บทที่ 248 อัศจรรย์ ข้าฝึกม้าไม่ได้จริงๆ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 248 อัศจรรย์, ข้าฝึกม้าไม่ได้จริงๆ
“เฟิ่งชิงเฉินสู้ๆ!” เมื่อเดินผ่านตี๋ตงหมิง ตี๋ตงหมิงโบกมือที่เป็นกำปั้นให้นาง เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า โดยไม่เกรงกลัว
“เฟิ่งชิงเฉินสู้ๆ!” เหล่าคุณชายที่กำลังเฝ้าดู เมื่อได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินลงสนามด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง ก็เรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้เล็กน้อย พากันโบกกำปั้นและตะโกนอย่างสุดเสียง
ฝั่งตรงข้ามคือเหล่าผู้หญิงและคุณนายทั้งหลาย เมื่อได้ยินก็พากันตะโกนตามว่า “เฟิ่งชิงเฉินสู้ๆ”
เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ได้เริ่มการประลอง แต่ทั้งสนามก็เริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าคนเหล่านี้จะเคยไม่ชอบเฟิ่งชิงเฉินมาก่อน แต่ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ให้กำลังใจนาง และหวังว่านางจะสามารถชนะได้
แต่ต้องรู้ว่า ถ้าหากเฟิ่งชิงเฉินแพ้ในสนามนี้แล้ว สิ่งที่จะหายไปนั้นก็คือมือทั้งสองของนาง
ทุกคนต่างมีความเห็นอกเห็นใจให้กับผู้ที่อ่อนแอ ตอนนี้ในสายตาของทุกคน เฟิ่งชิงเฉินคือผู้อ่อนแอ
น่าเสียดาย ชิงเฉินคนนี้ไม่มองเรื่องเหล่านี้ให้อยู่ในสายตา
“คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นที่ยอมรับอย่างมาก” ตงหลิงจื่อชุนภาคภูมิใจมากมาย เหมือนกับว่าผู้คนเหล่านี้กำลังตะโกนให้กำลังใจเขา
ตงหลิงจื่อลั่วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และเงยหน้ามองไปบนฟ้า
“คุณหนูเฟิ่ง เชิญ!” องครักษ์เปิดประตูเหล็กที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ และปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในสนามฝึกม้า
“เข้ามาในสนามแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเข้าในสนามแล้ว”
ความดังของเสียงทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกใจอย่างมาก
เมื่อเข้าในสนามแล้ว ก็คือเข้ามาแล้ว จะเรียกอีกเพื่ออะไร มาฝึกม้าจะไม่ให้เข้ามาในสนามหรือ ช่างเป็นพวกที่โง่เง่าเสียจริง
“พวกเจ้าว่า ม้าตัวนั้นจะเตะเฟิ่งชิงเฉินตายหรือไม่ มีองครักษ์อยู่ที่รอบสนามฝึกก็จริง แต่สนามฝึกม้ากว้างใหญ่ขนาดนี้ เกิดเฟิ่งชิงเฉินตกม้า แล้วองครักษ์มาช่วยไม่ทัน เช่นนั้นก็ถูกม้าเหยียบตายได้สิ” คุณชายเสื้อน้ำเงินพูดอย่างกังวลใจซึ่งดึงดูดความสนใจจากทุกคนในทันที
เฮ้อ……คนพวกนี้คิดมากกันเสียจริง
เฟิ่งชิงเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจเสียงที่วุ่นวายเหล่านั้นในหูของนาง ทันทีที่ได้เข้าสู่สนาม ในสายตาก็นางก็มีเพียงม้าตัวนั้นที่กำลังวิ่งไปทั่วในสนามฝึก ม้าเหงื่อโลหิต สังเกตดูอาการของมันอย่างละเอียดและประเมินความเร็วของมัน
ม้าตัวนี้น่าจะกำลังพยายามหาทางออก นอกจากตอนที่เพิ่งเข้ามาในสนาม และหลังจากที่มันวิ่งไปรอบๆอย่างดุเดือดได้สักพักความเร็วของมันก็ไม่เร็วมาก อย่างน้อยเฟิ่งชิงเฉินก็คิดว่าถ้าตนเองวิ่งให้เร็วสักหน่อย ก็สามารถขึ้นไปบนหลังของมันได้
ม้าเหงื่อโลหิตวิ่งผ่านเฟิ่งชิงเฉินไปเป็นรอบที่สาม เฟิ่งชิงเฉินก็สามารถคำนวณความเร็วและเส้นทางของมันได้คร่าวๆ
ม้าตัวนี้กำลังพยายาม พยายามวิ่งหาทางออก ในทุกๆรอบอยากจะวิ่งพุ่งเข้าใส่รั้วกั้น น่าเสียดายที่รั้วนี้สร้างขึ้นมาอย่างพิเศษ ถ้าหากม้าตัวนี้สามารถวิ่งออกไปได้ก็คงจะเป็นเรื่องตลกแล้ว
“เฟิ่งชิงเฉิน นี่กำลังทำอะไรอยู่? คงไม่ได้รออยู่ตรงนั้นเพื่อให้ม้าป่าตัวนี้วิ่งจนหมดแรงใช่หรือไม่? ม้าตัวนี้สามารถวิ่งติดต่อกันได้สามวันสามคืนเลยนะ นางจะรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?” เฟิ่งชิงเฉินไม่เคลื่อนไหวอยู่นานมาก ทำให้คนดูต่างไม่เข้าใจและไม่พอใจ
ความเห็นอกเห็นใจก็คือความเห็นอกเห็นใจ แต่เมื่อพูดถึงความคึกคักในจิตใจ ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมากกับความเงียบสงบในสนาม
เวลานี้ ม้าเหงื่อโลหิตในสนามก็วิ่งเข้ามาหาเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง และครั้งนี้เอง ในที่สุดนางก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว โดยวิ่งอย่างเร็วไปในทิศทางเดียวกับม้า และรักษาระยะห่างระหว่างม้าหนึ่งเมตร
เฟิ่งชิงเฉินวิ่งไปกับม้าป่าตัวนั้น มันเร็วเฟิ่งชิงเฉินก็เร็ว มันช้าเฟิ่งชิงเฉินก็ช้า!
