แดนนิรมิตเทพ บทที่ 464
เนื่องจากเฉินโม่นั่งมือเปล่า และทั้งตัวก็ไม่ได้มีอะไรที่จะสามารถใส่ของขวัญวันเกิดไว้ได้ จึงไม่เพียงแค่คนอื่นเข้าใจผิด แม้แต่มู่หรงยานเอ๋อร์เองก็เข้าใจผิดด้วยเช่นกัน

มู่หรงยานเอ๋อร์มองเฉินโม่ แววตากลมโตเองก็มีความผิดหวังปรากฏ และแอบคิดในใจว่า “เฉินโม่ไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดไว้ให้กับฉันงั้นหรอ?”

แต่ไม่นาน มู่หรงยานเอ๋อร์ก็กลับสู่สภาพปกติ และปลอบใจตัวเองว่า “บางทีเฉินโม่อาจจะรีบเกินไปจนลืมซื้อของขวัญก็ได้ มันจะอะไรนักหนาจ๊ะ ขอแค่เขามาร่วมงานได้ก็พอแล้ว พิสูจน์ได้ว่าในใจเขาก็ยังมีฉันอยู่เหมือนกัน!”

สีหน้าของหยูเจียหาวดุร้าย แววตาที่มองเฉินโม่มีความชั่วร้ายแฝงอยู่ “หรือว่าไอ้เจ้านี่ไม่ได้เตรียมของขวัญมาจริงๆงั้นหรอ? ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ อย่างนั้นก็ดีมากเลยละ!”

“เฉินโม่ วันนี้เป็นวันเกิดอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ของคุณหนูยานเอ๋อร์ ถือเป็นงานบรรลุนิติภาวะที่ยิ่งใหญ่มากในหัวเซี่ย แล้วนายเตรียมของขวัญอะไรมาให้คุณหนูยานเอ๋อร์งั้นหรอ?” หยูเจียหาวจงใจถามเสียงดัง ในแววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

เมื่อหยูเจียหาวถามออกไปเช่นนี้ ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็หันไปมองที่เฉินโม่กันหมด ในแววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

แม้แต่มู่หรงยานเอ๋อร์เองก็อดไม่ได้ที่จะมองเฉินโม่ด้วยความคาดหวัง

เฉินโม่เหลือบมองหยูเจียหาวนิ่งๆ สีหน้าเย็นชา

มู่หรงยานเอ๋อร์คิดว่าเฉินโม่ไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ กลัวเฉินโม่จะอับอาย ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “ของขวัญอะไรกัน ขอแค่เพื่อนๆมาฉันก็ดีใจมากแล้วละ”

“เฉินโม่ ขอบใจนะที่นายสามารถมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฉันได้!” รอยยิ้มของมู่หรงยานเอ๋อร์อ่อนหวานอย่างมาก แววตาสดใส รู้สึกยินดีต้อนรับเฉินโม่อย่างจริงใจ

เมื่อเห็นว่ามู่หรงยานเอ๋อร์รับหน้าแทนเฉินโม่ แววตาของคนอื่นที่มองไปยังเฉินโม่ก็ยิ่งดูถูกเหยียดหยามมากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อได้ยินมู่หรงยานเอ๋อร์เอ่ยปากพูดเอง เฉินโม่ถึงได้ค่อยๆลุกขึ้นยืน มองไปที่มู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันเกิดของยานเอ๋อร์ทั้งที ฉันจะไม่เตรียมของขวัญไว้ได้ยังไงกันละ?”

ค่อยๆเดินมายังตรงหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วในมือของเฉินโม่ก็มีสร้อยหยกเพิ่มขึ้นมาอย่างกับเล่นมายากล และยังร้อยสายด้วยด้ายแดงอีกด้วย

“ฉันทำเองกับมือ มอบให้เธอ!”

“สุขสันต์วันเกิด!”

เฉินโม่เดินไปที่ข้างกายมู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วสวมให้กับมู่หรงยานเอ๋อร์ด้วยตัวเอง

มู่หรงยานเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย ไม่ได้ปฏิเสธ แล้วยังก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างให้ความร่วมมือ ปล่อยให้เฉินโม่นำเอาสร้อยหยกเส้นนั้นสวมใส่ที่คอกันสวยงามของเธอ

ภาพนี้ ทำเอาทุกคนรู้สึกอิจฉาริษยากันมากขึ้นกว่าเดิม

โดยเฉพาะหยู่เหวินเฉิง แววตาเดือดดาลจนแทบจะพ่นไฟออกมา

มู่หรงยานเอ๋อร์ที่เขินอาย ดูสวยงามมีเสน่ห์มากกว่าเดิม น้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ผู้คนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม “ขอบใจนะเฉินโม่!”

หยู่เหวินเฉิงกำหมัดแน่น กัดฟันจนฟันแทบจะแตกละเอียด

“ไอ้เจ้านี้ต้องจงใจแน่ๆ ทั้งๆที่มันเตรียมของขวัญไว้ แต่กลับเอาออกมาในวินาทีสุดท้าย เพื่อต้องการดึงดูดความสนใจจากยานเอ๋อร์”

“ไอ้เจ้านี่ มีฝีมือนี่หว่า!” แววตาของพวกชายหนุ่มเย็นชา รู้สึกเกลียดชังเฉินโม่มากกว่าเดิม

เมื่อเฉินโม่มอบหยกแขวนให้เรียบร้อยแล้ว และก็ได้พูดคุยกับมู่หรงยานเอ๋อร์ตามที่ต้องการ เป้าหมายในการมาครั้งนี้ถือว่าสำเร็จลุล่วง

เมื่อมีหยกแขวนเส้นนั้นแล้ว แม้ว่าศัตรูของตระกูลมู่หรงมา ก็ไม่สามารถทำอันตรายอะไรยานเอ๋อร์ได้แม้แต่นิดเดียว

ส่วนมู่หรงเค่อและคนของตระกูลมู่หรงพวกนี้ เฉินโม่ไม่อยากจะสนใจแล้ว

“ยานเอ๋อร์ วันนี้เธอสวยมาก!ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนละ!”

“ไว้เจอกันใหม่นะ!”

พูดจบ เฉินโม่ก็หันหลังแล้วก้าวเดินจากไป

มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกเศร้าใจ รีบพูดว่า “พี่เฉินโม่ งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่ม ทำไมพี่ถึงจะกลับแล้วละ? มาตั้งไกล อย่างน้อยก็ทานข้าวก่อนแล้วค่อยกลับไปสิ!”

เฉินโม่หันหน้ากลับมายิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องหรอก”

ถ้าหากปล่อยให้เฉินโม่จากไปเช่นนี้ อย่างนั้นก็ง่ายดายต่อเฉินโม่เกินไปแล้ว ทุกคนต่างก็แอบคิดแค้น

แต่ว่า ควรใช้ข้ออ้างอะไรรั้งเฉินโม่ไว้ละ?