ได้ยินแบบนั้น เชอร์รีนก็รีบบอกปัด “งั้นพวกเธอเล่นเถอะ”
นาโนดึงแขนเสื้อเพื่อน ปากแดงๆพูดออกมาว่า “กลัวอะไรล่ะ?สามีเธอไม่ได้นั่งอยู่ข้างหลังหรอ เธอไม่มีเงิน แต่เขามีตั้งเยอะ ใช่ไหม คุณชายออกัส?”
ออกัสยิ้มอ่อน มือใหญ่ๆของเขากดลงบนบ่าของเธอ ให้นั่งลง “แน่นอนอยู่แล้ว”
“ดูสิ สามีเธอก็พูดแล้ว จะกังวลอะไรอีก?”
ได้ยินคำว่าสามีหลายๆคำเข้าเชอร์รีนก็แก้มแดง เธอไม่เคยเรียกเขาแบบนั้นเลย
ได้ยินชื่อเรียกที่สนิทสนมนี้จากปากคนอื่น ก็ยังใจเต้นขนาดนี้
กลับกัน มือเรียวเล็กก็ลงมาข้างกายบีบขาไว้แน่น สายตาของเธอก็มองย้อนกลับไปที่
เห็นเพียงใบหน้าของเขายิ้มบางๆอยู่ตลอด มองไปที่เชอร์รีน กำลังสอนเธอจัดไพ่
อีกด้านนึง สุนันท์ก็นั่งอยู่บนโซฟา สายตาหันมาดูที่โต๊ะไพ่นกกระจอกเป็นระยะ
ดนัยตอนแรกก็พูดมาก บอกว่าจะฆ่าทั้งสามคนไม่ให้เหลือ
แต่เมื่อเห็นดนัยแล้วออกัสก็ทิ้งท้ายออกมาว่า “วางใจเถอะ ตอนท้ายจะเหลือกางเกงในให้นายละกันนะ……”
สุดท้าย ดนัยก็โชคไม่ดีเท่าไหร่ แพ้อยู่เรื่อย แม้แต่ทุนก็ไม่ได้ถอนคืนเลย
นาโนมองไปที่เขาแล้วพูด “สมน้ำหน้า !”
หยาดฝนได้แต่ยิ้มบางๆ เธออยู่ตรงกลางตลอด ไม่ได้แพ้อะไร คนที่แพ้คือดนัย และคนที่ชนะก็คือเชอร์รีน
ไพ่ของเชอร์รีนก็ไม่ต่างกันมากนัก บวกกับมีกุนซืออยู่อีก ชนะจนนับเงินไม่ทัน วางอยู่ข้างๆเป็นกอง
ออกัสนั่งอยู่ข้างหลังเชอร์รีน แขนทั้งสองยืดไปข้างหน้า ท่านั้นเหมือนจะสวมเชอร์รีนไว้ในอ้อมกอด หน้าหันข้าง ริมฝีปากที่ขยับ เสียงต่ำที่เข้าหูของเธอ
นาโนมองอย่างพอใจเป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่เลวเลย สนิทสนมกันน่าดู
หยาดฝนมักจะมองไปทางนั้นอยากไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าจะให้คนอื่นสังเกตเห็นไม่ได้ ความขมขื่นในใจเธอแผ่ซ่านไปทั่วใจ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั่ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอก็กลัวว่าตัวเองจะบ้าตาย ภาพที่เห็นนี้มันบาดตาบาดใจเกินไป
เธอคิด หรือว่า เธอควรจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป……
เล่นไพ่เล่นมาสักพักแล้ว ก็หยุดลงออกัสกับดนัยที่แพ้จนหมดตัวอย่างก็ขึ้นไปด้านบน มีเรื่องงานที่ต้องพูดกันหน่อย
หยาดฝนสีหน้านิ่งๆ ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ก็ขึ้นไปข้างบนด้วย
นาโนกับเชอร์รีนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก พูดกันเรื่อยเปื่อย ก็คิดถึงยู่ยี่เชอร์รีนเอ่ยปากอย่างเป็นกังวล“ยู่ยี่เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“ก็เป็นแบบนั้นแหละ ไอ้หัสดินนั่นน่ะ ทางที่ดีที่สุดอย่าได้ทำผิดอะไรอีก ถ้าให้ฉันจับได้อีก เธอคอยดูนะว่าฉันจะฆ่ามันรึป่าว!”
พูดถึงเรื่องนี้นาโนก็ไม่สนใจว่าอยู่ไหนทำไรอยู่ เอ่ยปากด่าขึ้นมาโต้งๆ
คำพวกนี้ ล้วนเข้าหูสุนันท์หมดแล้ว เธอเลิกคิ้ว ความรังเกียจที่มีเพิ่มขึ้นอีก ที่แท้ก็พวกเดียวกันถึงอยู่กันได้!
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ ฉันหมายถึงว่า ตอนนี้เธอยังเสียใจอยู่ไหม?”
“จะไม่เสียใจได้ไงล่ะ ยังไงซะเธอก็เห็นเองกับตา ต้องติดอยู่ในใจไปตั้งนานแล้วแหละ!”
เชอร์รีนดีว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอที่โดนเอง ก็คงไม่มีวันที่จะลืม “แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไงบ้าง?”
