“อา อา! เจ้าถึงกับตื่นอยู่…ไม่ใช่สิ…ที่แท้ถิงหนูช่วยเจ้าได้แล้ว!” มกรส่งเสียงตะโกนดังไม่หยุด รีบยัดขนมในมือใส่ปาก หันหลังคิดหนี พลางกล่าวอู้อี้ว่า “ข้าลืมไป คิดว่าเจ้ายังหลับอยู่ ขอโทษนะ กินของเจ้าหมดแล้ว”
หลิงหลงเห็นเขาไม่คุ้นตา อดตวาดใส่ไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นใคร”
มกรเชิดหน้าขึ้นอย่างยโส หัวเราะกล่าวว่า “ข้าคือใคร ข้าก็คือมกรชื่อเสียงก้องหล้า! เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ”
หลิงหลงมองเขาอย่างสงสัย จากผมขาวราวหิมะไปจนหน้าตายโสเต็มที่ของเขา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่เหมือนคนดี ขมวดคิ้วกล่าวว่า “สำนักเส้าหยางไหนเลยเป็นที่ให้เจ้าบุกรุกเข้ามาได้! ไสหัวออกไป! ไม่เช่นนั้นข้าจะเรียกคนมาจับเจ้า!”
มกรโมโหทันที สะบัดหน้าเดินเข้ามา พลางชี้หน้าตนอย่างแรง น้ำเสียงดุดันกล่าวว่า “ข้าบุกเข้ามา?! ขอร้องข้าก็ไม่อยากมา! บอกว่านังหญิงหน้าเหม็นบีบบังคับข้าดีกว่าไหม จะว่าไป ข้าไม่ค่อยได้เห็นนังหนูประสบการณ์น้อยเท่าไร มกรอย่างไร มกร! เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไร”
“ผู้ใดสนใจว่าเจ้าเป็นมกรหน้าเหม็นอะไร!” หลิงหลงเริ่มโมโหแล้ว “ไสหัวไป!”
มกรแค่นเสียงฮึ สะบัดหน้าจะออกไป เขาคิดได้แล้ว! เป็นนาง! วันนั้นเห็นนางนอนอยู่ที่นั่นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูยังคิดว่าเป็นคนดี ปรากฏเขาผิดมหันต์ ใช่แล้ว มนุษย์มีคำกล่าวว่า ว่าอะไรน้า
“สิ่งของแบ่งตามจำพวก คนก็แบ่งตามกลุ่มชาติพันธุ์ ใกล้ชาดย่อมแดง ใกล้หมึกย่อมดำ! เจ้าเป็นพี่สาวของนังหนูหน้าเหม็นนั่น ย่อมไม่ใช่คนดี!”
มกรโมโหฮึดฮัดคว้าขนมที่เหลือบนจานยัดใส่แขนเสื้อ ถีบประตูจะออกไป
หลิงหลงตะโกนว่า “เจ้าขโมยอะไร?! บังอาจมาก! คืนมานะ!”
ของที่มกรยัดเก็บแล้ว ไหนเลยจะยอมคายออกมา เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น ไม่ทันระวัง นางอยู่ๆ ส่งเสียงร้องดัง “ขโมย! มีขโมย! ใครอยู่ข้างนอก!”
เขาลนลานทันที เรียกคนอื่นมายังดี เกิดเรียกนังหญิงหน้าเหม็นมา เขาไม่รู้ต้องถูกจัดการอย่างไร “นี่! อย่าตะโกน!” มกรพุ่งเข้าไปอุดปากนาง ข่มขู่ดุร้าย “หากเจ้าตะโกนอีก…ข้า…ข้าก็เสกไฟใส่เจ้า!” กล่าวจบกลางฝ่ามือพลันมีลูกไฟสีแดงขนาดราวปลายนิ้วมือราวกับจุดเทียน หากจะเผาคงก็คงได้แค่เผาเส้นผมไม่กี่เส้น
หลิงหลงเห็นเขาท่าทางดุร้าย ตกใจคว้าแขนเขาไว้ ปากก็งับลงไป มกรเจ็บจนแผดเสียงร้องดังลั่น ลูกไฟกลางฝ่ามือพลันดับมอดลง ได้ยินเสียงนางดังอยู่ข้างหู “ฆ่าคนแล้ว! วางเพลิงแล้ว!” ทำเอาเขาตกใจมือไม้ลนลาน ฟาดเข้ากลางหลังนาง หลิงหลงในยามนั้นตัวแข็งค้าง อย่าว่าแต่ร้องตะโกน แค่หนังตาก็ไม่อาจขยับได้ แววตานางจ้องมองเขาเขม็งแทบจะลอกหนังเขาออกมา แทบอยากจะให้เขาไม่ตายดี
มกรถอนหายใจเฮือก ชะโงกหน้าออกไปมอง ดีมาก ด้านนอกไม่มีคน เขาหดหัวกลับมาปิดหน้าต่างลง โมโหกล่าวว่า “แค่กินขนมเจ้าไม่กี่ชิ้น ก็ต้องร้องดังเช่นนี้ด้วยหรือ เชอะ พวกหญิงหน้าเหม็นลำบากลำบนช่วยเจ้ากลับมา คิดว่าผู้หญิงอะไร ปรากฏก็แค่หญิงน่าเบื่อ! ไม่กินก็ไม่กิน คืนเจ้าก็คืนเจ้า!”
