ตอนที่ 372 ตำราลึกลับสำนักไป๋กู่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ในเมื่อได้เรียนรู้ไปแล้ว เจ้าจะนำไปใช้อย่างไรก็แล้วแต่ตัวเจ้า เจ้าต้องการจะต่อสู้กับใคร อยากจะทำสิ่งใด ข้าไม่อาจควบคุมเจ้าได้ แต่ผู้ที่สามารถเด็ดดอกไม้แห่งความโลภมาได้อย่างเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่มีวันทำเรื่องชั่วร้ายเป็นอันขาด”

“อืม แล้วการสืบทอดมรดกจะเป็นอย่างไรบ้าง ? ท่านแจงมาได้เลย”

ทันใดนั้นตำราสีดำเล่มหนึ่งลอยออกมาจากโครงกระดูกขาว “นี่เป็นตำราทักษะลับของสำนักไป๋กู่ที่ไม่เคยเผยแพร่หรือสอนให้ผู้ใดมาก่อน แม้แต่บุตรทรพีผู้นั้นของข้าก็ยังไม่ได้ศึกษาตำรานี้ ขอเพียงเจ้าศึกษาตำรานี้ให้บรรลุ ล้างบาปให้กับสำนัก เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงแล้ว”

มู่เฉียนซี “เพียงแค่นี้รึ ?”

“การที่ข้ามาก็เพื่อจะนำสิ่งนี้ออกมาให้เจ้า  ในเมื่อได้มอบมันให้กับเจ้าแล้ว ข้าก็หมดห่วง” จากนั้นร่างของแมลงกู่ที่มาพร้อมกับโครงกระดูกขาวก็ได้สลายกลายเป็นผุยผงไปพร้อมกับโครงกระดูกนั้นในไม่ช้า

มู่เฉียนซีถือตำราเล่มนั้นไว้ในมือแน่น ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “โอวหยางหว่าน ชาตินี้ทั้งชาติเจ้าจงซ่อนตัวให้ดีอย่าได้ออกมาให้ข้าเห็นเด็ดขาด หากข้าพบเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะใช้ทักษะกู่ลึกลับ กู่พิษ หรืออะไรก็แล้วแต่ ข้าจะทำให้เจ้าทรมานชนิดที่ว่าไม่มีทางรักษาหายเป็นแน่”

มู่เฉียนซีรีบออกจากวังใต้ดินอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบเช่นกันว่าเวลานี้ไป๋เหรินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว  ยังไม่ทันได้เดินออกจากประตู ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น “โอ้! แมลงกู่เหล่านี้ถูกเลี้ยงโดยทักษะวิชาของสำนักไป๋กู่ของพวกเรา ข้าจำได้”

“หรือว่าที่นี่จะเป็นที่ซ่อนตัวของเจ้าสำนักคนเก่า  ขอเพียงพวกเราหาตำราทักษะลับเล่มนั้นเจอ สำนักไป๋กู่ของพวกเราก็จะกลับมารุ่งโรจน์ชัชวาลย์อีกครั้ง  ถึงตอนนั้นสำนักอวิ๋นเยียนก็ไม่อาจทำอะไรเราได้”

“ใช่แล้ว”

ชายชราผู้นั้นซ่อนตัวได้ดีเช่นนี้ แต่ก็ยังโดนคนเหล่านี้หาพบ  คนผู้นี้เป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก เส้นทางเข้าออกมีเพียงทางเดียวเท่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญหน้า แต่นางก็มิได้ขลาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา

นับตั้งแต่ครั้งนั้นที่โอวหยางหว่านหนีรอดไปได้  นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบเจอกับคนของสำนักไป๋กู่ ไม่ทราบเช่นกันว่าคนเหล่านี้จะรู้ข่าวเกี่ยวกับนางป้าบ้าคลั่งโอวหยางหว่านผู้นั้นบ้างหรือไม่

“มีคนอยู่” หนึ่งในพวกเขาโพล่งขึ้นอย่างตกใจ

ในเมื่อคนเหล่านั้นรู้ตัวแล้วว่ามีคนอยู่ที่นี่ มู่เฉียนซีจึงเดินทอดน่องออกไปอย่างเชื่องช้า และพวกเขาก็ได้เห็นนาง

พวกเขาเห็นร่างเด็กหนุ่มนัยน์ตาเขียวเดินออกมา ข้างในเต็มไปด้วยพิษมากมาย แต่เด็กหนุ่มผู้นี้มีชีวิตรอดมาได้ นั่นหมายความว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ง่ายที่พวกเขาจะรับมือด้วย

มู่เฉียนซี “พวกท่านขวางทางข้าแล้ว รบกวนช่วยหลีกทางให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ?”