ม้าตัวนั้นถ้าหากเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้ ก็คงจะเตะเฟิ่งชิงเฉินออกไป แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เข้าใกล้มันแม้แต่ก้าวเดียว แค่รักษาเว้นระยะห่างกับมันไว้หนึ่งเมตร หลังจากนั้นก็วิ่งไปพร้อมๆกับมัน
หนึ่งรอบ สองรอบ
สนามม้ามีขนาดใหญ่มาก และม้าตัวนี้ก็ไม่ได้วิ่งบนทางม้า ไม่นานก็กระโดดไปตรงนั้น สักพักก็กระโดดไปตรงนี้ หนึ่งรอบนี้อย่างน้อยก็ไกลถึงสามพันเมตร สองรอบก็เกือบถึงหกพันเมตรได้
ม้าวิ่งหกพันเมตรนั้นไม่เป็นอะไร แต่ผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งหกพันเมตรนั้นเหนื่อยมากจนแทบล้ม และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องรักษาความเร็วให้เท่ากับม้าตลอดเวลา
แม้ว่าม้าตัวนี้จะวิ่งช้าแค่ไหน แต่ก็ยังแข็งแรงมากกว่าคน
“เฟิ่งชิงเฉินนี่คืออะไรหรือ? วิ่งไปพร้อมกัน?”
“ความแข็งแกร่งของร่างกายเฟิ่งชิงเฉินดีมากจริงๆ วิ่งไปแล้วทั้งหมดสองรอบ นางก็ไม่เหนื่อย? แล้วจะยังวิ่งต่อไปได้หรือไม่?”
เหนื่อยหรือไม่?
นี่ไม่นับว่าเหนื่อยจริงๆ นางอยู่ในสนามและวิ่งไปพร้อมกับแบกรับน้ำหนักอะไรด้วยหรือ สวมใส่ชุดที่เบาแบบนี้ วิ่งหกพันเมตรจะไปนับประสาอะไรได้ แค่รักษาลมหายใจให้มั่นคง จะให้เฟิ่งชิงเฉินวิ่งอีกหกพันเมตร ก็ไม่เรียกว่าเหนื่อยหรอก
สัตว์ก็มีความทรงจำเหมือนกัน เฟิ่งชิงเฉินวิ่งกับมันมาเนิ่นนาน ม้าตัวนั้นก็คุ้นเคยกับการปรากฏตัวอยู่ของนางไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเฟิ่งชิงเฉินเริ่มลดความเร็วลงทีละน้อย ม้าตัวนั้นก็ลดความเร็วลงด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เฟิ่งชิงเฉินนำม้าตัวนี้มาเป็นข้อมูลอ้างอิง ศึกษาและปฏิบัติตาม ในตอนนี้ บทบาทของทั้งสองก็สลับสับเปลี่ยนกัน ม้าตัวนี้ใช้เฟิ่งชิงเฉินเป็นข้อมูลอ้างอิง และใช้ความเร็วทั้งหมดตามความเร็วของเฟิ่งชิงเฉิน
“สำเร็จแล้วครึ่งหนึ่ง!” เฟิ่งชิงเฉินแอบดีใจ ความเร็วช้าลงเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งรอบ เฟิ่งชิงเฉินวิ่งไปอย่างช้าๆ แต่ม้าตัวนั้นเหมือนกับกำลังเดินเล่น เป็นไปตามพื้นฐานของการรักษาความเร็วในระดับเดียวกันระหว่างม้าหนึ่งตัวกับคนหนึ่งคน หรือก็คือ จากความเร็วของเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้ม้าตัวนั้นแทบจะหยุดนิ่งแล้ว
ระยะห่างหนึ่งเมตร จะบอกว่าไกลก็ไม่ไกล จะบอกว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ เพียงแค่สองก้าวยาวๆก็สามารถก้าวข้ามไปได้ ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังดึงดูดความสนใจของม้าตัวนี้ เมื่อวิ่งไปถึงหัวโค้งหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินก็กระโดดขึ้นม้าทันที มือทั้งสองคว้าขนที่คอเอาไว้ กระโจนตัวขึ้นไปบนหลังม้า……
เงาสีดำของร่างกายวาดออกไปเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม ทุกคนมองด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง ทั้งสนามก็เงียบผิดปกติ และเมื่อทุกคนรู้สึกตัวกลับมา ก็ได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ที่บนหลังม้าแล้ว
“สวยงาม!” เสียงตะโกนดังขึ้น ทำให้ทั้งสนามคล้อยตามกันปรบมือ จนเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นมา
“เฟิ่งชิงเฉิน ทำได้ดีมาก!”