เขาควักเอาขนมในแขนเสื้อออกมาโยนใส่หน้านางอย่างโมโห แป้งและน้ำตาลเปื้อนใบหน้านาง ขาวๆ ด่างๆ ดูแล้วน่าขันอย่างที่สุด มกรหัวเราะดังลั่น ปาดแป้งที่เลอะหน้าด้วยท่าทางราวเด็กเกเรวาดรูปงูบนใบหน้านาง หน้าตาประสงค์ร้ายกล่าวว่า “เจ้าเกลียดงูใช่ไหม ดูข้าวาดงูสองตัวบนหน้าเจ้าสิ เจ้าสวยตายละ!”
หลิงหลงโมโหจนหน้าอกแทบระเบิด แต่กลับขยับไม่ได้แม้ปลายนิ้ว ได้แต่อัดอั้นน้ำตานองหน้า มกรเห็นว่าทำนางร้องไห้แล้วก็รู้สึกประดักประเดิด กล่าวว่า “เชอะ มนุษย์ไม่ได้เรื่อง เอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้!” คิดไปมาก็ไม่กล้าปล่อยให้นางขยับได้ เกิดนางส่งเสียงร้องขึ้นมา ตนเองใช่ว่าซวยหรือ ดังนั้นจึงผลักไหล่นางทีหนึ่ง หลิงหลงล้มลงทันที เขารีบคว้าเอาผ้าห่มมาปิด ตบมือยิ้มกล่าวว่า “เรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้ คนเขาเสี่ยงภัยเพื่อช่วยเจ้า แลกมาด้วยชีวิตกว่าจะช่วยเจ้ากลับมาได้ หากเขาร้องไห้แบบเจ้านี่ น้ำตาเขาคงกลายเป็นทะเลไปแล้ว”
เขามองหลิงหลงเหมือนคิดอะไรอยู่ ก่อนจะกล่าวอีกว่า “ข้า…ข้าจะไปแล้วนะ เจ้ารับปากว่าไม่ตะโกน ข้าก็จะปลดคาถา” เขาปัดผ่านหน้าหลิงหลงปลดคาถาส่วนหนึ่ง กล่าวอีกว่า “เจ้ารับรองก่อนว่าไม่ร้อง ขยับปากสองที”
ปากหลิงหลงขยับเล็กน้อย ขยับสองทีดังคาด มกรยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นเอาละ หากข้าปลดคาถาแล้วเจ้าร้องเสียงดัง ครั้งนี้ก็จะเสกไฟเผาเจ้าจริงๆ…อืม เผาผมเจ้าทิ้ง! ให้เจ้าหัวล้านตลอดชีวิต!”
