมือจากหยาดฝน แล้วดนัยก็พูดเชิญ
สายตาของหยาดฝนกวาดไปที่ทั้งสี่คน แล้วก็พูด “พวกเธอคนครบแล้วไม่ใช่หรอ?เพิ่มฉันอีกคนก็เกินน่ะสิ พวกเธอเล่นเถอะ”
“จะเป็นอะไรไป พวกเขาสองคนเป็นบ้านเดียวกัน ออกคนเดียวก็พอ”ดนัยยื่นมือออกไปชี้ ออกัสกับเชอร์รีน
เชอร์รีนยิ้ม “พวกเธอเล่นเถอะ ฉันนั่งดูก็ได้”
ไม่ได้เข้าไปในห้อง นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนโต๊ะไพ่นกกระจอกออกัสไม่ได้เล่นด้วย แต่กลับนั่งดูอยู่ด้านหลัง
ทั้งโต๊ะมีผู้หญิงสามคน มีเพียงผู้ชายคนเดียวก็คือดนัย
ดนัยจับคางเบาๆ “ผมไม่อ่อนให้เพราะทั้งสามคนเป็นผู้หญิงหรอกนะ ดังนั้นพวกคุณทำใจดีๆไว้ล่ะ อีกทั้ง ในเมื่อคิดจะเล่นแล้ว ก็ทุนสูงไปเลย เริ่มต้นที่สามพัน”