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมให้มู่เฉียนซีผ่านไปง่าย ๆ บางทีตำราทักษะลับเล่มนั้นอาจจะอยู่ที่เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้แล้วก็ได้

พวกเขากล่าวถามขึ้นว่า “เจ้าหนู เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไรกัน ?”

“ข้าเห็นทางเข้าเปิดอยู่จึงเข้ามาได้”

“ง่ายดายเช่นนั้นเลยรึ ?”

หากที่ซ่อนตัวของเจ้าสำนักหาได้ง่ายดายเช่นนี้ พวกเขาก็คงไม่เสียเวลาตามหามาหลายร้อยปี

ต้องบอกเลยว่าพวกเขานั้นโชคดีมาก หากมิใช่เพราะมู่เฉียนซีเป็นคนเด็ดดอกไม้แห่งความโลภนั้นมาได้ พวกเขาก็คงไม่มีทางเข้ามาในนี้ได้เป็นอันขาด

“เจ้าเจอสิ่งใดที่ด้านในบ้าง ?”

มู่เฉียนซี “ข้าเจอพวกแมลงกลุ่มหนึ่งและโครงกระดูกขาว ไม่มีสมบัติลึกลับใดซ่อนอยู่เลย”

“เจ้าแน่ใจรึว่าไม่มีอย่างอื่นซ่อนอยู่ ?” พวกเขากล่าวถามด้วยเสียงขรึม

“พวกท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นก็แล้วแต่พวกท่านแล้วกัน รีบหลีกทางให้ข้าเดี๋ยวนี้ อย่ามัวแต่มาขวางทางข้า”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวเจ้าไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน” พวกเขารู้สึกว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่ได้พูดความจริง จึงจะจับตัวไปทรมานเพื่อคาดคั้นความจริง หรือไม่ก็ใช้กู่ควบคุมนาง

— ฟึ่บ! —

ในขณะที่แมลงกู่เหล่านั้นพุ่งมา มู่เฉียนซีก็ได้เอายาฆ่าแมลงออกมาและเริ่มฉีดฆ่าแมลงกู่เหล่านั้นทันที  นางกล่าวอย่างสะอิดสะเอียน “ข้าเกลียดนัก พวกที่ชอบเล่นแมลงที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้!”

“จะ เจ้า…” สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปมาก เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้พ่นยาประหลาด ๆ ฆ่าแมลงกู่ที่พวกเขาเลี้ยงไว้จนตายได้

“กู่ใช้กับเจ้าเด็กหนุ่มไม่ได้ผล ลงมือต่อสู้เลยดีกว่า”

ต่อให้พวกเขาไม่ใช้กู่ พวกเขาก็มีพลังระดับจักรพรรดิ การที่จะเอาชนะเจ้าเด็กผู้นี้นั้นง่ายดายยิ่งนัก

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของพวกเขาเช่นนี้ มู่เฉียนซีรีบหลบอย่างรวดเร็ว

“ปรมาจารย์ภูตระดับเก้า”

เมื่อพวกเขาเห็นว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซียังไม่ถึงขั้นราชาแห่งภูต พวกเขารู้สึกโล่งใจขึ้น เป็นเช่นนี้ค่อยรับมือง่ายหน่อย

“เสี่ยวหง อู๋ตี้” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือจักรพรรดิ มู่เฉียนซีต้องใช้ไพ่เด็ดอย่างเจ้าสองตัวนี้แน่นอน หลังจากที่เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ออกมา มู่เฉียนซียกมือขึ้น ใช้พลังฝ่ามือโจมตีทันที “ทักษะตี้ซวน!”

ถึงแม้ไม่ได้ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่พลังก็ส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อพวกเขาเช่นกันที่ดูถูกคู่ต่อสู้มากเกินไป

— พลั่ก! —

อู๋ตี้เริ่มโจมตีอย่างดุเดือด

“เพลิงเผาสวรรค์!”

“อ๊าก!”

“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสองตัว”

ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะมีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิ แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสองตัวที่แข็งแกร่งอย่างเสี่ยวหงกับอู๋ตี้เช่นนี้ พวกเขาก็เตรียมใจตายแล้ว

“พวกเจ้ารับมือกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้ไว้ ข้าจะไปจัดการกับเด็กนั่นเอง” จักรพรรดิแห่งภูติระดับหกผู้นั้นพุ่งออกมา

มู่เฉียนซีเร่งรับหน้ากับเขาด้วยกระบี่มังกรเพลิง “มังกรเพลิงพิฆาต!”