เด็กหญิงตัวน้อยไหนเลยไม่รักสวยรักงาม หากเขาใช้วิธีอื่นมาขู่นาง นางย่อมไม่คิดว่าจริง แต่ได้ยินว่าจะเผาผมนางให้หัวโล้นก็ทำนางตกใจดังคาด มกรตบเหนือศีรษะนางทีหนึ่ง หลิงหลงค่อยๆ “อา” เบาๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง นางไม่ร้อง ได้แต่ถลึงตาจ้องเขา
มกรได้ใจหัวเราะกล่าวว่า “ดีมาก ข้าไปละนะ”
“เดี๋ยวก่อน!” หลิงหลงพลันเรียกเขาไว้ มกรหันกลับไปอย่างระแวดระวัง “อะไรอีก”
หลิงหลงลังเลครู่หนึ่ง จึงได้กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าว่า กล้าเสี่ยงภัยไปช่วยข้ากลับมา…หมายถึงพวกเสวียนจีช่วยข้าหรือ พวกเขา…ไม่ยอมบอกข้าสักทีว่าช่วยข้าออกมาได้อย่างไร เจ้าเป็นพวกเดียวกับพวกเขาใช่ไหม เจ้าบอกข้าได้ไหม”
มกรอึ้งไปเล็กน้อย จริงๆ แล้วเรื่องนี้เขาเองก็รู้ไม่มาก เสวียนจีบอกเขาแค่คร่าวๆ รายละเอียดช่วยอย่างไร เขาเองก็ไม่กระจ่าง แต่เขาเป็นคนขี้อวด จะยอมบอกตรงๆ ว่าไม่รู้ได้อย่างไร ยามนั้นจึงกระแอมไอกล่าวว่า “เรื่องนี้น่ะหรือ แน่นอนข้ารู้ มีคนแล่นไปเป็นสายให้คนชั่วในนั้นเพื่อช่วยเจ้า จากนั้นก็ลอบขโมยจิตญาณเจ้าออกมาน่ะสิ! ง่ายมาก”
“สาย?” ในใจหลิงหลงพลันรู้สึกถึงลางไม่ดีนัก
มกรพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่เรื่องเขาเป็นสายนั้นราวกับเหมือนว่าถูกหลอก เริ่มแรกคิดว่าเป็นสายลับก็จะช่วยเจ้ากลับมาได้ ผู้ใดจะรู้ว่าจิตญาณนั่นปลอม ดังนั้นคนที่เป็นสายผู้นั้นจึงได้แต่แอบขโมยเอง! อ้อ เหมือนว่าเพื่อที่จะได้รับความไว้ใจจากคนชั่วนั่น ยังฆ่าคนด้วย…คนนั้น…ชื่ออะไรน้า นางหญิงหน้าเหม็นนั่นเรียกเขาศิษย์พี่รอง ตายอนาถมาก ถูกคนตัดเป็นชิ้นๆ…”
“ศิษย์พี่รอง?!” หลิงหลงหลุดร้องออกมา ทำเอาเขาสะดุ้งโหยง
นางเลิกผ้าห่มกระโดดออกมาคว้าคอเสื้อเขาไว้ ดุดันถามว่า “ผู้ใด? ผู้ใดเป็นสาย? เจ้ารีบบอกข้ามา!”
มกรร้อนใจกล่าวว่า “ชื่อมนุษย์ข้าจะไปจำได้อย่างไร! อย่างไรก็คนนั้นแหละ! นางหญิงหน้าเหม็นเรียกเขาว่าศิษย์พี่หกอย่างไร! มีคนอยู่กับเขาอีกคน เกือบแทงอวี่ซือเฟิ่งตาย…”
เขากล่าวไม่ทันจบ รู้สึกเพียงแค่หลิงหลงเข่าอ่อนยวบลงกับพื้น สีหน้าซีดเผือด หายใจติดขัดเป็นลมสลบไปทันที มกรรีบเข้าไปดูนาง ตบหน้านาง “นี่? ไม่เป็นไรใช่ไหม เจ้าอย่าทำข้าตกใจ! หากให้นังหญิงหน้าเหม็นรู้เข้า ข้าคง…”
หลิงหลงไม่ได้ฟังวาจาสุดท้ายของเขา เมื่อครู่ตกใจโมโหเป็นลมไป ตอนนี้พอฟื้นขึ้นมาอย่างงุนงง อดปล่อยโฮออกมาไม่ได้ นางเข้าใจแล้วว่าว่าทำไมตอนทุกคนมาเยี่ยมนางจึงเหมือนอยากพูดแต่ไม่กล้า เหตุใดจงหมิ่นเหยียนไม่ปรากฏตัว นางโง่จริง! ถึงกับคิดว่าจงหมิ่นเหยียนทิ้งนางแล้ว! เขาทุ่มเทชีวิตเพื่อนาง ยอมบดขยี้ดวงใจตนเองเพื่อนาง นางถึงกับยังมานอนอยู่บนเตียงหลั่งน้ำตาแบบเด็กน้อยไม่รู้จักโตบ่นนั่นบ่นนี่
มกรเห็นนางร้องไห้หนัก ในใจก็รู้ว่าที่นี่อยู่นานไม่ได้แล้ว นางร้องไห้ขึ้นมา เกรงแต่ว่าไม่จบไม่สิ้น รีบหนีดีกว่า
เขาเดินถึงหน้าประตู กำลังเปิดประตู พลันได้ยินนางถามว่า “เขา…เขาเป็นสายอยู่ที่ใด”
เขาตอบทันทีไม่ทันคิด “เขาปู้โจวซาน…ที่นั่นไม่ใช่ที่มนุษย์ธรรมดาจะไปกันตามอำเภอใจได้”
นางไม่กล่าวอันใดอีก มกรบินออกไปอย่างรวดเร็ว เกรงว่าหากนางตามมาตอแย คงไม่อาจปัดความยุ่งยากทิ้งได้