“ให้ตายสิ สวยงามจริงๆ!”
“สำเร็จแล้ว เฟิ่งชิงเฉินขึ้นนั่งบนหลังได้สำเร็จแล้ว”
“น่าทึ่งมาก การเคลื่อนไหวที่สวยงามของเฟิ่งชิงเฉิน นางขึ้นไปนั่งข้างบนนั้นได้อย่างไร ข้าเหมือนจะมองเห็นไม่ชัด”
“ดี!” จักรพรรดิเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เขาตบบัลลังก์มังกรและลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
การเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินนี้ ทำให้เขามองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะชนะ
“ม้าตัวนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าดุร้ายมาก นึกไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะสามารถขึ้นไปนั่งได้ ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริงๆ” องค์รัชทายาทวางมือขวาบนหัวใจของเขาและหอบเหนื่อยมาก เมื่อสักครู่นี้ตื่นเต้นมากเกินไปจนแทบจะล้มป่วยไปแล้ว
“ข้าไม่รู้จริงๆ เจ้ายังมีความลับมากมายขนาดไหนที่ยังไม่มีใครรู้ เด็กคนหนึ่งที่กำพร้าพ่อและแม่ มีความสามารถที่มากล้น ทักษะการแพทย์ที่ดีเยี่ยม ทักษะขี่ม้าก็ไม่ธรรมดา เฟิ่งชิงเฉินนะเฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นคนที่น่าอัศจรรย์จริงๆ” ดวงตาสีดำอันสงบนิ่งของตงหลิงจิ่วกำลังเปล่งประกายเป็นพิเศษ
แต่ว่า ทุกคนดูเหมือนจะมีความสุขกันเร็วเกินไป นั่งบนหลังม้าได้ก็ไม่ได้แสดงว่าจะทำให้ม้าเชื่องได้!
เฟิ่งชิงเฉินใช้เล่ห์เหลี่ยมขึ้นไปนั่งบนหลังม้าได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะสามารถนั่งได้อย่างมั่นคง ทันทีม้าตกใจ มันก็กระโดดลอยขึ้นไปกลางอากาศด้วยกีบทั้งสี่ข้าง แม้เฟิ่งชิงเฉินจะเตรียมการมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก็ยังถูกเหวี่ยงตกลงมา
“ตกม้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินตกม้าแล้ว” หัวใจของทุกคนต่างพากันเต้นขึ้น จากความดีใจเปลี่ยนเป็นความกังวลใจ แต่ก็ยังอาจจะมีการแสดงดีๆเหลืออยู่บ้างก็เป็นได้
ตกลงมาหรือ? เสด็จอาเก้ารู้สึกแค่เพียงความเจ็บของฝ่ามือ หลังจากนั้นสักพักถึงได้สติกลับมา เขารีบคลายหมัดที่กำแน่นอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิมองเสด็จอาเก้าอย่างครุ่นคิด เสด็จอาเก้าที่ดูไม่ได้สนใจ แต่ดวงตาสีดำที่สงบนั้นดูผิดปกติไป
ตั้งแต่วินาทีที่เฟิ่งชิงเฉินตกลงมาจากหลังม้า ทุกย่างก้าวทุกการกระทำของนางก็เกี่ยวข้องกับหัวใจของทุกคนในสนามแห่งนี้ รวมทั้งเหยาหวาและซูหว่านด้วย ความหวังสูงสุดของผู้หญิงสองคนนี้คือการที่เฟิ่งชิงเฉินล้มตายหรือไม่ก็พิการ
แต่น่าเสียดาย ที่ต้องทำให้เหยาหวาและซูหว่านผิดหวัง แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้ แต่ร่างกายของนางปราดเปรียวว่องไวมาก และมีปฏิกิริยาที่เร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะตกลงมา แต่นางจับหางม้าไว้ได้ จึงไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้หญิงสองคนนั้นคิด นางตกลงและลอยออกมา