นาโนใช้มือทำท่าทาง “ก็ยังเหมือนเดิมแหละยังแข็งทื่อกันอยู่หัสดินทำตัวยังกะขี้ข้า พูดเสียงเบาอะไรก็ตามใจเธอ กลัวจะไปทำอะไรให้ยู่ยี่ผิดใจอีก ส่วน ยู่ยี่ทุกวันก็มีทำหน้าบึ้ง ไม่มีทางจะดีกัน”
“ก็ไม่รู้นะว่า บรรยากาศแบบนี้จะอยู่นานเท่าไหร่ เห้อ”เธอถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้
ได้ยินแบบนั้น นาโนก็ยักไหล่ “ใครจะรู้ล่ะ แต่น่าจะนานแหละ เรื่องนี้ไม่เล็กเลย แต่เราก็ทำได้แค่ใช้ความรักช่วยแหละเนอะทำได้แค่ใส่ใจยู่ยี่เยอะๆ”
ทั้งสองคนนั่งคุยกันตรงนั้นอยู่นาน หลังจากรอให้ดนัยลงมาจากชั้นสองนาโนก็กลับไปพร้อมกับเขา
เชอร์รีนก็ส่งพวกเขาถึงที่รถ รอจนรถหายลับไปจากสายตา เธอถึงเดินกลับเข้าไปในบ้านสิริไพบูรณ์
ตอนที่กำลังจะเดินขึ้นบันได ก็ถูกสุนันท์เรียกไว้ “เชอร์รีน”
เธอทำได้แค่หยุดเดิน หันตัวแล้วยิ้มให้ “ค่ะแม่ ทำไมเหรอคะ?”
“เพื่อนคนเมื่อกี้ของเธอทำงานอะไรหรอ ?”สุนันท์นั่งไขว่ห้าง เอ่ยปากถาม
ตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ปิดบังอะไร “ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทค่ะ”
“เป็นถึงผู้จัดการ ก็น่าจะรู้มารยาทนะ ทำไมเป็นคนหยาบคายแบบนี้?”คิ้วที่สวยงามของสุนันท์ก็ขมวดขึ้น “คำโบราณบอกไว้อย่างดี คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตย์พาไปหาผล ตอนนี้เธอเป็นคุณนายของบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ ยังไงก็เลิกคบเพื่อนแบบนี้ซะนะ”
เธอเอ่ยช้าๆ ยิ้มค่อยๆ ตั้งใจพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ให้สุนันท์ได้ยินอย่างชัดเจน
“นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณแม่ยังไม่รู้สึกเธอน่ะสิคะ ที่จริงแล้ว เธอเป็นคนตรงไปตรงมาสักหน่อย เวลาที่โกรธก็จะพูดคำที่ไม่ค่อยน่าฟัง แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ฉันรู้จักเธอมาห้าปีแล้วค่ะ เธอเป็นคนยังไงฉันทราบดี ”
สุนันท์ว่าเธอเท่าไหร่ เธอทนได้ แต่มาว่าเพื่อนของเธอแบบนี้เธอทนไม่ไหว
คำพูดนั้นเป็นคำพูดดี มีเหตุผล และไม่ได้แดกดันอะไร หยุดคำพูดของสุนันท์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สุนันท์ก็พูดอะไรต่อไม่ได้ พูดได้เพียง “เธอรู้อยู่แก่ใจก็ดีแล้ว อีกอย่างคือ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของออกัส เธอปรึกษากับเขารึยังว่าจะจัดยังไง”
พรุ่งนี้วันเกิดเขา?
เชอร์รีนตกใจเล็กน้อย แต่ก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ส่ายหัว “ยังเลยค่ะ”
“วันนี้ก็คุยกับเขาซะ จากนั้นก็มาบอกกับฉัน เรื่องสามีตัวเอง ทำไมไม่ใส่ใจเลยนะ?”
หางเสียงของเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไม่มองเชอร์รีนอีกเลย หันตัวแล้วเดินออกจากห้องไป
เชอร์รีนกลับไปที่ห้อง ก็เห็นออกัสกำลังนั่งอ่านเอกสาร เหมือนจะเป็นเอกสารการร่วมมืออกันของดนัยที่เอามาให้เซ็น
ไม่ได้รบกวนเขา เธอรินน้ำอุ่นสองแก้ว แก้วหนึ่งวางไว้บนโต๊ะของเขา อีกแก้วนึงก็ถือไว้เอง จิบคำเล็กๆ
อาจจะเพราะว่ากระหายน้ำ เขาหยิบแก้วน้ำไป แล้วก็ชิม จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น “คุณหญิงเชอร์รีนไม่มีกาแฟหรอ?”
“น้ำอุ่นไม่มีอันตราย ดีกว่ากาแฟมาก คุณลองดื่มก่อนสักกี่อึก ยังไงซะมันก็ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ”
เชอร์รีนเอ่ยปาก เพราะคิดถึงคำพูดของสุนันท์ได้ ลองถามเขาดู “คืนพรุ่งนี้คุณว่างไหมคะ?”
“ทำไมหรอ?”เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปที่เธอ แล้วก็จิบน้ำอุ่นอีกคำ ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ดื่มยากขนาดนั้น
“มีเรื่องอะไรอยู่หรอกค่ะ คุณตอบฉันให้มั่นใจหน่อย ว่าพรุ่งนี้คุณมีเวลาไหมคะ?”
ยิ้มเล็กๆ เขาสงสัย ปากกาที่อยู่ในมือก็หยุดลง มองเธออย่างมีเลศนัย “คุณหญิงเชอร์รีนถ้างั้นเรื่องนั้นคือเรื่องอะไร?”
“ให้ถึงพรุ่งนี้คุณก็รู้เองแหละค่ะ”
เขาก็ไม่ได้ถามต่อ ดูตารางเวลาแล้วก็พูด “ตอนเช้ากับตอนเที่ยงไปเซ็นสัญญา กลางคืนหลังจากทุ่มนึงขึ้นไปก็มีเวลา”
“ถ้างั้นพวกเราเจอกันหลังหนึ่งทุ่มนะคะ”