จากนั้นเข็มยานับไม่ถ้วนพุ่งออกไป แต่ก็ไม่อาจขวางจักรพรรดิแห่งภูตอย่างเขาที่อยู่ตรงหน้าได้  เขาเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก พลังความแข็งแกร่งของนางห่างชั้นกับเขามาก เขากล่าวอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าเด็กน้อย หยุดลงมือแล้วยอมซะโดยดีเถอะ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ในพื้นที่ที่แคบและอับเช่นนี้พวกเจ้ากล้าลงมือต่อสู้กับข้า นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมาก พวกเจ้าไม่เห็นรึว่าตรงนี้ไม่มีแมลงสักตัวกล้าเข้ามา ?”

“พรวด!” ในขณะที่ร่างของเขากำลังจะเอื้อมมือจับมู่เฉียนซี ทันใดนั้นเขาก็กระอักเลือดคำโต

“จะ… เจ้า… เจ้าวางยาพิษข้า!”

ในเมื่อรู้ว่าศัตรูมีพลังวิญญาณที่สูงกว่า มู่เฉียนซีไม่มีทางที่จะออกมาเผชิญหน้าโดยไม่มีแผนรับมือ ถึงแม้เสี่ยวหงกับอู๋ตี้จะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แต่หากศัตรูต้องการจะฆ่านาง จักรพรรดิแห่งภูตย่อมสามารถฆ่านางได้อย่างง่ายดาย เมื่อถึงตอนนั้น นางก็ไร้พลังที่จะควบคุมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์  นางจึงเลือกที่จะวางยาพิษแทน

ในที่แห่งนี้คับแคบและอับยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ไร้ทางหนี

เส้นเลือดของพวกเขาแตกออก และแมลงกู่สีดำก็วิ่งมาอย่างบ้าคลั่ง  พวกเขาคิดจะใช้กู่เหล่านี้มาแก้พิษ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบา “พวกเจ้ายอมรับชะตากรรมความตายในครั้งนี้เถอะ ในเมื่อข้ากล้าที่จะวางยาพิษ นั่นหมายความว่าต่อให้เป็นแมลงกู่ของพวกเจ้าก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะแก้พิษได้”

“เจ้า!”

มู่เฉียนซี “พวกเจ้าก็คงจะเป็นเศษเดนของสำนักไป๋กู่ใช่หรือไม่ ?! คิดจะตามหาเจ้าสำนักคนเก่าเพื่อจะเอาตำราทักษะลับ ข้าจะบอกให้เอาบุญก็แล้วกัน ตำราเล่มนั้นอยู่กับข้าแล้ว พวกเจ้าฝันไปเถอะว่าจะได้มันไป”

“เหอะ! ที่แท้เจ้าก็ได้ตำราไปก่อนแล้ว”

“สำนักไป๋กู่ของพวกเจ้ายังเหลือเศษเดนอีกคนหนึ่ง นางมีนามว่าโอวหยางหว่าน เจ้ารู้หรือไม่ว่านางอยู่ที่ใด ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามเสียงเข้ม

“ถึงแม้ว่าสำนักไป๋กู่ของพวกข้าจะพังพินาศไปแล้ว แต่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นสำนักนิกายอันดับหนึ่งมาก่อน คนในสำนักที่หลงเหลืออยู่ก็ยังมีไม่น้อย พวกข้าไม่รู้ว่าโอวหยางหว่านที่เจ้ากำลังกล่าวถึงคือใคร”

“ในเมื่อไม่รู้ พวกเจ้าก็ไร้ประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา

“ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะได้โปรด ในเมื่อเจ้าได้ตำราทักษะลับของสำนักไป๋กู่ไปแล้ว หากศึกษาตำราจนบรรลุ บนโลกนี้ก็ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับเจ้า ต่อไปข้าจะจงรักภักดีต่อเจ้า จากนั้นพวกเราก็จะฟื้นฟูสำนักไป๋กู่ให้กลับมาแข็งแกร่งเช่นเดิม ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้เป็นถึงเจ้าสำนักเลยเชียว”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “สิ่งที่เจ้ากล่าวนั้นไม่เลวเลย แต่ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าพวกเจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งของข้าทุกอย่าง”

คนของสำนักไป๋กู่ซ่อนตัวได้อย่างลึกลับ  แต่หากปล่อยให้พวกเขาทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จะทำให้เกิดปัญหามากมายขึ้นได้ ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงไว้ชีวิตพวกเขาทว่านางใช้ยาพิษควบคุมพวกเขาไว้

.

.

.